ในโลกแห่งยนตรกรรมอันหรูหราและเปี่ยมด้วยนวัตกรรม ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นแบรนด์น้องใหม่ก้าวขึ้นมาท้าชนยักษ์ใหญ่ผู้ครองตลาดได้อย่างสง่างามและรวดเร็ว แต่เรื่องราวของ “เลกซัส” นั้นเป็นข้อยกเว้นที่น่าทึ่ง
ย้อนกลับไปในปี 1989 วงการรถยนต์โลกต้องตกตะลึง เมื่อเลกซัส แบรนด์หรูจากญี่ปุ่นที่เพิ่งถือกำเนิด ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดขายหลายหมื่นคันในปีแรกที่เปิดตัวในตลาดสหรัฐอเมริกา ชนิดที่แบรนด์หรูจากยุโรปที่เคยผูกขาดตลาดมายาวนาน ต้องเผชิญกับยอดจำหน่ายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเพียงสองปีต่อมาในปี 1991 เลกซัสก็ผงาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถหรูของอเมริกา นี่ไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย แต่เป็นการพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดยั้งในการ “แสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์
รากฐานแห่งความสมบูรณ์แบบ: วิสัยทัศน์ของ เออิจิ โตโยดะ และโปรเจกต์ F1
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จที่รวดเร็วเกินคาดนี้? คำตอบนั้นเริ่มต้นที่ชายผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อข้อจำกัด – เออิจิ โตโยดะ ผู้ให้กำเนิดเลกซัสในวันที่ไม่มีใครเชื่อว่าญี่ปุ่นจะสามารถสร้างรถยนต์หรูเทียบเท่ามาตรฐานโลกได้
ปี 1983 เออิจิ โตโยดะ ได้จุดประกายความท้าทายอันยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองและทีมงาน: “เราจะสร้างรถหรูที่ดีที่สุดในโลก” นี่คือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์รหัส F1 ซึ่งย่อมาจาก “Flagship One” โดยมีเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์ Lexus LS 400 เพื่อพิชิตตลาดรถหรูขนาดมหึมาในสหรัฐอเมริกา
เออิจิรู้ดีว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ย้อนไปในช่วงปี 1950s โตโยต้าเคยส่ง Toyota Crown รถหรูขนาดกลางเข้าสู่ตลาดอเมริกาแล้วแต่ก็ประสบความล้มเหลว ตลาดแห่งนั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด และรถที่ไม่ “ดีที่สุด” ยากที่จะเข้าถึงใจและกระเป๋าของมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ด้วยบทเรียนในอดีต เออิจิจึงทุ่มเททรัพยากรอย่างมหาศาล ทั้งงบประมาณและบุคลากรระดับหัวกะทิหลายพันคน: นักออกแบบ 60 คน, ทีมวิศวกร 24 ทีม รวม 1,400 คน, นักเทคนิค 2,300 คน และหน่วยสนับสนุนอีก 220 คน ทั้งหมดนี้ถูกระดมมาเพื่อภารกิจเดียวคือ การวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูที่ดีที่สุด เพื่อทะลวงกำแพงตลาดที่ไม่เคยมีแบรนด์รถยนต์จากเอเชียรายใดเคยทำได้สำเร็จ
การลงลึกในทุกรายละเอียด: DNA ของความสมบูรณ์แบบ
ความใส่ใจในรายละเอียดคือหัวใจของโปรเจกต์ F1 ในปี 1985 เออิจิได้นำทีมงานเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาและสำรวจตลาดอย่างลึกซึ้ง เขาเชื่อว่าการจะเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ทีมวิศวกรได้เชิญเจ้าของรถหรูจากหลากหลายแบรนด์หลายร้อยคนมาสัมภาษณ์อย่างละเอียด เพื่อค้นหาสิ่งที่พวกเขาชอบ ไม่ชอบ และความต้องการที่ยังไม่เคยมีแบรนด์ใดตอบสนองได้
แต่การฟังเสียงลูกค้ายังไม่พอ เออิจิยังส่งทีมนักออกแบบไปเช่าบ้านพักอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิต รสนิยม และพฤติกรรมการใช้จ่ายของบรรดามหาเศรษฐีอเมริกันผู้จะเป็นลูกค้าในอนาคต ทุกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวันไปจนถึงการเดินทาง ล้วนถูกเก็บรวบรวมเป็นข้อมูลอันมีค่าในการพัฒนารถยนต์
โปรเจกต์ F1 ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างเข้มข้นจริงจังถึง 6 ปี สร้างรถต้นแบบกว่า 450 คัน และทดสอบวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในสนามแข่งหรือบนถนนปกติ ในทุกสภาพอากาศและภูมิประเทศ ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน ไปจนถึงแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ การทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้มีเป้าหมายเดียวคือ การค้นหาจุดบกพร่องที่เล็กที่สุด แล้วแก้ไขจนไร้ที่ติ เพื่อตอบโจทย์การสร้าง “รถหรูที่ดีที่สุด” อย่างแท้จริง
จาก “The Relentless Pursuit of Perfection” สู่ “Experience Amazing” ในยุค อากิโอะ โตโยดะ
ถ้าปราศจากเออิจิ เลกซัสอาจไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ เพราะความใส่ใจในรายละเอียดขั้นสุดแบบไม่ปล่อยผ่านนี้เอง ได้กลายเป็นสโลแกนอันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส: “The Relentless Pursuit of Perfection” หรือการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสมบัตินี้หยั่งรากลึกอยู่ในตัวเออิจิตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้าสู่ธุรกิจครอบครัว ซึ่งเดิมเป็นโรงงานทอผ้า ก่อนจะผันตัวมาช่วยดูแลธุรกิจยานยนต์ เขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจทุกชิ้นส่วนในระดับที่เล็กที่สุด แม้จะยอมรับว่า “มันยากมากที่ผมจะรับรู้ความต่างหนึ่งในร้อยส่วนของมิลลิเมตร” แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าการรับรู้ถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านี้คือสิ่งสำคัญในการสร้างรถยนต์
มาตรฐานอันเข้มงวดนี้ได้ถ่ายทอดมาสู่การพัฒนาและสร้างรถยนต์หรูภายใต้แบรนด์เลกซัส ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนในตลาดสหรัฐอเมริกาได้ทันทีตั้งแต่ปีแรกที่ออกจำหน่าย ด้วยสมรรถนะ คุณภาพการขับขี่ และบริการหลังการขายระดับเฟิร์สคลาส ที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ความสมบูรณ์แบบในสายตาของเลกซัสจึงไม่มีที่สิ้นสุด เพราะสิ่งที่ดีแล้วยังสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกเสมอ
หน้าที่ในการสานต่อตำนานอันยิ่งใหญ่นี้ ตกเป็นของ อากิโอะ โตโยดะ ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้เป็นหลานชายของเออิจิ การก้าวเดินตามรอยเท้าที่ใหญ่หลวงเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเออิจิสร้างมาตรฐานไว้สูงเท่าใด ความกดดันที่ถาโถมมายังอากิโอะยิ่งทวีคูณ แม้เลกซัสจะยังคงรักษามาตรฐานการเป็นรถหรูที่ดีที่สุดได้อย่างไม่ลดหย่อน แต่ในช่วงหนึ่ง แบรนด์ก็ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับดีไซน์และความแปลกใหม่ “เลกซัสเป็นรถที่ดีแต่ดูน่าเบื่อ” คือคำวิจารณ์ที่เขาต้องเผชิญในวันที่เข้ามารับช่วงต่อ
ในฐานะประธานบริษัท อากิโอะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์เลกซัสด้วยตัวเอง ในวันแถลงข่าวเปิดตัว LC 500h รถยนต์สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุด อากิโอะสร้างความประหลาดใจด้วยการยืนอ่านคอมเมนต์ด้านลบของเลกซัสให้สื่อมวลชนฟังอย่างเปิดอก สำหรับเขาและชาวเลกซัส นี่คือแนวคิดพื้นฐานที่รับช่วงต่อจากเออิจิ: การรับฟังทุกความต้องการ เพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุดให้กับลูกค้า
“ผมมุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่า คำว่า ‘น่าเบื่อ’ กับ ‘เลกซัส’ จะไม่อยู่ในประโยคเดียวกันอีกต่อไป” อากิโอะกล่าว จากนั้นเป็นต้นมา ตั้งแต่ปี 2011 อากิโอะได้นำพาเลกซัสเข้าสู่มิติใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่หวือหวา โฉบเฉี่ยว และสะดุดตามากขึ้น แต่ยังคงใส่ใจในทุกรายละเอียดและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต พร้อมทั้งขยายนิยามของเลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์
“เราต้องการสร้างแบรนด์เลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถหรู แต่คือไลฟ์สไตล์” ภายใต้การนำของอากิโอะ เลกซัสก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างยานพาหนะอื่น ๆ เช่น จักรยานยนต์ เรือยอร์ช รวมถึง INTERSECT BY LEXUS ซึ่งเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ ที่จัดแสดงอีเวนต์ และจำหน่ายสินค้า ที่สะท้อนตัวตนและปรัชญาความเป็นเลกซัสในทุกรายละเอียด หากความละเอียด พิถีพิถัน และใส่ใจคุณภาพคือสิ่งที่เออิจิสร้างไว้ อากิโอะคือผู้ที่ต่อยอดสิ่งเหล่านั้นออกไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ผู้คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เลกซัสได้เผยให้เห็นอย่างชัดเจนในกิจกรรม Lexus Cultural Experience ที่พาสื่อมวลชนจากทั่วโลกไปสัมผัสเบื้องหลังวิธีคิดและการสร้างรถยนต์ของเลกซัสถึงศูนย์การออกแบบและโรงงานผลิตในประเทศญี่ปุ่น
ความสง่างามที่ไม่สิ้นสุด: อนาคตของเลกซัสและยนตรกรรมหรูปี 2025
“อะไรคือสิ่งที่คุณภาคภูมิใจที่สุดเกี่ยวกับการออกแบบของเลกซัส” นักข่าวคนหนึ่งถามอากิโอะในวันที่เขาเปิดตัวเรือยอร์ช ซึ่งเป็นหมุดหมายว่าเลกซัสจะก้าวไปสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถยนต์อีกต่อไป
“ความสง่างาม (The gracefulness)” อากิโอะตอบ พร้อมขยายความว่า แบรนด์หรูส่วนใหญ่มักพูดถึงความเหนือระดับ คุณภาพชั้นยอด หรือสมรรถนะสูง “แต่ผมต้องการแน่ใจว่า ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ เลกซัสจะต้องมีความสง่างามสำหรับคนที่ได้ขับขี่หรือเห็นยานพาหนะของเรา นั่นคือสิ่งที่ผมยืนยันได้เมื่อพูดถึงเลกซัส” เขายังเสริมด้วยว่า “แต่ผมไม่ได้บอกว่า ณ จุดนี้ เราบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วอย่างสมบูรณ์”
เพราะสิ่งที่จะทำให้เลกซัสบรรลุวัตถุประสงค์นั้น สำหรับอากิโอะคือการพัฒนาและอบรมบุคลากรที่จะมาสร้างเลกซัสให้ก้าวไปข้างหน้า และที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเปิดรับความคิดเห็นจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง “ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วเราควรจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไร เขามักจะพูดถึงเรื่องนี้เสมอ เราจะต้องทำรถยนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม” ทาเคชิ อุชิยามาดะ ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าวถึงอากิโอะ นี่คือแนวคิดที่หยั่งรากลึกในแบรนด์เลกซัส ตั้งแต่วันแรกที่โลกยังไม่รู้จัก จนกระทั่งวันนี้ที่เลกซัสกลายเป็นแบรนด์รถหรูระดับโลกที่ครองใจผู้คน อันเป็นผลมาจากการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นแนวคิดที่ เออิจิ โตโยดะ ส่งต่อมาถึง อากิโอะ โตโยดะ จนทำให้แบรนด์จากญี่ปุ่นนี้สามารถบุกตลาดสหรัฐอเมริกาและยึดครองใจผู้ใช้รถหรูมาจนถึงทุกวันนี้ และสำหรับปี 2025 เลกซัสยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยนวัตกรรมที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่
พลิกโฉมการเดินทาง: สุดยอดรถตู้หรู VIP และรถตู้ครอบครัวแห่งปี 2025 ที่ผู้บริหารและครอบครัวยุคใหม่เลือกใช้
ในยุคที่การเดินทางคือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ยานยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่คือพื้นที่ส่วนตัวที่สะท้อนรสนิยม ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถตู้หรู VIP และรถตู้ครอบครัว ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย ด้วยการผสมผสานฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายเข้ากับความหรูหราระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานสำหรับผู้บริหาร นักธุรกิจ ดารา ไปจนถึงการเดินทางกับครอบครัวใหญ่ มาดูกันว่าในปี 2025 นี้ รุ่นไหนที่โดดเด่นและน่าจับตามองเป็นพิเศษ
Hyundai Staria: ยานอวกาศส่วนตัวที่มาพร้อมความกว้างขวางและเทคโนโลยีล้ำสมัย
Hyundai Staria ยังคงเป็นหนึ่งในดาวเด่นของตลาดรถตู้หรู VIP และรถตู้ครอบครัวในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่ล้ำยุคราวกับยานอวกาศ ผสมผสานความโอ่อ่าเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ด้วยที่นั่งสูงสุด 11 ที่นั่ง มอบพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางเป็นพิเศษ การออกแบบภายในให้ความสำคัญกับทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมของคนขับและความสะดวกสบายสูงสุดของผู้โดยสาร ด้วย Beltline ที่ต่ำและกระจกแบบพาโนรามิก ทำให้ห้องโดยสารรู้สึกโปร่งโล่งและเปิดกว้าง สร้างประสบการณ์การเดินทางที่ผ่อนคลาย
ภายใต้รูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว Staria 2025 ยังคงมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร (พร้อมการปรับปรุงระบบระบายความร้อนด้วยอินเตอร์คูลเลอร์และกังหันเทอร์โบชาร์จเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงบิดในรอบต่ำ) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้กำลัง 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ยังได้ยกระดับความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลังที่ได้รับการปรับองศาและระดับของ Shock Absorber ให้ซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัยล้ำอนาคต: Staria อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Hyundai SmartSense ที่ครอบคลุม อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง (Smart Cruise Control – SCC), ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติ (Forward Collision Avoidance Assist – FCA), ระบบช่วยเตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Collision-Avoidance Assist – BCA), ระบบกล้องมองภาพมุมอับสายตา (Camera Blind Spot), กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อความอุ่นใจสูงสุดตลอดการเดินทาง
ราคา Hyundai Staria (ประมาณการปี 2025):
Hyundai Staria รุ่น S: ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,750,000 บาท
Hyundai Staria รุ่น SEL: ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,050,000 บาท
Toyota Majesty: นิยามใหม่ของความหรูหราแบบพรีเมียม
Toyota Majesty ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริหารและครอบครัวที่มองหารถตู้ VIP ระดับพรีเมียมในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับความสะดวกสบายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความคาดหวังของรถตู้ระดับหรูอย่างแท้จริง ด้วยที่นั่งแบบ Captain seats และ Big seats ที่กว้างขวาง พร้อมวัสดุคุณภาพสูงและการตกแต่งที่พิถีพิถัน
Majesty โดดเด่นด้วยการออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบสำหรับการพักผ่อนหรือการประชุมระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ ระบบช่วงล่างยังได้รับการปรับเซ็ตใหม่เพื่อซับแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มนวลและนุ่มนวลเป็นพิเศษ ทำให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก: Toyota Majesty ยังคงเป็นรถตู้หรูรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก ASEAN NCAP (ข้อมูลอ้างอิงถึงมาตรฐานเดิม ซึ่งสะท้อนถึง DNA ความปลอดภัยของรุ่น) พร้อมระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับที่ครบครัน เช่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor), ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) และถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
ราคา Toyota Majesty (ประมาณการปี 2025):
Toyota Majesty 2.8 Standard: ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,750,000 บาท
Toyota Majesty 2.8 Premium: ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,950,000 บาท
Toyota Majesty 2.8 Grande: ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,250,000 บาท
Toyota Alphard / Vellfire: ไอคอนแห่งรถตู้หรูที่ครองใจผู้คน
ในปี 2025 Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็นรถตู้ VIP ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย เป็นทั้งรถตู้ครอบครัว รถตู้ผู้บริหาร และรถตู้ขวัญใจดารา ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม โฉบเฉี่ยว และดูแพง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความเหนือระดับอย่างแท้จริง ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง มอบความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ความหรูหราและฟังก์ชันที่ครบครัน: ภายใน Alphard / Vellfire เพียบพร้อมด้วยเบาะนั่งแบบ Captain Seats ที่ปรับไฟฟ้าได้หลากหลายทิศทาง พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า (Air Lumba Pro) และฟังก์ชัน Seat Ventilator & Heater เพื่อความสบายสูงสุดในทุกสภาพอากาศ ที่ชาร์จไฟแบบ Wireless Charger, ไฟอ่านหนังสือเฉพาะจุด, กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล และระบบความบันเทิงครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้โดยสาร
สมรรถนะที่เลือกได้: มีเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร, เครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร (สำหรับ Alphard 2.5 HV) ที่ให้กำลังรวม 150 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร V6 (สำหรับ Alphard 3.5 VIP) ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 296 แรงม้า แรงบิด 361 นิวตันเมตร มอบการขับขี่ที่ทรงพลังและราบรื่น
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense: ครบครันด้วยระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert), ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่กลางเลน (Lane Tracing Assist), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) และระบบ T-CONNECT TELEMATICS ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและอุ่นใจในการใช้งาน
ราคา Toyota Alphard / Vellfire (ประมาณการปี 2025):
Toyota Alphard Vellfire 2.5: ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,900,000 บาท
Toyota Alphard 2.5 HV: ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,050,000 บาท
Toyota Alphard 3.5 VIP: ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,550,000 บาท
Lexus LM300h: สัมผัสประสบการณ์ Luxury MPV ขั้นสุดยอด
Lexus LM300h ยังคงยืนหนึ่งในฐานะสุดยอด Luxury MPV ที่ถูกยกให้เป็นรถตู้ผู้บริหารและ VIP ที่หรูหราที่สุดในปี 2025 ด้วยดีไซน์อันทรงพลังและโดดเด่นจากกระจังหน้า Spindle Grille ขนาดใหญ่ ที่ประกาศถึงสถานะอันเหนือระดับ ความพิเศษของ LM300h คือการเน้นความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยเฉพาะรุ่น Executive 4 ที่นั่ง ที่มอบประสบการณ์การเดินทางเทียบเท่าห้องรับรองพิเศษส่วนตัว
ห้องโดยสารระดับ First Class: ภายในห้องโดยสารเป็นดั่งสวรรค์ส่วนตัว มาพร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้าบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ วัสดุเบาะที่เสริมความนุ่มนวลรองรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน หน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว บริเวณผนังกั้นระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมรอบทิศทางจาก Mark Levinson และช่องเชื่อมต่อหลากหลายชนิดสำหรับความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตรบริเวณด้านล่างของผนังกั้น สร้างความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านหรือโรงแรมหรูเคลื่อนที่
สมรรถนะแบบไฮบริด: ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังรวมที่ทรงประสิทธิภาพ พร้อมความเงียบสงบและความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ
ระบบความปลอดภัย Lexus Safety System +: ครบครันด้วยระบบป้องกันก่อนการชนและลดความรุนแรงจากการปะทะ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบติดตามช่องทางวิ่ง, ระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมสัญญาณเตือนมุมอับสายตา และถุงลมนิรภัย SRS หลายตำแหน่ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน
ราคา Lexus LM300h (ประมาณการปี 2025):
Lexus LM300h Executive 4-Seater: ราคาเริ่มต้นประมาณ 6,600,000 บาท
Lexus LM300h Executive 7-Seater: ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,600,000 บาท
Mercedes-Benz V-Class: ความสมบูรณ์แบบที่ยืดหยุ่นสำหรับทุกการเดินทาง
Mercedes-Benz V-Class ในปี 2025 ยังคงเป็นรถตู้หรูที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ครอบครัว รถตู้สำหรับติดต่อธุรกิจ หรือแม้กระทั่งรถตู้เพื่อการผจญภัย ระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive ทำให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายที่สุด สมกับชื่อเสียงของแบรนด์ดาวสามแฉกที่เน้นคุณภาพและดีไซน์เป็นที่หนึ่ง
ความหรูหราที่ปรับเปลี่ยนได้: ที่นั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมตั้งค่าหน่วยความจำได้ถึง 3 ตำแหน่ง ส่วนที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 เป็น Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง รวมถึงระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน มอบความสบายส่วนตัวอย่างแท้จริง การออกแบบภายในที่ยืดหยุ่นช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางที่นั่งได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมเคลื่อนที่หรือการเดินทางพักผ่อนกับครอบครัว
สมรรถนะและเทคโนโลยี: ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร มอบการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานและระบบความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ ถุงลมนิรภัยรอบคัน, ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist), โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP®, ระบบรักษาการทรงตัวกรณีมีลมขวางปะทะตัวรถด้านข้าง (Crosswind Assist) และกล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง 360 องศา
ราคา Mercedes-Benz V-Class (ประมาณการปี 2025):
Mercedes-Benz V-Class V 250 d Exclusive: ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,500,000 บาท
Volkswagen Caravelle T6 Touring: พื้นที่ห้องโดยสารกว้างที่สุดและอากาศบริสุทธิ์
Volkswagen Caravelle T6 Touring ในปี 2025 ยังคงเป็น Luxury Van อีกรุ่นที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถตู้หรู VIP ด้วยจุดเด่นที่การดีไซน์ห้องโดยสารอย่างพิถีพิถันและมอบพื้นที่ภายในที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุดตลอดการเดินทาง
นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ: Caravelle T6 Touring มาพร้อมความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade เพื่อมอบอากาศสะอาดบริสุทธิ์และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตลอดการเดินทาง ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันและองค์กรวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติจากหลายประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ
ความสบายระดับเฟิร์สคลาส: เบาะนั่งหรูหราใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูงมาตรฐานเดียวกับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก รูปทรงของเบาะ VIP Seat ถูกออกแบบให้รองรับสรีระของคนเอเชียเป็นพิเศษ พร้อมการควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยระบบไฟฟ้าที่ทันสมัยและใช้งานสะดวกสบาย
สมรรถนะ: ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและทรงพลัง เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล
ราคา Volkswagen Caravelle T6 Touring (ประมาณการปี 2025):
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,050,000 บาท
Volkswagen Caravelle T6 Touring SE: ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,150,000 บาท
KIA Carnival: MPV อเนกประสงค์ที่มาพร้อมดีไซน์สะดุดตาและฟังก์ชันครบครัน
KIA Carnival 2025 ยังคงเป็นรถตู้อเนกประสงค์ MPV ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่คล้ายรถ PPV หรือ SUV ผสมผสานกับประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติแบบรถตู้ มอบความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนได้รถสองคันในคันเดียว เป็นทั้งรถตู้ผู้บริหาร รถตู้ดารา และรถตู้ครอบครัวที่ทันสมัย
ความสะดวกสบายและเทคโนโลยี: ห้องโดยสารภายในได้รับการออกแบบให้หรูหราและใช้งานง่าย มีที่นั่งสูงสุด 11 ที่นั่ง พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Normal, Sport, Eco และ Smart ตอบสนองทุกสไตล์การขับขี่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ระบบ Smart Key ที่สามารถเปิดประตูสไลด์อัตโนมัติเมื่อยืนใกล้ประตูรถ
ระบบความปลอดภัยล้ำสมัย: KIA Carnival อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems – ADAS) ที่ครบเม็ดเต็มหน่วย อาทิ ระบบป้องกันการชนและช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (Forward Collision-Avoidance Assist – FCA-JT), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับ (Lane Keeping Assist), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Lane Following Assist – LFA), ระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Collision-Avoidance Assist – BCA), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติพร้อมสัญญาณเตือนเมื่อมีรถกำลังวิ่งมาทางด้านหลังขณะถอยหลัง (Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist – RCCA) และกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา (Surround View Monitor – SVM) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทาง
ราคา KIA Carnival (ประมาณการปี 2025):
KIA Carnival รุ่น EX: ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,200,000 บาท
KIA Carnival รุ่น SXL: ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,550,000 บาท
ในยุคปี 2025 นี้ ตลาดรถตู้หรู VIP และรถตู้ครอบครัวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ดีไซน์ที่โดดเด่น และความสะดวกสบายที่เหนือระดับ ยานยนต์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่คือการลงทุนในคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การเดินทางที่ “ไร้ขีดจำกัด” และ “เปี่ยมด้วยความสง่างาม” เฉกเช่นปรัชญาที่เลกซัสได้บุกเบิกไว้

