ในโลกยานยนต์ปี 2025 ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความเปลี่ยนแปลง การย้อนกลับไปทำความเข้าใจถึงรากฐานของแบรนด์ที่กล้าท้าทายขนบเดิมๆ ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ เลกซัส (Lexus) คือหนึ่งในแบรนด์เหล่านั้น ผู้บุกเบิกจากญี่ปุ่นที่เข้ามาสร้างนิยามใหม่ของคำว่า “รถหรู” และส่งผลสะเทือนถึงตลาดโลกอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิด และในขณะที่รถยนต์ส่วนตัวยังคงพัฒนาไปข้างหน้า ตลาดรถ MPV ระดับพรีเมียม หรือที่เรียกกันติดปากว่า “รถตู้ VIP” ก็กำลังเบ่งบาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งการเดินทางของครอบครัว และการใช้งานของผู้บริหารที่ต้องการทั้งความสะดวกสบาย ความหรูหรา และเทคโนโลยีล้ำสมัย
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเรื่องราวของเลกซัส ตั้งแต่จุดเริ่มต้นภายใต้แนวคิดอันกล้าหาญของ เออิจิ โตโยดะ ไปจนถึงการต่อยอดวิสัยทัศน์ในยุคของ อากิโอะ โตโยดะ ที่ขยายอาณาจักรของเลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่ยานยนต์ พร้อมทั้งสำรวจตลาดรถตู้ VIP ยอดนิยมแห่งยุค 2025 ที่กำลังตอบสนองความต้องการของผู้ที่มองหาสุดยอดยานพาหนะที่ผสมผสานความสง่างาม ประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายอย่างลงตัว
เลกซัส: การกำเนิดของตำนานแห่งความสมบูรณ์แบบที่ไม่ยอมประนีประนอม
หากย้อนเวลากลับไปในปี 1989 วงการรถยนต์หรูทั่วโลกต้องตกตะลึงกับการปรากฏตัวของแบรนด์น้องใหม่จากญี่ปุ่นนามว่า “เลกซัส” เพียงแค่ปีแรกที่เปิดตัวสู่ตลาดโลก ยอดขายพุ่งทะลุหลายหมื่นคัน สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับแบรนด์ยุโรปที่เป็นเจ้าตลาดในอเมริกามาอย่างยาวนาน ไม่นานหลังจากนั้นในปี 1991 เลกซัสก็ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถหรูของสหรัฐอเมริกา คำถามที่หลายคนอาจจะยังคงสงสัยจนถึงทุกวันนี้คือ อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จอันรวดเร็วเกินคาดนี้? และอะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เลกซัสยังคงเป็นแบรนด์รถหรูที่ครองใจผู้คนมาได้จนถึงปัจจุบัน?
คำตอบนำเราย้อนกลับไปที่ชายผู้มองการณ์ไกลอย่าง เออิจิ โตโยดะ ผู้ให้กำเนิดเลกซัส ในวันที่ไม่มีใครเชื่อว่าญี่ปุ่นจะสามารถสร้างสรรค์รถหรูที่ทัดเทียมกับค่ายยุโรปได้
โครงการ F1: โจทย์ “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก”
ในปี 1983 เออิจิ โตโยดะ ได้จุดประกายความท้าทายอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเองและทีมงาน ด้วยแนวคิดที่ว่า “เราจะสร้างรถหรูที่ดีที่สุดในโลก” นี่คือจุดกำเนิดของโครงการลับรหัส “F1” ซึ่งย่อมาจาก “Flagship One” เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่น Lexus LS 400 โดยมีเป้าหมายหลักคือการบุกตลาดรถหรูขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา
เออิจิทราบดีว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ล้มเหลวกับการส่ง Toyota Crown ซึ่งเป็นรถหรูขนาดกลางของโตโยต้าเข้าไปจำหน่ายในอเมริกาช่วงทศวรรษ 1950s ตลาดรถหรูของอเมริกันชนเต็มไปด้วยการแข่งขันที่สูงลิบ และถ้าไม่ใช่รถที่ดีที่สุด ก็ยากที่จะดึงดูดความสนใจจากเศรษฐีผู้มั่งคั่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจทุ่มงบประมาณและทรัพยากรบุคคลชั้นยอดอย่างไม่จำกัดสำหรับโครงการ F1 โดยระดมกำลังผู้เชี่ยวชาญกว่าพันคน ซึ่งประกอบด้วยนักออกแบบ 60 คน, ทีมวิศวกร 24 ทีม รวม 1,400 คน, นักเทคนิค 2,300 คน และทีมสนับสนุนอีก 220 คน เพื่อวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูที่ดีที่สุด ที่ไม่มีแบรนด์เอเชียรายใดเคยทำสำเร็จมาก่อนในตลาดอเมริกา
ความใส่ใจในทุกรายละเอียด สู่ความเป็นเลิศไร้ที่ติ
ระหว่างที่โครงการ F1 ดำเนินไปอย่างเข้มข้นในปี 1985 เออิจิได้นำทีมงานเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาและสำรวจตลาดอย่างเจาะลึก เขาเชื่อว่าการจะเข้าใจลูกค้าได้อย่างแท้จริงนั้นไม่มีทางใดดีไปกว่าการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา วิศวกรของเลกซัสได้เชิญเจ้าของรถหรูจากแบรนด์ต่างๆ หลายร้อยคนมาสัมภาษณ์ เพื่อค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ ไม่ชอบ และความต้องการที่แท้จริงที่ยังไม่มีแบรนด์ใดสามารถมอบให้ได้
ไม่เพียงแต่การรับฟัง ทีมออกแบบยังถูกส่งไปเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิต รสนิยม และพฤติกรรมการใช้จ่ายของบรรดาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งจะเป็นลูกค้าในอนาคตของเลกซัส ทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ล้วนถูกเก็บรวบรวมเป็นข้อมูลอันล้ำค่าในการพัฒนารถยนต์
โครงการ F1 ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างจริงจังถึง 6 ปี สร้างรถยนต์ต้นแบบกว่า 450 คัน และทำการทดลองวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก ทั้งในสนามแข่งและบนถนนจริงในทุกสภาวะ ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน ไปจนถึงแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ เพื่อค้นหาจุดบกพร่องและแก้ไขให้ไร้ที่ติ ตอบโจทย์การสร้าง “รถยนต์หรูที่ดีที่สุด” อย่างแท้จริง
“The Relentless Pursuit of Perfection”: DNA แห่งเลกซัส
ปรัชญา “The Relentless Pursuit of Perfection” หรือ “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน แต่มันคือคุณสมบัติที่ฝังลึกอยู่ในตัวของ เออิจิ โตโยดะ มาตั้งแต่แรกเริ่มของการทำงานในธุรกิจครอบครัว เขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจทุกชิ้นส่วนของรถยนต์ในระดับที่เล็กที่สุด แม้จะเปรยว่า “มันยากมากที่ผมจะรับรู้ความต่างหนึ่งในร้อยส่วนของมิลลิเมตร” แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าการรับรู้ถึงความแตกต่างเล็กน้อยเหล่านี้คือหัวใจสำคัญในการสร้างรถยนต์
แนวคิดนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานในการพัฒนาและสร้างรถยนต์หรูภายใต้แบรนด์เลกซัส ซึ่งสั่นสะเทือนตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกาทันทีที่ออกจำหน่าย ด้วยสมรรถนะ คุณภาพการขับขี่ และบริการหลังการขายระดับพรีเมียม ที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาเพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่ไม่เคยสิ้นสุด เพราะสำหรับเลกซัสแล้ว สิ่งที่คิดว่าดีแล้วก็ยังคงสามารถดีขึ้นได้เสมอ
อากิโอะ โตโยดะ: การต่อยอดความสมบูรณ์แบบสู่ไลฟ์สไตล์
หน้าที่ในการสานต่อมรดกอันยิ่งใหญ่ของเลกซัส ตกเป็นของ อากิโอะ โตโยดะ หลานชายของ เออิจิ แม้เลกซัสจะยังคงรักษามาตรฐานความเป็นรถหรูได้อย่างไม่ลดหย่อน แต่ในช่วงเวลาหนึ่งแบรนด์ก็เผชิญกับคำวิจารณ์ถึงดีไซน์ที่ดู “น่าเบื่อ” ในฐานะประธานบริษัท อากิโอะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์เลกซัสด้วยตัวเอง
ในการแถลงข่าวเปิดตัว LC 500h ซึ่งเป็นรถยนต์สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุด อากิโอะสร้างความประหลาดใจด้วยการยืนอ่านคอมเมนต์ด้านลบของเลกซัสให้สื่อมวลชนฟัง การกระทำนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดพื้นฐานที่เขารับช่วงต่อจากเออิจิ นั่นคือการรับฟังทุกความต้องการ เพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุดให้กับลูกค้า
ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา อากิโอะได้นำพาเลกซัสเข้าสู่มิติใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่หวือหวา สะดุดตา ทว่ายังคงใส่ใจในทุกรายละเอียดและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ เขายังขยายนิยามของเลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ ด้วยการกล่าวว่า “เราต้องการสร้างแบรนด์เลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถหรู แต่คือไลฟ์สไตล์”
ภายใต้การนำของอากิโอะ เลกซัสได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างสรรค์ยานพาหนะอื่นๆ เช่น จักรยานยนต์ และเรือยอชต์ รวมถึง INTERSECT BY LEXUS ซึ่งเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ และพื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ ที่สะท้อนตัวตนและปรัชญาของเลกซัสในทุกรายละเอียด ความประณีต พิถีพิถัน และความใส่ใจในคุณภาพแบบทุกตารางนิ้วที่เออิจิสร้างไว้ ได้ถูกต่อยอดโดยอากิโอะ นำพาสิ่งเหล่านั้นออกมานอกตัวรถ สู่ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้
ในปี 2025 เลกซัสยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากร ช่างฝีมือระดับ “ทาคุมิ” ที่ต้องผ่านการฝึกฝนกว่า 60,000 ชั่วโมง ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ยานยนต์ นอกจากนี้ การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เลกซัสยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อมอบ “ความสง่างาม” (The gracefulness) ที่อากิโอะย้ำเสมอว่าคือหัวใจของการออกแบบเลกซัส ที่เหนือกว่าแค่ความเหนือระดับหรือสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
ยุคแห่ง MPV พรีเมียม: รถตู้ VIP และรถครอบครัวหรู ในปี 2025
ในขณะที่ตลาดรถยนต์หรูส่วนบุคคลยังคงเติบโต ตลาดรถ MPV ระดับพรีเมียม หรือ “รถตู้ VIP” ก็ได้รับความนิยมอย่างพุ่งสูงในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ผู้บริโภคมองหายนตรกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย ทั้งการเป็นรถครอบครัวสุดหรูที่มอบความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล หรือเป็นรถผู้บริหารที่สะท้อนสถานะและมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุด มาดูกันว่ารุ่นไหนคือดาวเด่นในกลุ่มนี้
Hyundai Staria: ดีไซน์ล้ำสมัย ผสานความสะดวกสบาย
Hyundai Staria ยังคงเป็นหนึ่งในรถตู้หรูที่มาแรงที่สุดในปี 2025 เหมาะสมทั้งสำหรับการเป็นรถครอบครัวและรถผู้บริหาร ด้วยดีไซน์ล้ำยุค futuristic ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ภายในห้องโดยสาร 11 ที่นั่ง กว้างขวางและเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การออกแบบให้ Beltline ต่ำและใช้กระจกแบบพาโนรามิกช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่โปร่งโล่งและเปิดกว้าง
Staria มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล Smartstream D2.2 ขนาด 2.2 ลิตร พร้อมระบบ Intercooler และเทอร์โบชาร์จเจอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มอบกำลัง 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลัง ปรับองศาและระดับของ Shock Absorber เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ที่ครอบคลุม เช่น Smart Cruise Control, Forward Collision Avoidance Assist, Blind Spot Collision-Avoidance Assist และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Staria เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
Toyota Majesty: ความหรูหราที่ตอบโจทย์ผู้บริหาร
Toyota Majesty ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับรถตู้ VIP ระดับพรีเมียมที่ผู้บริหารนิยมใช้ในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา เป็นเอกลักษณ์ และความสะดวกสบายในการโดยสารที่เหนือระดับ เบาะนั่งแบบ Captain seats และ Big seats มอบความผ่อนคลายสูงสุด
Majesty โดดเด่นด้วยการออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร และการเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ที่ช่วยซับแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มนวลตลอดการเดินทาง เครื่องยนต์ GD 2.8 ลิตร รองรับน้ำมันดีเซล B20 ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สำคัญคือ Majesty ยังเป็นรถตู้หรูรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP (ในช่วงปี 2560 – 2563) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ยังคงเป็นหัวใจหลัก เช่น Pre-Collision System, Lane Departure Alert, Dynamic Radar Cruise Control และถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง พร้อมระบบ T-CONNECT TELEMATICS ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและอุ่นใจในการเดินทาง
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
Toyota Alphard / Vellfire: ไอคอนแห่งรถตู้ VIP
Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็นสุดยอดรถตู้ VIP ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นรถครอบครัว รถผู้บริหาร หรือรถที่ดาราและบุคคลสำคัญเลือกใช้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม โดดเด่น และความรู้สึกพรีเมียม ห้องโดยสาร 7 ที่นั่งของ Alphard เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น Wireless Charger, ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว, เบาะนั่ง Seat Ventilator & Heater พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro และระบบความบันเทิงครบครัน
Alphard/Vellfire มีตัวเลือกเครื่องยนต์หลากหลาย ทั้งเบนซิน 2.5 ลิตร และระบบไฮบริดที่มอบสมรรถนะและประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม รุ่น 3.5 VIP ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ให้กำลังถึง 296 แรงม้า แรงบิด 361 นิวตันเมตร มอบการขับขี่ที่ทรงพลังและนุ่มนวล
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ก็ถูกติดตั้งมาอย่างสมบูรณ์แบบ เช่น Pre-Collision System, Lane Departure Alert พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ, Dynamic Radar Cruise Control และ Lane Tracing Assist รวมถึง T-CONNECT TELEMATICS ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทาง
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
Lexus LM300h: นิยามใหม่แห่ง Luxury MPV
Lexus LM300h ยังคงยืนหยัดในฐานะสุดยอด Luxury MPV ที่สุดหรูหราในปี 2025 เป็นรถตู้ผู้บริหารที่เหนือชั้นด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ขนาดใหญ่ที่ประกาศศักดิ์ศรี ภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยเฉพาะรุ่น Exclusive 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเบาะนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่, ระบบระบายอากาศและทำความร้อน, หน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว พร้อมระบบเครื่องเสียง Mark Levinson และตู้แช่เครื่องดื่ม 14 ลิตร มอบความรู้สึกเหมือนห้องรับรองส่วนตัวเคลื่อนที่
LM300h ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด E-Four ผสานเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบกำลังรวมสูงสุด 197 แรงม้า ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล เงียบสงบ และทรงพลังอย่างยิ่ง
ระบบความปลอดภัย Lexus Safety System + ประกอบด้วย Pre-Collision System, Dynamic Radar Cruise Control, Lane Tracing Assist, ระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ (VDIM) และถุงลมนิรภัย SRS หลายตำแหน่ง ให้ความอุ่นใจสูงสุดในการเดินทาง
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
Mercedes-Benz V-Class: ความอเนกประสงค์หรูหราจากเยอรมนี
Mercedes-Benz V-Class ในปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในกลุ่มรถตู้ครอบครัวและรถตู้เพื่อธุรกิจ ด้วยความสามารถรอบด้านและดีเอ็นเอของรถยนต์เบนซ์ที่เน้นคุณภาพและดีไซน์ ที่นั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ขณะที่ผู้โดยสารตอนหลังจะได้สัมผัสกับ Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน
V-Class ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC มอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและประหยัดเชื้อเพลิง ระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive มอบความปลอดภัยสูงสุดด้วย Active Brake Assist, Attention Assist, Crosswind Assist และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ห้องโดยสารกว้างขวางเพื่อประสบการณ์ระดับ Hospital Grade
Volkswagen Caravelle T6 Touring ยังคงเป็น Luxury Van ที่น่าสนใจในปี 2025 ด้วยการดีไซน์ห้องโดยสารที่พิถีพิถันและมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม มาพร้อมความสะดวกสบายและเทคโนโลยีครบครัน ที่โดดเด่นคือการติดตั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade เพื่อมอบอากาศสะอาดบริสุทธิ์และสุขอนามัยที่ดีตลอดการเดินทาง ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันระดับนานาชาติมากมาย
เบาะนั่งใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูง ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของคนเอเชีย พร้อมควบคุมการทำงานต่างๆ ด้วยระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มอบการขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวล
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
KIA Carnival: MPV อเนกประสงค์ดีไซน์ดึงดูดใจ
KIA Carnival ยังคงเป็นรถ MPV อเนกประสงค์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ด้วยดีไซน์ภายนอกที่คล้ายรถ PPV หรือ SUV แต่มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่ใช้งานสะดวก ภายในดีไซน์เหมือนรถตู้ผู้บริหารหรือรถตู้ที่ดาราชอบใช้ มี 11 ที่นั่ง พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย (Normal, Sport, Eco, Smart)
Carnival ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2 ให้กำลัง 202 แรงม้า แรงบิด 45 กิโลกรัม-เมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มอบสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัวและทรงพลัง
ระบบความปลอดภัย Drive Wise ของ KIA Carnival ครอบคลุมฟังก์ชันล้ำสมัย เช่น Forward Collision-Avoidance Assist (FCA-JT), Lane Keeping Assist, Blind Spot Collision-Avoidance Assist (BCA), Smart Cruise Control (SCC) และ Surround View Monitor (SVM) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจและปลอดภัยสูงสุด
ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นปีปัจจุบัน
ยานยนต์หรูไอคอนิก: จากปี 2014 สู่การปฏิวัติในปี 2025
เมื่อย้อนกลับไปมองการเปิดตัวรถยนต์หรูในปี 2014 ที่ Motor Show หลายรุ่นได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์ในยุคนั้น เช่น Range Rover Evoque และ Jaguar XJ 2.0 Litre Benzine ในปี 2025 แบรนด์เหล่านี้ยังคงก้าวล้ำนำหน้าด้วยการผสมผสานมรดกอันยาวนานเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต
Range Rover Evoque: การผสานดีไซน์และการขับขี่อัจฉริยะ
Range Rover Evoque ที่เคยคว้ารางวัลด้านดีไซน์และยานยนต์มาแล้วกว่า 100 รางวัลทั่วโลก ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่ม Compact SUV ระดับหรู ปี 2025 Evoque ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาด (Intelligent All-Wheel Drive) หรือระบบ Terrain Response® ที่ปรับการขับขี่ให้เข้ากับทุกสภาพพื้นผิวได้อย่างลงตัว รุ่นปัจจุบันได้เพิ่มทางเลือกของขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งผสมผสานกำลังและประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์ผู้ที่มองหา SUV หรูที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีห้องโดยสารอันล้ำสมัย พร้อมหน้าจอคู่ Pivi Pro ที่ใช้งานง่าย มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับและสะดวกสบาย
Jaguar XJ: ความสง่างามที่พลิกโฉม
Jaguar XJ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่เคยเปิดตัวในปี 2014 เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจากัวร์ในการสร้างสรรค์รถยนต์ซีดานหรูขนาดใหญ่ที่มาพร้อมประสิทธิภาพ ปัจจุบันจากัวร์ได้ประกาศทิศทางที่ชัดเจนในการมุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทำให้ XJ ในเจนเนอเรชันถัดไป (ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2025 หรือไม่นานหลังจากนั้น) จะเป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าสุดหรูที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสง่างาม ปราดเปรียว และสมรรถนะอันทรงพลังที่เป็นเอกลักษณ์ของจากัวร์ โดยจะเน้นเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ที่ติ และความหรูหราที่ยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้าจะนำพา XJ ไปสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย
Range Rover Sport และ Jaguar F-TYPE: สมรรถนะที่เร้าใจในยุค 2025
Range Rover Sport ยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดรถสปอร์ตอเนกประสงค์จากแลนด์โรเวอร์ ด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูงทั้งในด้านความเร็วและอัตราเร่งที่เต็มพิกัด ในปี 2025 Range Rover Sport ได้รับการปรับปรุงให้มีความหรูหรามากขึ้น ผสานกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล SDV6 3.0 ที่มีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์เบนซิน LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จอันทรงพลังที่ตอบสนองฉับไว พร้อมทางเลือกของระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต
ส่วน Jaguar F-TYPE ซึ่งเป็นยานยนต์สองที่นั่งในกลุ่มรถสปอร์ตของจากัวร์ ก็ยังคงเป็นเลิศทั้งในด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์และรูปทรงที่ปราดเปรียว ในปี 2025 F-TYPE ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร และ V8 5.0 ลิตร ติดตั้งระบบอัดอากาศซูเปอร์ชาร์จ ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 495 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจากัวร์ในการสร้างสรรค์รถสปอร์ตที่มอบความรู้สึกตื่นเต้นและเชื่อมโยงกับผู้ขับขี่อย่างแท้จริง
บทสรุป: การเดินทางสู่ความเป็นเลิศที่ไม่สิ้นสุด
จากเรื่องราวของเลกซัสที่เริ่มต้นจากการท้าทายความเชื่อเดิมๆ สู่การเป็นแบรนด์หรูระดับโลกที่ยังคงยึดมั่นในปรัชญา “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” และการเติบโตของตลาดรถ MPV พรีเมียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลาย ไปจนถึงการวิวัฒนาการของยานยนต์หรูไอคอนิกจากยุโรป ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้ผลิตในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เหนือกว่าแค่การเดินทาง
ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป เราจะได้เห็นนวัตกรรมยานยนต์หรูที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า การเชื่อมต่ออัจฉริยะ และการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงคือ “ความใส่ใจในรายละเอียด” “ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง” และ “การไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา” นี่คือรากฐานที่ทำให้ยานยนต์หรูเหล่านี้ยังคงเป็นที่ต้องการ และครองใจผู้คนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง

