• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0311076 ไว ใจคนท ไม าไว ใจ part2

admin79 by admin79
October 29, 2025
in Uncategorized
0
N0311076 ไว ใจคนท ไม าไว ใจ part2

ในโลกแห่งยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการมาถึงของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่ล้ำสมัย การหวนกลับมามองรถยนต์ที่เปรียบเสมือนหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ยานยนต์นั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และหากจะเอ่ยถึงรถสปอร์ตที่สร้างปรากฏการณ์และท้าทายขนบเดิมๆ ได้อย่างถึงแก่นแล้ว Nissan GT-R เจเนอเรชัน R35 โดยเฉพาะรุ่นปี 2018 คือหนึ่งในตำนาน “Godzilla” ที่ยังคงคำรามก้อง และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลก แม้ว่าเราจะก้าวเข้าสู่ปี 2025 แล้วก็ตาม

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่มีประสบการณ์มากกว่าทศวรรษ ผมกล้ากล่าวได้ว่า Nissan GT-R 2018 ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นวิศวกรรมชิ้นเอกที่ผสมผสานความหลงใหล เทคโนโลยี และปรัชญาการขับขี่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่คุณค่าและความน่าเกรงขามของมันกลับไม่ลดน้อยลงเลย กลับกัน มันได้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักสะสม ผู้ที่มองหาสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ในราคาที่เข้าถึงได้ หรือผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบ เกรี้ยวกราด และเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเร็ว

การออกแบบที่เหนือกาลเวลา: ความดุดันที่ยังคงสะดุดตาในทุกมุมมอง

เมื่อพูดถึง Nissan GT-R 2018 สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน มีมิติ และเปี่ยมด้วยจุดประสงค์ทางอากาศพลศาสตร์ แม้การออกแบบพื้นฐานจะยึดตามแนวทางของ R35 มาตั้งแต่ปี 2007 แต่รุ่นปี 2018 ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดให้มีความทันสมัยและเฉียบคมยิ่งขึ้น สิ่งที่ทำให้ GT-R โดดเด่นมาโดยตลอดคือการผสมผสานความสวยงามเข้ากับฟังก์ชันการใช้งาน ทุกเส้นสายบนตัวถังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงทำหน้าที่สำคัญในการจัดการการไหลเวียนของอากาศ ช่วยสร้างแรงกด (downforce) และลดค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (drag coefficient) ให้ดีที่สุด

จากด้านหน้า กระจังหน้า V-Motion อันเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan ได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มการระบายความร้อนของเครื่องยนต์และระบบเบรก ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่กันชนหน้าเน้นย้ำถึงสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ภายใน ไฟหน้า LED รูปทรงเพรียวคม ผสานกับไฟ DRL ที่โดดเด่น ทำให้รถมีบุคลิกที่ทันสมัยและดุดัน เส้นสายด้านข้างที่ลากยาวอย่างมีพลัง พร้อมซุ้มล้อที่โป่งออก บ่งบอกถึงความกว้างของฐานล้อและการยึดเกาะถนนที่เหนือชั้น

แต่สิ่งที่ถือเป็น “ลายเซ็น” ที่ไม่มีวันเสื่อมคลายของ GT-R คือไฟท้ายทรงกลมคู่สองชั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากตำนาน Skyline GT-R ในอดีต และยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้รถคันนี้เป็นที่จดจำ แม้แต่ในยุคที่รถยนต์ส่วนใหญ่หันไปใช้ไฟท้าย LED แบบเส้นยาวหรือรูปทรงแปลกตา ไฟท้ายของ GT-R ก็ยังคงให้ความรู้สึกคลาสสิกแต่ร่วมสมัยอย่างน่าทึ่ง เมื่อมองจากด้านหลัง สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตกแต่ง แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างแรงกดในความเร็วสูง เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ได้อย่างมหาศาล ท่อไอเสียสี่ปลายขนาดใหญ่ที่จัดวางอย่างสมมาตรคือสัญญาณที่ชัดเจนถึงพละกำลังอันมหาศาลที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมา

ภายในห้องโดยสารของ GT-R 2018 ก็ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการใช้งานในชีวิตประจำวัน แผงหน้าปัดและคอนโซลกลางถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เน้นการใช้งานโดยผู้ขับขี่เป็นหลัก วัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้หรือการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม ต่างสะท้อนถึงความประณีตและหรูหราที่ทัดเทียมรถสปอร์ตพรีเมียม เบาะนั่งคู่หน้าสปอร์ตกระชับโอบรับสรีระได้ดีเยี่ยม ให้ความมั่นใจในทุกโค้ง แต่ก็ยังคงความสบายสำหรับการเดินทางไกล สำหรับเบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบ 2+2 ที่เหมาะสำหรับเด็กเล็กหรือสัมภาระมากกว่าผู้ใหญ่

หัวใจของอสูรกาย: เครื่องยนต์ VR38DETT ที่สร้างด้วยมือ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Nissan GT-R 2018 เป็นตำนานที่ไม่เสื่อมคลายคือเครื่องยนต์เบนซินรหัส VR38DETT แบบ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ ขนาด 3.8 ลิตร ที่ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือระดับ “ทาคุมิ” (Takumi) เพียงไม่กี่คนเท่านั้นในโลก นี่ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ผลิตบนสายพานการผลิตทั่วไป แต่เป็นผลงานศิลปะเชิงวิศวกรรมที่เกิดจากการทำงานด้วยมือของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูงสุด

เครื่องยนต์ VR38DETT ในรุ่น GT-R Standard ให้กำลังสูงสุดถึง 419 กิโลวัตต์ หรือ 570 แรงม้า (PS) และสำหรับรุ่น Nismo จะเพิ่มขึ้นเป็น 441 กิโลวัตต์ หรือ 600 แรงม้า (PS) ตัวเลขเหล่านี้ยังคงเป็นที่น่าเกรงขามแม้ในบริบทของปี 2025 เมื่อพิจารณาจากเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ แรงบิดมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถมีอัตราเร่งที่รุนแรงและเร้าใจในทุกย่านความเร็ว

เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ VR38DETT มีหลายประการที่น่าสนใจ:

เทอร์โบชาร์จเจอร์ IHI Twin-Turbo: ระบบเทอร์โบคู่จาก IHI ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อส่งอากาศที่ถูกอัดเข้าสู่แต่ละสูบได้อย่างราบรื่นที่สุด ลดอาการรอรอบ (turbo lag) ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ฉับไวและทันใจในทุกจังหวะการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ที่ช่วยรักษาอุณหภูมิอากาศไอดีให้เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเผาไหม้

การเคลือบกระบอกสูบด้วยเทคโนโลยี Plasma-Spray: แทนที่จะใช้ปลอกสูบแบบเหล็กหล่อแบบดั้งเดิม GT-R ใช้เทคโนโลยีการเคลือบกระบอกสูบด้วยพลาสมาสเปรย์ ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อเย็น และที่สำคัญคือช่วยลดน้ำหนักของเครื่องยนต์โดยรวม ทำให้เครื่องยนต์ VR38DETT มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ในระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่งผลดีต่ออัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักและการจัดการน้ำหนักของรถ

การจัดวางเครื่องยนต์ที่เหมาะสม: ด้วยการออกแบบให้เครื่องยนต์มีน้ำหนักเบาและจัดวางตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ GT-R มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมรถสมรรถนะสูง

ระบบส่งกำลังและพลวัตการขับขี่: การประสานงานที่ไร้ที่ติ

พลังอันมหาศาลของ VR38DETT จะไม่สามารถถ่ายทอดลงสู่พื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพหากปราศจากระบบส่งกำลังที่ยอดเยี่ยม Nissan GT-R 2018 มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Dual Clutch ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ เพียง 0.15 วินาทีในโหมด R-Mode ทำให้การเร่งความเร็วเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่ขาดตอน การมี Paddle-shift ที่พวงมาลัยยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการ เพิ่มอรรถรสในการขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างเต็มที่

หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของสมรรถนะ GT-R คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ATTESA E-TS (Advanced Total Traction Engineering System for All Electronic Torque Split) ระบบนี้ไม่ใช่แค่การส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่แบบทั่วไป แต่เป็นระบบที่ซับซ้อนและชาญฉลาด สามารถปรับการกระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำตามสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ โดยสามารถส่งแรงบิดไปยังล้อหลังได้สูงสุดถึง 100% และสามารถถ่ายเทไปยังล้อหน้าได้ถึง 50% เมื่อต้องการการยึดเกาะที่มากขึ้น ทำให้ GT-R สามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและออกจากโค้งได้อย่างรวดเร็วราวกับถูกยิงออกจากหน้าไม้ แรงจีที่เกิดขึ้นในทุกจังหวะการเร่งจะดึงคุณเข้าสู่ห้วงอารมณ์แห่งความสปอร์ตอย่างแท้จริง

ด้วยขุมพลังและระบบขับเคลื่อนอันทรงประสิทธิภาพนี้ ทำให้ Nissan GT-R 2018 มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 2.7 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถท้าชนซูเปอร์คาร์จากยุโรปที่มีราคาแพงกว่าหลายเท่าตัวได้อย่างสบายๆ และความเร็วสูงสุดที่วัดได้จริงถึง 313.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือบทพิสูจน์ถึงขีดสุดแห่งวิศวกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น

ช่วงล่างและระบบควบคุม: ความสนุกที่สั่งได้ดั่งใจ

เพื่อรองรับพละกำลังและอัตราเร่งอันมหาศาล ช่วงล่างของ Nissan GT-R 2018 จึงได้รับการคัดสรรและปรับแต่งมาเป็นอย่างดี เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก ตื่นเต้น และเปี่ยมด้วยความมั่นใจ

โช้คอัพ Bilstein® DampTronic®: GT-R ใช้โช้คอัพ Bilstein® DampTronic® ซึ่งเป็นระบบปรับความหนืดอัตโนมัติที่ได้รับการเซ็ตอัพมาโดยเฉพาะสำหรับ GT-R ระบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนการตอบสนองของโช้คอัพได้อย่างรวดเร็วตามสภาพถนนและโหมดการขับขี่ที่เลือก ทำให้รถสามารถรักษาเสถียรภาพและลดการสั่นสะเทือนได้อย่างเหมาะสม มอบทั้งความนุ่มนวลในการขับขี่ในชีวิตประจำวันและความแข็งแกร่งสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง

ระบบเบรก Brembo® Monoblock: สำหรับรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้สูงถึงสามร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบเบรกคือสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัย GT-R 2018 ติดตั้งจานเบรกแบบ Monoblock จาก Brembo® ที่แข็งแกร่งและทนทาน รองรับแรงมหาศาลได้อย่างดีเยี่ยม โดยด้านหน้ามีคาลิปเปอร์เบรก 6 ลูกสูบ และด้านหลัง 4 ลูกสูบ การออกแบบโรเตอร์ด้านในยังช่วยระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องแม้ภายใต้การใช้งานอย่างหนักหน่วง

ล้อ RAYS® Forged Aluminum: ล้ออลูมิเนียมฟอร์จขนาด 20 นิ้วที่ผลิตโดย RAYS® ซึ่งเป็นผู้ผลิตล้อซิ่งระดับโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและความแข็งแกร่ง ล้อเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีดีไซน์ที่สวยงามและดุดัน แต่ยังมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง (unsprung weight) ทำให้ช่วงล่างสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และส่งผลดีต่อการยึดเกาะถนนและการควบคุม

ยางสปอร์ต Dunlop® SP Sport Maxx® GT 600 DSST CTT: เพื่อดึงสมรรถนะสูงสุดของรถยนต์สปอร์ตออกมา GT-R จึงเลือกใช้ยาง Dunlop® SP Sport Maxx® GT 600 DSST CTT ซึ่งเป็นยางแบบรันแฟลตสมรรถนะสูงที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ GT-R ยางชุดนี้มอบการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม ให้ความมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง และสร้างความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่พร้อมการควบคุมที่เฉียบคม

โหมดการขับขี่: ปรับแต่งประสบการณ์เพียงปลายนิ้วสัมผัส

Nissan GT-R 2018 มอบความยืดหยุ่นในการขับขี่ด้วย 3 โหมดที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการตอบสนองของระบบเกียร์ ช่วงล่าง และระบบควบคุมเสถียรภาพ Vehicle Dynamic Control (VDC) ได้อย่างอิสระ:

R-Mode (Race Mode): โหมดที่ออกแบบมาเพื่อปลดปล่อยสมรรถนะสูงสุดของ GT-R ระบบเกียร์จะเปลี่ยนเป็นแบบ Quick Shift ที่ทำงานรวดเร็วฉับไว ไต่รอบเครื่องยนต์อย่างดุดัน และใช้อัตราการเปลี่ยนเกียร์ที่สั้นที่สุด ช่วงล่างจะแข็งขึ้นเพื่อการยึดเกาะถนนสูงสุด และระบบ VDC จะถูกปรับให้เหมาะสมกับการขับขี่แบบสปอร์ตในสนามแข่ง มอบประสบการณ์ที่ดิบและเร้าใจที่สุด

NORMAL Mode: โหมดสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน โหมดนี้จะปรับการทำงานของทั้งสามระบบให้มีความลื่นไหลและนุ่มนวลมากที่สุด เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกสบายและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองหรือการขับขี่ระยะไกล

SPECIAL Mode (SAVE Mode): โหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อการเดินทางไกลหรือในสภาพถนนที่ลื่นไถล ระบบจะเพิ่มแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ในย่านความเร็วต่ำ เพื่อรักษาเสถียรภาพของรถบนพื้นผิวที่มีการยึดเกาะต่ำ พร้อมทั้งรวมข้อดีในด้านความนุ่มนวลของโช้คอัพและความสบายในการขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน

หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Real-time: เชื่อมต่อกับทุกชีพจรของรถ

Nissan GT-R 2018 ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยหน้าจอ Multiple Customizable Displays ที่เป็นนวัตกรรม นำเสนอข้อมูลสมรรถนะของรถแบบเรียลไทม์ได้อย่างละเอียด ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเครื่องจักรสมรรถนะสูงนี้อย่างแท้จริง หน้าจอเหล่านี้ได้รับการพัฒนาโดย Polyphony Digital สตูดิโอเดียวกับที่สร้างเกม Gran Turismo ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้ GT-R มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้ตามต้องการ อาทิ:

มอนิเตอร์เครื่องยนต์: แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น แรงดันเทอร์โบ (Turbo Boost), อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง, และแรงดันน้ำมันเครื่อง

มอนิเตอร์กำลังขับเคลื่อน: แสดงข้อมูลกำลังที่เครื่องยนต์ส่งออกมา, แรงดันเทอร์โบ, และองศาของลิ้นปีกผีเสื้อ

มอนิเตอร์ความประหยัดน้ำมัน: ตรวจสอบค่าความประหยัดน้ำมันในการขับขี่ พร้อมแสดงระดับความประหยัดได้อย่างชัดเจน

มอนิเตอร์การทำงานของเครื่องยนต์: แสดงอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง, และอุณหภูมิน้ำมันเกียร์

มอนิเตอร์ความสมดุลของตัวรถ: แสดงองศาการเอียงของตัวรถ สำหรับการเข้าโค้งและการใช้เบรก

หน้าจอจับเวลา (Lap Timer): สามารถกดเริ่มและหยุดจับเวลาได้บนพวงมาลัย เพื่อบันทึกสถิติส่วนตัวในการขับขี่

หน้าจอแสดงผลเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ “ของเล่น” แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจและควบคุมสมรรถนะของ GT-R ได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ทุกการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นบนถนนสาธารณะหรือในสนามแข่ง กลายเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึก

Nissan GT-R 2018 ในปี 2025: ตำนานที่ยังคงมีชีวิต

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 Nissan GT-R 2018 ยังคงสถานะเป็นหนึ่งในรถยนต์สปอร์ตที่น่าจับตามองและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง มันคือสัญลักษณ์ของวิศวกรรมญี่ปุ่นที่สามารถท้าทายยักษ์ใหญ่จากยุโรปได้อย่างภาคภูมิใจ แม้ว่าปัจจุบัน Nissan จะยังคงทำตลาด GT-R R35 รุ่นที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง และโลกกำลังมุ่งสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ GT-R 2018 ก็ยังคงมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่อาจหาได้จากรถรุ่นใหม่ๆ

สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงในตลาดรถยนต์มือสอง GT-R 2018 ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ด้วยราคาที่เริ่มจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับราคาเปิดตัว แต่ยังคงให้สมรรถนะที่ทัดเทียมหรือดีกว่ารถสปอร์ตใหม่หลายรุ่นที่ราคาแพงกว่า การเป็นเจ้าของ “Godzilla” ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการครอบครองรถยนต์ แต่เป็นการครอบครองประวัติศาสตร์และตำนานแห่งความเร็ว

อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าของรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง GT-R ในปี 2025 ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการดูแลรักษาที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อะไหล่บางชิ้นอาจหายากขึ้นเมื่อรถมีอายุมากขึ้น และค่าบำรุงรักษาอาจสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่ด้วยความทนทานของเครื่องยนต์ VR38DETT และการออกแบบที่แข็งแกร่ง ทำให้ GT-R ยังคงเป็นรถที่สามารถใช้งานได้อย่างวางใจ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

สรุปได้ว่า Nissan GT-R 2018 คือเครื่องจักรที่ไร้กาลเวลา มันเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ Nissan ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถมอบสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ในราคาที่จับต้องได้ และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับวิศวกรและผู้ที่ชื่นชอบความเร็วมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี “Godzilla” คันนี้ก็จะยังคงเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในรถยนต์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

Previous Post

N0311056 กประก part2

Next Post

N0311079 นายคนแกล งท นเกล ยด part2

Next Post
N0311079 นายคนแกล งท นเกล ยด part2

N0311079 นายคนแกล งท นเกล ยด part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.