ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมรถยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2025 ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญ ระบบขับขี่อัตโนมัติกำลังก่อร่างสร้างตัว และความคาดหวังของผู้บริโภคก็สูงขึ้นตามลำดับ แต่กระนั้น การหวนกลับไปมอง “ตำนาน” ที่เคยสร้างชื่อเสียงเมื่อแปดปีก่อนอย่าง ISUZU MU-X Minorchange 2017 และ Nissan GT-R 2017 ก็ยังคงให้บทเรียนและมุมมองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในตลาด รถมือสอง ที่คึกคักไม่แพ้ตลาดรถใหม่
ปี 2017 เป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังปรับตัวจากมาตรฐานเดิมสู่ยุคใหม่ ISUZU MU-X 2017 ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ยอดนิยมในไทย ได้รับการปรับโฉมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมชูจุดเด่นด้านขุมพลัง Blue Power ที่เน้นความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Nissan GT-R 2017 สปอร์ตคาร์ระดับตำนานจากญี่ปุ่น ก็ได้รับการอัปเกรดเพื่อตอกย้ำฉายา “Godzilla” ด้วยพละกำลังและสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาท่านผู้อ่านย้อนเวลาไปทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้รถทั้งสองรุ่นนี้โดดเด่นในยุคนั้น และประเมินคุณค่าและความน่าสนใจของพวกมันในบริบทของปี 2025 ที่เรายืนอยู่ปัจจุบันนี้
ISUZU MU-X Minorchange 2017: อดีตผู้นำ PPV กับบทบาทใหม่ในตลาดรถมือสอง 2025
ISUZU MU-X ถือเป็นหนึ่งในชื่อที่คุ้นเคยในกลุ่ม รถยนต์ครอบครัว ประเภท PPV (Pickup Passenger Vehicle) ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะรุ่น Minorchange 2017 ที่เข้ามาสร้างความสดใหม่ให้กับตลาดด้วยรูปลักษณ์ที่ปรับปรุงให้ดูทันสมัยและดุดันยิ่งขึ้น การปรับโฉมครั้งนั้นครอบคลุมตั้งแต่ไฟหน้า กระจังหน้า และสปอยเลอร์หน้า ซึ่งในมุมมองของปี 2025 ดีไซน์เหล่านั้นยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ได้ล้าสมัยไปเสียทีเดียว แต่แน่นอนว่าย่อมแตกต่างจาก ดีไซน์รถยนต์ PPV รุ่นใหม่ล่าสุดที่เน้นความโค้งมนและเทคโนโลยีการส่องสว่างแบบ LED Matrix ที่ซับซ้อนกว่า อย่างไรก็ตาม ความเรียบง่ายแต่แข็งแกร่งของ MU-X 2017 กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ยังคงดึงดูดใจผู้ที่มองหา รถมือสอง ที่ทนทานและดูแลรักษาง่าย
ขุมพลังและสมรรถนะ: หัวใจ Blue Power ที่ยังคงโดดเด่น
จุดเด่นสำคัญของ ISUZU MU-X 2017 คือทางเลือกเครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2 ขนาด ได้แก่ 1.9 DDi Blue Power และ 3.0 DDi Blue Power ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นเทคโนโลยี เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบยุคใหม่ที่เน้นทั้ง ประหยัดน้ำมัน และ ปล่อยมลพิษต่ำ ในปี 2025 นี้ เครื่องยนต์เหล่านี้ยังคงเป็นที่ยอมรับในด้านความทนทานและการบำรุงรักษาที่ไม่ซับซ้อน
1.9 DDi Blue Power (150 แรงม้า / 350 นิวตันเมตร): สำหรับผู้ที่เคยขับขี่หรือเป็นเจ้าของรุ่นนี้ จะทราบดีว่าเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เน้น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ที่น่าประทับใจ ด้วยเทคโนโลยี ISS (Idling Stop/Start System) ที่ช่วยประหยัดน้ำมันในเมือง และมีแรงบิดเพียงพอสำหรับการขับขี่แบบสบายๆ ไม่เน้นความจัดจ้าน แม้ในปัจจุบันจะมีเครื่องยนต์ที่ให้กำลังและแรงบิดสูงกว่า แต่สำหรับ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่ต้องการความคุ้มค่าด้านเชื้อเพลิงในระยะยาว รุ่น 1.9 DDi ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด รถมือสอง
3.0 DDi Blue Power (177 แรงม้า / 380 นิวตันเมตร): สำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังที่มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องบรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน หรือต้องเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อยครั้ง เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ให้การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น ให้ความมั่นใจในการเร่งแซง และการขับขี่ทางไกลที่ต่อเนื่องยาวนาน การันตีได้ถึง สมรรถนะรถยนต์ ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานหนัก
ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมด Rev Tronic และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ Genius Sport Shift ซึ่งในยุค 2025 นี้ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดอาจไม่เทียบเท่ากับเกียร์ 8-10 สปีดในรถยนต์รุ่นใหม่ที่ให้ความนุ่มนวลและต่อเนื่องกว่า แต่ก็ยังคงเป็นระบบที่ไว้ใจได้และใช้งานง่าย
ช่วงล่างและการขับขี่: ความสบายในแบบฉบับ PPV
ISUZU MU-X 2017 ได้รับการปรับช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลและนั่งสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในยุคนั้นให้ความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างแบบแชสซีส์ออนเฟรม (Chassis-on-Frame) หรือ รถกระบะดัดแปลง อาการโคลงตัวเล็กน้อยเมื่อเจอพื้นผิวถนนขรุขระก็ยังคงเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่พบเห็นได้ทั่วไปใน PPV ด้วยกัน ในปี 2025 นี้ PPV รุ่นใหม่ๆ เริ่มมีการปรับปรุงช่วงล่างให้ใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากขึ้น แต่สำหรับ MU-X 2017 ความทนทานและความสามารถในการรองรับการใช้งานที่หลากหลายของช่วงล่างแบบนี้ยังคงเป็นจุดแข็ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการขับขี่บนสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD ควบคุมด้วยสวิตช์ Terrain Command ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับลุยในเส้นทางที่ท้าทาย
ภายในห้องโดยสาร: ความหรูหราที่ยังคงใช้งานได้จริง
การออกแบบ ภายในรถยนต์ ของ MU-X 2017 ได้รับการปรับปรุงให้มีความหรูหราสง่างามยิ่งขึ้น ด้วยการใช้สีทูโทน Sandstone Beige ตัดกับสีดำเข้มระดับพรีเมียม ประดับด้วยลายไม้ Fine Walnut และวัสดุ Soft Touch บริเวณคอนโซลหน้า แผงข้างประตู และที่พักแขน เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ Sport Cut ยังคงให้ความสบายและรองรับสรีระได้ดีในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบความบันเทิง ISUZU iConnect พร้อม Built-in Navigator และหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Air Mirroring และการเชื่อมต่อไร้สายกับสมาร์ทโฟน รวมถึงช่องเชื่อมต่อ USB และระบบเสียง Surround Sound System 8 ลำโพง พร้อม Roof Speaker และจอภาพบนเพดานขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ในปี 2025 ฟีเจอร์เหล่านี้อาจดูไม่หวือหวาเท่าระบบ Infotainment รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น การเชื่อมต่อไร้สายเต็มรูปแบบ และระบบปฏิบัติการที่ซับซ้อนกว่า แต่ก็ยังคงเป็นชุดอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานด้านความบันเทิงและการนำทางได้อย่างครบครันสำหรับ รถยนต์ครอบครัว ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220V ที่ด้านหลังคอนโซลกลาง ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยังคงมีประโยชน์อย่างมากในปัจจุบัน
ระบบความปลอดภัย: รากฐานที่แข็งแกร่ง
ด้าน ระบบความปลอดภัยรถยนต์ ISUZU MU-X 2017 มาพร้อมกับมาตรฐานที่ครบครันในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น:
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS พร้อม Dual G-sensor
ระบบกระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก BA
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
โครงสร้างห้องโดยสารเสริมเหล็กกล้า High Tensile Strength Steel
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS Airbags
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ทั้ง 7 ที่นั่ง พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กแบบ Isofix ที่เบาะนั่งแถวที่ 2
กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด พร้อม Lane Guide และกล้องบันทึกภาพวิดีโอด้านหน้าขณะขับขี่
แม้ในปี 2025 จะมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) อย่าง Adaptive Cruise Control, Lane Keeping Assist หรือ Blind Spot Monitoring ที่กลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แต่ชุด เทคโนโลยีความปลอดภัย พื้นฐานของ MU-X 2017 ก็ยังคงให้ความมั่นใจในการเดินทาง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ รถมือสอง รุ่นนี้ยังคงเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยพื้นฐานในราคาที่เข้าถึงได้
Nissan GT-R 2017: ตำนาน Godzilla ที่ยังคงคำรามในปี 2025
จากรถยนต์อเนกประสงค์ มาสู่ รถยนต์สมรรถนะสูง ระดับตำนาน Nissan GT-R หรือที่รู้จักกันในฉายา “Godzilla” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง การเปิดตัว GT-R Minorchange 2017 ในงาน New York International Auto Show ถือเป็นการตอกย้ำสถานะของ ซูเปอร์คาร์ สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 แม้จะผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว แต่ในมุมมองของปี 2025, GT-R 2017 ยังคงเป็นเครื่องจักรที่น่าทึ่ง และเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้หลงใหลในความเร็ว
ดีไซน์ที่ยังคง “ดุดัน” แม้กาลเวลาผ่านไป
ดีไซน์สปอร์ต ของ Nissan GT-R 2017 ได้รับการปรับโฉมให้มีความโดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกระจังหน้า V-Motion แบบเงาด้านทรงใหม่ที่ขยายขนาดขึ้นเพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ฝากระโปรงหน้าที่ออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการทรงตัวด้วยความเร็วสูง รวมถึงชายล่างของกันชนหน้าและกันชนหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงกด (Downforce) ให้กับตัวรถ ในปี 2025 นี้ ดีไซน์ของ GT-R 2017 ยังคงดูทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้ถูกกลืนไปกับยุคสมัย แม้ว่า แอร์โรไดนามิกส์ ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะก้าวล้ำไปอีกขั้น แต่ความลงตัวและฟังก์ชันการใช้งานของ GT-R 2017 ก็ยังคงน่าประทับใจ เส้นสายที่เพรียวลม ช่องระบายอากาศด้านข้าง และไฟท้ายแบบวงแหวน 4 ดวงอันเป็นเอกลักษณ์ ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ GT-R โดดเด่นบนท้องถนน
ภายในห้องโดยสาร: ผสมผสานความหรูหราและความเป็นนักแข่ง
ภายในห้องโดยสารของ Nissan GT-R 2017 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นและสวยงาม แผงหน้าปัดและคอนโซลกลางใช้วัสดุหนังชั้นดีที่ตัดเย็บอย่างประณีตโดยทีมช่างฝีมือ TAKUMI ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan GT-R รูปทรงของแผงหน้าปัดในสไตล์ Horizontal Flow ให้ความรู้สึกถึงการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ การปรับปรุงการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ให้เรียบง่ายขึ้น โดยลดจำนวนสวิตช์จาก 27 ปุ่มเหลือเพียง 11 ปุ่ม และติดตั้ง หน้าจอสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว พร้อมไอคอนขนาดใหญ่ และ Display Command Console ที่ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้การใช้งานสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
แป้น Paddle Shift ที่ติดตั้งอยู่บนพวงมาลัยทรงใหม่ยังคงเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย แม้ในขณะที่กำลังหมุนพวงมาลัย สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับ ภายในรถสปอร์ต ในปี 2025 แม้ว่ารถสปอร์ตใหม่ๆ อาจจะมาพร้อมกับจอแสดงผลดิจิทัลเต็มรูปแบบและระบบ Infotainment ที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ลึกซึ้งกว่า แต่ความตั้งใจในการออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางของ GT-R 2017 ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้หลงใหลใน นวัตกรรมยานยนต์ และการขับขี่ที่บริสุทธิ์ชื่นชอบ
ขุมพลังและสมรรถนะ: หัวใจ V6 Twin-Turbo 565 แรงม้า
หัวใจของ Nissan GT-R 2017 คือเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร 24 วาล์ว เทอร์โบคู่ (VR38DETT) ที่ผลิตและประกอบโดยทีมช่างฝีมือ TAKUMI เช่นกัน ให้กำลังสูงสุดถึง 565 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 467 ฟุต-ปอนด์ (ประมาณ 637 นิวตันเมตร) ซึ่งกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการควบคุมระยะเวลาในการจุดระเบิดของแต่ละกระบอกสูบแยกจากกันและการเพิ่มบูสต์ของเทอร์โบ สิ่งเหล่านี้ทำให้ GT-R 2017 สามารถตอบสนองต่อ อัตราเร่ง ทั้งในช่วงรอบปานกลางและรอบสูงได้อย่างยอดเยี่ยม (ตั้งแต่ 3,200 รอบ/นาทีขึ้นไป)
ในปี 2025 ที่ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง เริ่มเข้ามามีบทบาทและให้ แรงม้า รวมถึง แรงบิด ในทันทีที่เหนือกว่า แต่ความดิบและเสียงคำรามอันดุดันของ เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ พร้อมหม้อพักท้ายไทเทเนียมและระบบ Active Sound Enhancement (ASE) ของ GT-R 2017 ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจไม่เหมือนใคร การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ผสานกับ เกียร์คลัตช์คู่ 6 จังหวะ ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความนุ่มนวลและเงียบมากขึ้น ยังคงเป็นชุดขุมพลังที่ยอดเยี่ยมสำหรับ รถสมรรถนะสูง
การบังคับควบคุม: เข้าโค้งคมกริบ ดุจรถแข่ง
Nissan GT-R 2017 ยังคงเป็นหนึ่งในรถที่โดดเด่นที่สุดในโลกด้าน การบังคับควบคุมรถ ด้วยโครงสร้างตัวถังที่มีความทนทานต่อการบิดตัวที่ดีขึ้น และการปรับปรุง ช่วงล่างสปอร์ต ใหม่ ทำให้การถ่ายทอดกำลังในแนวราบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงทุกรูปแบบ ล้อแม็ก Forged Aluminum ลาย Y-Spoke ขนาด 20 นิ้ว ยังคงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ช่วยเสริม สมรรถนะสูง ในการยึดเกาะถนน
ในยุคที่ระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทอย่างมากในรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ๆ ความบริสุทธิ์ในการควบคุมของ GT-R 2017 ยังคงเป็นสิ่งที่นักขับตัวจริงโหยหา มันคือรถที่ “สื่อสาร” กับผู้ขับขี่ได้อย่างตรงไปตรงมา และยังคงเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง หรือบนถนนที่คดเคี้ยว การเป็น รถสปอร์ตญี่ปุ่น ที่รวมเอาสุดยอดวิศวกรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ GT-R 2017 ยังคงรักษามูลค่าและสถานะของมันในตลาด NISSAN GT-R มือสอง และตลาด รถสะสม ได้อย่างน่าทึ่ง
บทสรุปและคำเชิญชวน
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ในปี 2025 ทั้ง ISUZU MU-X Minorchange 2017 และ Nissan GT-R 2017 ต่างก็เป็นรถยนต์ที่มีคุณค่าและบทบาทที่แตกต่างกันไปในตลาดปัจจุบัน
ISUZU MU-X 2017 ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในตลาด ISUZU MU-X มือสอง สำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ครอบครัว ที่ใช้งานได้หลากหลาย ทนทาน ประหยัดน้ำมัน และมี ราคา ISUZU MU-X มือสอง ที่เข้าถึงได้ง่าย แม้เทคโนโลยีภายในอาจไม่เทียบเท่ารถรุ่นใหม่ แต่ฟังก์ชันพื้นฐานและความน่าเชื่อถือของ อะไหล่รถยนต์ ยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้มันเป็น ความคุ้มค่า ที่น่าพิจารณา
ส่วน Nissan GT-R 2017 คือ รถสมรรถนะสูงมือสอง ที่ยังคงเป็นตำนานที่ไม่เสื่อมคลาย สำหรับผู้ที่ปรารถนา ความเร้าใจ ในการขับขี่ สัมผัสถึงพละกำลังดิบๆ และความแม่นยำในการควบคุม มันเป็นมากกว่าแค่รถยนต์ แต่เป็นชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่ยังคงมีชีวิตชีวาและเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของ “Godzilla”
ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา รถยนต์มือสอง ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือรถสปอร์ตในฝันที่ยังคงให้ความตื่นเต้นไม่รู้จบ การย้อนกลับไปพิจารณา ISUZU MU-X 2017 หรือ Nissan GT-R 2017 ในตลาดรถยนต์ปี 2025 อาจเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ผมขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้สัมผัสและทดลองขับ เพื่อค้นพบเสน่ห์ที่ไม่มีวันจางหายของยานยนต์ในตำนานเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถยนต์เหล่านี้จึงยังคงเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้!

