ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงไม่กี่ชื่อที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนและกำหนดนิยามใหม่ของ “ความหรูหรา” ได้อย่างแท้จริง หนึ่งในนั้นคือ “เลกซัส” แบรนด์ยานยนต์พรีเมียมจากญี่ปุ่นที่พลิกโฉมวงการรถยนต์ทั่วโลก การกำเนิดของเลกซัสไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ แต่คือการประกาศการมาถึงของปรัชญาที่ไม่ยอมประนีประนอมในเรื่องคุณภาพและความสมบูรณ์แบบ วันนี้ ในปี 2025 เมื่อเรามองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นและมองไปข้างหน้าถึงอนาคตของยานยนต์หรู เราจะเห็นได้ว่ารากฐานที่เลกซัสได้วางไว้ยังคงเป็นพิมพ์เขียวสำหรับนวัตกรรมและความเป็นเลิศ
จุดกำเนิดแห่งการท้าทาย: เมื่อวิสัยทัศน์ของ เออิจิ โตโยดะ เปลี่ยนโลก
ย้อนกลับไปในปี 1989 วงการรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาต้องประหลาดใจกับการปรากฏตัวของแบรนด์น้องใหม่จากแดนอาทิตย์อุทัยนามว่า ‘เลกซัส’ ที่สามารถสร้างยอดขายได้นับหมื่นคันในปีแรกที่เปิดตัวสู่ตลาดโลก ความสำเร็จนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแบรนด์หรูจากยุโรปซึ่งเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน และเพียงสองปีต่อมาในปี 1991 เลกซัสก็ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถหรูของสหรัฐอเมริกาได้อย่างน่าทึ่ง
คำถามที่เกิดขึ้นคือ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้แบรนด์หน้าใหม่จากญี่ปุ่นสามารถสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยรายละเอียดทางวิศวกรรมและการออกแบบขั้นสูง จนสามารถเจาะตลาดแบรนด์หรูยุโรปที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว?
คำตอบอยู่ที่วิสัยทัศน์อันกล้าหาญของ เออิจิ โตโยดะ ผู้ให้กำเนิดเลกซัส ในวันที่ไม่มีใครเชื่อว่าญี่ปุ่นจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถหรูระดับโลกได้ เออิจิไม่ได้เพียงแค่คิด แต่เขาลงมือทำและสร้างรากฐานที่มั่นคง ทำให้เลกซัสยังคงเป็นแบรนด์รถหรูที่ครองใจผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้
โปรเจกต์ F1: โจทย์ “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก” และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไร้ขีดจำกัด
ในปี 1983 เออิจิ โตโยดะ ได้จุดประกายความคิดที่ท้าทายทั้งตัวเขาและทีมงาน: “เราจะสร้างรถหรูที่ดีที่สุดในโลก” นี่คือจุดกำเนิดของโปรเจกต์รหัส F1 ซึ่งย่อมาจาก “Flagship One” เป้าหมายคือการพัฒนารถยนต์ Lexus LS 400 เพื่อบุกตลาดรถหรูขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นั่นคือสหรัฐอเมริกา
เออิจิรู้ดีว่าการเจาะตลาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเคยเห็นความล้มเหลวมาแล้วในยุค 1950s เมื่อ โตโยต้า คราวน์ รถหรูขนาดกลางของโตโยต้า ไม่สามารถประสบความสำเร็จในตลาดอเมริกาที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสูง และกลุ่มลูกค้าเศรษฐีที่ต้องการเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ด้วยบทเรียนนี้ โปรเจกต์ F1 จึงได้รับงบประมาณมหาศาลและระดมบุคลากรชั้นหัวกะทิหลายพันคนเข้ามาร่วมทีม:
นักออกแบบ: 60 คน
ทีมวิศวกร: 24 ทีม รวม 1,400 คน
นักเทคนิค: 2,300 คน
หน่วยสนับสนุน: 220 คน
ทั้งหมดนี้เพื่อวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูที่ดีที่สุด และพิชิตตลาดที่ไม่เคยมีแบรนด์ยานยนต์จากเอเชียรายใดทำสำเร็จมาก่อน
ความใส่ใจทุกรายละเอียด: ก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อความไร้ที่ติ
ในปี 1985 ระหว่างที่โปรเจกต์ F1 ดำเนินไปอย่างเข้มข้น เออิจิได้นำทีมงานเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาและสำรวจตลาดอย่างเจาะลึก เขาเชื่อว่าการจะรู้จักลูกค้าอย่างแท้จริง ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ทีมวิศวกรได้เชิญผู้ใช้รถหรูจากหลากหลายแบรนด์หลายร้อยคนมาสัมภาษณ์ เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง สิ่งที่พวกเขาชอบ ไม่ชอบ และสิ่งที่ยังไม่มีแบรนด์ใดมอบให้
ไม่เพียงแค่การฟัง เออิจิยังส่งทีมนักออกแบบไปเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิตและรสนิยมของกลุ่มเศรษฐีอเมริกัน ซึ่งจะเป็นลูกค้าในอนาคตของเลกซัส รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ ล้วนถูกเก็บมาเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนารถยนต์
โปรเจกต์ F1 ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างเข้มข้นยาวนานถึง 6 ปี สร้างรถต้นแบบกว่า 450 คัน และทำการทดลองวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก ทั้งในสนามแข่งและบนถนนปกติ ในทุกสภาพอากาศ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน และแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ เพื่อค้นหาจุดบกพร่องทุกจุด และแก้ไขจนไร้ที่ติ เพื่อตอบโจทย์การสร้างรถหรูที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง
The Relentless Pursuit of Perfection: ดีเอ็นเอจาก เออิจิ สู่ เลกซัส
หากไม่มี เออิจิ โตโยดะ เลกซัสอาจไม่เป็นเลกซัสอย่างทุกวันนี้ เพราะความใส่ใจในรายละเอียดขั้นสุดแบบไม่ปล่อยผ่านของเขา ได้กลายมาเป็นสโลแกนอันเป็นเอกลักษณ์ ‘The Relentless Pursuit of Perfection’ หรือ “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่อยู่ในตัวของเออิจิมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน
ในฐานะคนหนุ่มที่เพิ่งจบวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยโตเกียว เออิจิเข้ามาทำงานในธุรกิจโรงทอผ้าของครอบครัว ก่อนที่ญาติของเขา คิอิจิโร โตโยดะ จะบุกเบิกธุรกิจยานยนต์และขอให้เออิจิเข้ามาช่วยดูแล ด้วยอายุน้อยและประสบการณ์ที่ยังไม่มากนัก แต่มีภาระงานมากมาย เออิจิจึงทุ่มเทอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาทำอย่างลึกซึ้งที่สุด “มันยากมากที่ผมจะรับรู้ความต่างหนึ่งในร้อยส่วนของมิลลิเมตร” เออิจิเคยกล่าวถึงช่วงปีแรกๆ เพราะเขาต้องการเข้าใจชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ในระดับหน่วยที่เล็กที่สุด แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็เชื่อว่าการรับรู้ถึงความต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านี้คือสิ่งสำคัญในการสร้างรถยนต์ที่ดีเยี่ยม
และนี่เองได้กลายมาเป็นมาตรฐานในการพัฒนาและสร้างรถยนต์หรูภายใต้แบรนด์เลกซัส ที่เขย่าตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกาได้ทันทีตั้งแต่ปีแรกที่ออกจำหน่าย ด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม คุณภาพการขับขี่ที่เหนือระดับ และบริการหลังการขายชั้นเลิศ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการวิจัยและพัฒนาเพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุด เพราะสำหรับพวกเขา สิ่งที่คิดว่าดีแล้ว ยังสามารถมีสิ่งที่ดีกว่าให้ต้องก้าวไปหาเสมอ
ก้าวต่อไป: อากิโอะ โตโยดะ และนิยามใหม่ของความหรูหราในยุค 2025
หน้าที่ในการสานต่อมรดกของเลกซัส ตกเป็นของ อากิโอะ โตโยดะ ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นหลานของเออิจิ รอยเท้าขนาดใหญ่ที่เขาต้องก้าวเดินต่อนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งเออิจิทำไว้ดีเท่าไหร่ ความกดดันที่ถาโถมมาสู่เขายิ่งมากเป็นทวีคูณ แม้เลกซัสยังคงรักษาระดับการเป็นรถหรูที่ดีที่สุดได้อย่างไม่ลดหย่อน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถูกตั้งคำถามถึงดีไซน์ที่อาจดู “น่าเบื่อ”
อากิโอะรู้ว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์เลกซัสด้วยตัวเอง ในวันแถลงข่าวเปิดตัว LC 500h รถยนต์สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุด อากิโอะเปิดตัวรถพร้อมกับยืนอ่านคอมเมนต์ด้านลบของเลกซัสให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งสะท้อนแนวคิดพื้นฐานที่เขารับช่วงต่อมาจากเออิจิ นั่นคือการรับฟังทุกความต้องการ เพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุดให้กับลูกค้า
“ผมมุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่า คำว่า ‘น่าเบื่อ’ กับ ‘เลกซัส’ จะไม่อยู่ในประโยคเดียวกันอีกต่อไป” อากิโอะประกาศ
ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา อากิโอะได้นำพาเลกซัสเข้าสู่มิติใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่หวือหวาและสะดุดตายิ่งขึ้น โดยยังคงใส่ใจในทุกรายละเอียดและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต พร้อมทั้งขยายนิยามของเลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ “เราต้องการสร้างแบรนด์เลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถหรู แต่คือไลฟ์สไตล์” เขากล่าว
ภายใต้การนำของอากิโอะ เลกซัสก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างสรรค์ยานพาหนะอื่นๆ เช่น จักรยาน และเรือยอชต์ รวมถึง INTERSECT BY LEXUS ซึ่งเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ ที่จัดแสดงอีเวนต์ และจำหน่ายสินค้า ที่สะท้อนตัวตนและปรัชญาความเป็นเลกซัสในทุกรายละเอียด หากความละเอียด พิถีพิถัน และใส่ใจคุณภาพคือมาตรฐานที่ เออิจิสร้างไว้ อากิโอะคือผู้ที่ต่อยอดด้วยการนำสิ่งเหล่านั้นมาถ่ายทอดออกนอกตัวรถ สู่ไลฟ์สไตล์ที่คนทั่วไปสัมผัสได้
ความสง่างาม: เป้าหมายสูงสุดที่ไม่หยุดนิ่ง
เมื่อถูกถามว่า “อะไรคือสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดเกี่ยวกับการออกแบบของเลกซัส” ในวันที่เขาเปิดตัวเรือยอชต์ ยานพาหนะใหม่ที่ตอกย้ำการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ อากิโอะตอบว่า “ความสง่างาม” (The gracefulness)
เขากล่าวเสริมว่า แบรนด์หรูหราส่วนใหญ่มักพูดถึงความเหนือระดับ คุณภาพชั้นยอด หรือสมรรถนะสูง “แต่ผมต้องการแน่ใจว่า ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ เลกซัสจะต้องมีความสง่างามสำหรับคนที่ได้ขับขี่หรือเห็นยวดยานของเรา นั่นคือสิ่งที่ผมยืนยันได้เมื่อพูดถึงเลกซัส แต่ผมไม่ได้บอกว่า ณ จุดนี้ เราบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วอย่างสมบูรณ์”
เพราะสิ่งที่จะทำให้เลกซัสบรรลุวัตถุประสงค์นั้น สำหรับอากิโอะคือการพัฒนาและอบรมคนที่จะมาสร้างเลกซัสให้ก้าวไปข้างหน้า และที่สำคัญยิ่งกว่า คือการเปิดรับความคิดเห็นจากผู้คน “ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วเราควรจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไร เขามักจะพูดถึงเรื่องนี้เสมอ เราจะต้องทำรถยนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม” ทาเคชิ อุชิยามาดะ หนึ่งในเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวถึงอากิโอะ นี่คือแนวคิดที่หยั่งรากลึกในแบรนด์เลกซัสตั้งแต่วันแรก และยังคงเป็นแรงผลักดันให้แบรนด์นี้เป็นที่ยอมรับในหัวใจของผู้คนจวบจนปัจจุบัน
อนาคตยานยนต์หรูในยุค 2025: ความลงตัวของนวัตกรรม ความสะดวกสบาย และไลฟ์สไตล์
ในขณะที่ปรัชญาแห่งความสมบูรณ์แบบยังคงเป็นหัวใจของแบรนด์พรีเมียมอย่างเลกซัส ตลาดรถยนต์หรูในปี 2025 ก็กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ความต้องการหลากหลายและซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้บริโภคไม่ได้มองหารถยนต์เพียงแค่พาหนะ แต่ต้องการประสบการณ์ที่เหนือระดับ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการเดินทางส่วนตัวของครอบครัว การต้อนรับแขกคนสำคัญ หรือแม้แต่เป็นพื้นที่ทำงานเคลื่อนที่ที่หรูหราสะดวกสบาย ยานยนต์ MPV หรือรถตู้หรู VIP จึงกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยความสามารถในการผสานความโอ่อ่า ความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
มาสำรวจรถตู้หรู VIP และรถตู้ผู้บริหารยอดนิยมในปี 2025 ที่ตอบโจทย์การเดินทางอย่างเหนือระดับ:
Lexus LM300h (และตระกูล LM ที่จะมาถึง)
เมื่อพูดถึงความหรูหราสูงสุดในกลุ่ม MPV คงต้องยกให้ Lexus LM300h ซึ่งเป็นเสมือนห้องรับรองสุดหรูเคลื่อนที่ ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความพิเศษเหนือระดับ ห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยเน้นความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยเฉพาะรุ่น Executive 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมผนังกั้นห้องโดยสาร มูนรูฟ 2 บาน และเบาะนั่งแบบ Captain Seat ที่มีฟังก์ชันนวดต้นขา หลัง และไหล่ ระบบระบายอากาศและทำความร้อน พร้อมการปรับเลื่อนด้วยไฟฟ้า วัสดุเสริมความนุ่มของเบาะรองรับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม
จุดเด่นอีกประการคือ หน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว บริเวณผนังกั้น ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมรอบทิศทางจาก Mark Levinson และช่องเชื่อมต่อหลากหลายชนิดที่ช่วยให้เพลิดเพลินกับความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ พร้อมตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวที่บ้าน Lexus LM จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำปรัชญา “The Relentless Pursuit of Perfection” มาสู่ยานยนต์ MPV ที่สร้างประสบการณ์การเดินทางที่ไม่มีใครเทียบได้
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า (Hybrid)
พละกำลัง: เครื่องยนต์ 152 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร; มอเตอร์หน้า 143 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร; มอเตอร์หลัง 68 แรงม้า แรงบิด 139 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 4 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 5,500,000 – 6,500,000 บาท
Toyota Alphard / Vellfire (รุ่นล่าสุดและ Hybrid ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง)
Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็นราชันย์แห่งรถตู้ VIP ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดไทยและเอเชีย ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามและดูมีระดับ ภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น แท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger), ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว, เบาะนั่งแบบ Seat Ventilator & Heater พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro และกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล สิ่งเหล่านี้ทำให้ Alphard และ Vellfire ไม่ใช่แค่รถตู้ แต่คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จและรสนิยม
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร + ไฮบริด หรือ 3.5 ลิตร V6
พละกำลัง: (Hybrid) 150 แรงม้า (เครื่องยนต์) + มอเตอร์ไฟฟ้า, แรงบิด 206 นิวตันเมตร; (3.5 VIP) 296 แรงม้า, แรงบิด 361 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 3,800,000 – 5,500,000 บาท
Hyundai Staria (ดีไซน์แห่งอนาคตสำหรับครอบครัวและผู้บริหาร)
Hyundai Staria คือรถตู้หรูที่มาแรงด้วยดีไซน์ที่ล้ำยุคล้ำสมัย ราวกับยานอวกาศจากอนาคต เหมาะสำหรับการเป็นทั้งรถตู้ครอบครัวและรถตู้ผู้บริหาร ด้วยที่นั่งสูงสุด 11 ที่นั่ง พร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ภายในที่ให้ความสำคัญกับทัศนวิสัยของคนขับและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ด้วยการออกแบบ Beltline ให้ต่ำและใช้กระจกแบบพาโนรามิกรอบคัน ทำให้ห้องโดยสารรู้สึกโปร่งโล่งและเปิดกว้าง
ระบบระบายความร้อนด้วยอินเตอร์คูลเลอร์และกังหันเทอร์โบชาร์จได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ และช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลังพร้อมการปรับองศาและระดับของ Shock Absorber ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ที่ครบครันยังเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของ Staria
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
พละกำลัง: 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 1,729,000 – 1,999,000 บาท
Toyota Majesty (ความหรูหราที่มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว)
Toyota Majesty คือรถตู้ VIP ระดับพรีเมียมที่มักเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริหาร ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความสะดวกสบายในการโดยสารที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยที่นั่งแบบ Captain seats และ Big seats พร้อมระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูงสุด นอกจากนี้ การออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ช่วยให้ห้องโดยสารเงียบสงบ และระบบช่วงล่างที่ได้รับการเซ็ตใหม่ช่วยซับแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มสบายตลอดการเดินทาง
Majesty ยังเป็นรถตู้หรูรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP ซึ่งตอกย้ำถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดตามปรัชญาของโตโยต้า
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ GD 2.8 ลิตร รองรับน้ำมันดีเซล B20
พละกำลัง: 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 1,709,000 – 2,199,000 บาท
Mercedes-Benz V-Class (ความสง่างามจากเยอรมนีสำหรับทุกโอกาส)
Mercedes-Benz V-Class คือรถตู้หรูที่สามารถปรับเปลี่ยนบทบาทได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ครอบครัว รถตู้สำหรับติดต่อธุรกิจ หรือแม้แต่รถเพื่อการผจญภัย ระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive ช่วยให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายที่สุด ที่นั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ส่วนที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 เป็น Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้าและหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน
V-Class ยังคงรักษามาตรฐานความเป็น Mercedes-Benz ด้วยระบบความปลอดภัยทั้งมาตรฐานและขั้นสูงที่ครบครัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์คาดหวังเสมอ
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี
พละกำลัง: 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 5,400,000 บาท
Volkswagen Caravelle T6 Touring (ที่สุดของพื้นที่และความบริสุทธิ์)
Volkswagen Caravelle T6 Touring เป็นอีกหนึ่ง Luxury Van ที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์ห้องโดยสารที่พิถีพิถัน และมีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม พร้อมความสะดวกสบายและเทคโนโลยีครบครัน ที่สำคัญคือการติดตั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade เพื่อมอบอากาศสะอาดบริสุทธิ์และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตลอดการเดินทาง ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติจากหลายประเทศ
เบาะนั่งใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูงมาตรฐานเดียวกับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลก รูปทรงของเบาะ VIP Seat ถูกออกแบบให้รองรับสรีระของคนเอเชีย พร้อมระบบควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยไฟฟ้าที่ทันสมัยและใช้งานสะดวกสบายสูงสุด
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่
พละกำลัง: 180 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 8 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 4,010,000 – 4,110,000 บาท
KIA Carnival (MPV อเนกประสงค์สไตล์ SUV ที่ได้รับความนิยม)
KIA Carnival ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในฐานะรถตู้อเนกประสงค์ MPV ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยดีไซน์ภายนอกที่คล้ายรถ PPV หรือ SUV แต่มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติ เพียงแค่ยืนใกล้กับประตูรถพร้อมกุญแจ Smart Key ประตูก็จะเปิดให้ทันที ภายในได้รับการดีไซน์เหมือนรถตู้ผู้บริหารหรือรถตู้ที่ดาราชื่นชอบ พร้อมที่นั่งสูงสุด 11 ที่นั่ง
Carnival มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Normal, Sport, Eco และ Smart รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย และระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการชนและช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับ และระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา ทำให้การเดินทางมั่นใจได้ในทุกสถานการณ์
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2
พละกำลัง: 202 แรงม้า แรงบิด 45 กิโลกรัม-เมตร (441 นิวตันเมตร)
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคาโดยประมาณ (รุ่นปัจจุบัน): 2,144,000 – 2,495,000 บาท
สรุป: มรดกแห่งความสมบูรณ์แบบและการขับเคลื่อนสู่อนาคต
จากจุดเริ่มต้นที่กล้าหาญของ เออิจิ โตโยดะ ที่สร้างเลกซัสด้วยปรัชญาแห่ง “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” สู่การนำพาของ อากิโอะ โตโยดะ ที่ขยายนิยามของความหรูหราให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ แต่คือไลฟ์สไตล์ Lexus ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความมุ่งมั่นในคุณภาพและนวัตกรรมที่แท้จริงสามารถสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนได้
ในยุค 2025 นี้ ตลาดรถยนต์หรู โดยเฉพาะกลุ่ม MPV และรถตู้ VIP ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตต่างแข่งขันกันนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย ความสะดวกสบายสูงสุด และดีไซน์ที่สะท้อนรสนิยมอันโดดเด่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหายานยนต์ที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับคุณภาพชีวิตและการเดินทางที่เหนือระดับอย่างแท้จริง มรดกแห่งความสมบูรณ์แบบที่ Lexus สร้างไว้ จึงยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการกำหนดทิศทางของยานยนต์หรูในอนาคต

