BMW Xpo 2563: ประสบการณ์ “JOY” ที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิมทั่วกรุงเทพฯ
ในยุคที่ความคล่องตัวและความสะดวกสบายกลายเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิต BMW Xpo 2563 กลับมาอีกครั้ง พร้อมยกระดับประสบการณ์การเลือกสรรยนตรกรรมหรูจาก BMW ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายกว่าที่เคย ด้วยกลยุทธ์ “ยกขบวนรถยนต์ไปหาลูกค้า” ที่ขยายพื้นที่การจัดแสดงครอบคลุม 4 จุดสำคัญทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์เต็ม การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมของ BMW แต่ยังเป็นการส่งมอบพลังแห่งทางเลือกที่หลากหลาย ผสานกับข้อเสนอสุดพิเศษ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
BMW Xpo 2563: ขยายการเข้าถึง สู่ใจกลางมหานคร
ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ BMW Xpo ก้าวออกจากรูปแบบเดิมๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ด้วยการจัดงานกระจายตัวใน 4 ทำเลทองของกรุงเทพฯ ตลอดเดือนกันยายนต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์โดยรวมยังคงเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ทั่วโลก แต่ BMW Group Thailand ยังคงเดินหน้าด้วยความแข็งแกร่ง พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารจัดการและกลยุทธ์ที่สามารถรับมือกับทุกสภาวะเศรษฐกิจได้
ตารางการจัดงาน BMW Xpo 2020 ในแต่ละสัปดาห์ มีดังนี้:
สัปดาห์ที่ 1: 10-13 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2
สัปดาห์ที่ 2: 17-20 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ และ เอ็มโพเรียม
สัปดาห์ที่ 3: 24-27 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต
สัปดาห์ที่ 4: 1-4 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว
การกระจายการจัดงานในลักษณะนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BMW ในการมอบประสบการณ์ที่เข้าถึงง่าย สะดวกสบาย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงจุด
BMW Group Thailand: แข็งแกร่ง ฝ่าวิกฤต ทวงคืนบัลลังก์ผู้นำตลาดรถหรู
ท่ามกลางความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนอันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 วงการยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ต่างได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม BMW Group Thailand กลับแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่าจับตามอง โดยทั้งแบรนด์ BMW และ MINI สามารถทำผลงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรถยนต์โดยรวม และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
คุณอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน BMW Group Thailand กล่าวว่า “โลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้บริษัทฯ ฝ่าฟันอุปสรรคนี้ต่อไปได้”
จากรายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2563 พบว่า BMW และ MINI มียอดส่งมอบรถยนต์รวม 4,164 คัน ซึ่งลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตัวเลขนี้ถือว่า “ดีกว่าตลาด” อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดรถยนต์โดยรวมมียอดขายลดลงถึง 41.5% และเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมลดลง 35.5% ความแข็งแกร่งนี้ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พรีเมียมของ BMW ขยายตัวขึ้นเป็น 43.6% หรือเติบโตถึง 6% ในช่วงครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ BMW Motorrad เองก็ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยมียอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์รวม 616 คัน ลดลงเพียง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่กลุ่มรถยนต์มือสองของ BMW ยังคงเติบโตสวนกระแส ด้วยยอดขายรวม 727 คัน เพิ่มขึ้นถึง 15% ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ BMW มือสอง
เทคโนโลยีแห่งอนาคต: ความมุ่งมั่นสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
BMW และ MINI ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตอย่างไม่หยุดยั้ง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ถึง 4 รุ่น ครอบคลุมทั้งแบรนด์ BMW และ MINI พร้อมกันนั้น โครงการ ChargeNow ซึ่งเป็นเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ก็ยังคงขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ChargeNow รวมทั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ผู้จำหน่ายของ BMW / MINI มีให้บริการรวมทั้งสิ้น 141 หัวจ่าย ใน 63 แห่งทั่วประเทศ โดยทุกหัวจ่ายสามารถรองรับการชาร์จทั้งรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และคาดการณ์ว่าเครือข่ายจะขยายตัวสู่จำนวนรวม 150 หัวจ่ายภายในสิ้นปี 2563
ความนิยมในรถยนต์ BMW Plug-in Hybrid ยังสะท้อนผ่านยอดติดตั้ง i Wallbox ที่บ้านและสำนักงานของลูกค้า ซึ่งมีจำนวนกว่า 1,230 ตู้ ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ลูกค้า BMW และ MINI เลือกติดตั้งตู้ชาร์จเพื่อใช้งานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่สูงมาก BMW คาดการณ์ว่าจะสามารถติดตั้ง i Wallbox เพิ่มขึ้นอีก 1,840 จุดภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
BMW Xpo 2020: 11 ปีแห่ง “JOY” สู่ทางเลือกที่หลากหลาย
ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา BMW Xpo ได้กลายเป็นเทศกาลแห่งความสุขและประสบการณ์การขับขี่สไตล์ BMW ที่ลูกค้าตั้งตารอคอย การจัดงานในปีนี้ยังคงยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่จะมอบ “JOY” หรือความสุขในการขับขี่ ผ่านการนำเสนอรถยนต์ BMW รุ่นต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละราย
ภายในงาน BMW Xpo 2020 ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับยนตรกรรมที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อน ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid และ Full Electric (EV) ไปจนถึงเครื่องยนต์ดีเซลอันประหยัดน้ำมัน และเครื่องยนต์เบนซินที่ให้สมรรถนะเร้าใจ
นายกัลดริค ดอนเนอซาน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด BMW Group Thailand กล่าวเน้นย้ำถึงความหลากหลายของทางเลือกเครื่องยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซล BMW รุ่นใหม่ที่จำหน่ายในปัจจุบันทุกรุ่น ผ่านการรับรองมาตรฐานการใช้งานกับน้ำมันไบโอดีเซล B10 ซึ่งการเลือกใช้น้ำมันประเภทนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการรับประกันเครื่องยนต์แต่อย่างใด
ข้อเสนอสุดพิเศษที่ BMW Xpo 2020
เพื่อตอกย้ำความพิเศษของงาน BMW Xpo 2020 จึงมาพร้อมกับข้อเสนอทางการเงินและสิทธิประโยชน์สุดคุ้มค่า สำหรับผู้ที่จองรถยนต์ BMW ภายในงาน และมีกำหนดส่งมอบรถภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 จะได้รับ:
บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท: สำหรับรถยนต์ BMW X1, BMW Series-2, และ BMW Series-3
บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 20,000 บาท: สำหรับรถยนต์ BMW Series-4, BMW Series-5, BMW X3, BMW X4, BMW X5, BMW Series-6 Gran Turismo, และ BMW Z4
บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท: สำหรับรถยนต์ BMW Series-7, BMW X6, BMW X7, BMW Series-8, และทุกรุ่นในตระกูล BMW M และ BMW i
โมเดลรถยนต์ BMW Miniature Cars ฟรี: สำหรับทุกการจองรถยนต์รุ่นใดก็ได้ภายในงาน
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW รุ่นต่างๆ ภายใต้ข้อตกลงทางการเงินกับ BMW Financial Services Thailand และมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 จะได้รับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม:
BMW X1 (sDrive18i Iconic / sDrive18d xLine / sDrive20d M Sport): อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นผ่อนต่อเดือนเพียง 15,999 บาท
BMW 320d M Sport / 330e M Sport: ประกันภัยชั้นหนึ่งสูงสุด 2 ปี พร้อมรับประกันมูลค่ารถยนต์ในอนาคตสูงสุด 60% เริ่มต้นผ่อนรายเดือนเพียง 19,999 บาท
BMW Series-5 (รุ่น Plug-in Hybrid และ Diesel): ประกันภัยชั้นหนึ่งสูงสุด 2 ปี ขยายแพ็กเกจ BSI เป็น 6 ปี / 120,000 กิโลเมตร พร้อมอัตราดอกเบี้ย 0% สูงสุด 5 ปีเต็ม สำหรับ BMW 520d M Sport และ BMW 530e M Sport
Rolls-Royce Motor Cars Bangkok: อวดโฉมยนตรกรรมแห่งความหรูหรา ณ Motor Show 2020
ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2020 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี Rolls-Royce Motor Cars Bangkok ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้นำทัพยนตรกรรมสุดหรูระดับโลกมาร่วมจัดแสดง โดยไฮไลท์เด่นคือ Rolls-Royce Phantom ยนตรกรรมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “King of Cars” หรือ “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก” ด้วยราคาค่าตัว 53.5 ล้านบาท
Rolls-Royce Phantom มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V12 Twin-Turbo ขนาด 6.75 ลิตร โดดเด่นด้วยตัวถังสีทูโทน ล้อแม็กขอบ 22 นิ้ว และห้องโดยสารแบบ Bespoke Interior ที่ตกแต่งด้วย Starlight Headliner สร้างบรรยากาศดุจท้องฟ้ายามค่ำคืน และ The Gallery แบบ Rivenslate เสริมด้วยแดชบอร์ด Piano Black
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง Rolls-Royce Wraith รถสปอร์ต 2 ประตู ที่ผสานความสง่างามเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ไฟหน้า LED, ชุดแต่งโครเมียมรมดำ, และห้องโดยสาร Bespoke Interior พร้อมประตูแบบ Coach Door อันเป็นเอกลักษณ์
ปิดท้ายด้วย Rolls-Royce Cullinan สุดยอด SUV แห่งโลก ที่มีส่วนสำคัญในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่มองหาอิสรภาพในการผจญภัย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V12 Twin-Turbo ขนาด 6.75 ลิตร 563 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และห้องโดยสารที่สามารถปรับขยายพื้นที่เพื่อเพิ่มความจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,930 ลิตร
BMW คว้าแชมป์ยอดขายรถหรูปี 2563: ปัจจัยสู่ความสำเร็จท่ามกลางวิกฤต
ปี 2563 ถือเป็นปีที่ BMW สามารถทวงคืนตำแหน่งแชมป์ยอดขายรถยนต์หรูของประเทศไทยกลับมาได้ หลังจากที่ Mercedes-Benz ครองตำแหน่งนี้มาอย่างยาวนานถึง 19 ปี การวิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้ เผยให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่เฉียบคมของ BMW ในขณะที่คู่แข่งอาจพลาดท่าไปบ้าง
ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์: การมาถึงของรุ่นประกอบในประเทศ
ปัจจัยสำคัญที่สุดในการเพิ่มยอดขายท่ามกลางวิกฤตคือ “ผลิตภัณฑ์” และปี 2563 ถือเป็นจังหวะที่ดีของ BMW เนื่องจากรุ่นที่ขายดีที่สุดอย่าง Series 3 ได้เปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและปลั๊กอินไฮบริด ส่งผลให้ราคาถูกลงกว่ารุ่นนำเข้าถึงกว่า 400,000 บาท ทำให้รุ่น 320d มีราคา 2,519,000 บาท และ 330e ราคา 2,769,000 บาท
เช่นเดียวกับ BMW X1 ที่มีการปรับราคาเริ่มต้นให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาท พร้อมการปรับโฉม (Minorchange) เพื่อกระตุ้นความสดใหม่ และการทยอยเปิดตัวรถรุ่นอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่รุ่นที่โกยยอดขายมหาศาล แต่ก็ส่งผลเชิงจิตวิทยาได้อย่างดี เหนือสิ่งอื่นใดคือ “รถพร้อมส่งมอบ” ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน ส่งผลให้ BMW สามารถรักษาระดับการขายไว้ได้ โดยลดลงเพียง 4.3%
ในทางกลับกัน Mercedes-Benz ประสบปัญหาเรื่องการตลาดในปี 2563 โดยเฉพาะรุ่นใหม่ที่สำคัญ เช่น CLA ที่หยุดทำตลาดไป และ A-Class รุ่นนำเข้าที่ต้องชะลอการนำเข้าเพื่อรักษาสต็อก ขณะที่ GLA ซึ่งเป็นรุ่นขายดี ก็ต้องลดการผลิตเพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนโมเดลใหม่ และกว่าที่รุ่นประกอบในประเทศจะเปิดตัว ก็ล่วงเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ทำให้ดีลเลอร์ไม่สามารถส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ทัน
การรับมือกับสถานการณ์ COVID-19
แม้ทุกแบรนด์จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ Mercedes-Benz อาจได้รับผลกระทบที่หนักหนากว่า เนื่องจากพึ่งพิงตลาดรถฟลีตสำหรับโรงแรม สนามบิน และรถเช่าระดับหรูเป็นจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการท่องเที่ยว ยอดขายรถประเภทนี้จึงหดหายไปอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วน BMW สามารถปรับตัวได้ดีกว่า การที่ Mercedes-Benz ไม่เข้าร่วมงาน Motor Show ในปีนั้น ไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อยอดขายมากนัก เพราะมีการจัดงานที่โชว์รูมแทน ซึ่งอาจเป็นผลดีในแง่ของการไม่ต้องหั่นราคาแข่ง และเซลส์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่า
โปรแกรม “BMW Ultimate Joy”: สร้างความผูกพันทางอารมณ์
ท่ามกลางภาวะวิกฤต ปัจจัยที่ทำให้คนกล้าซื้อรถหรู คงไม่ใช่เรื่องความจำเป็น แต่เป็นเรื่อง “สิทธิประโยชน์ด้านจิตใจ” ซึ่ง BMW ได้ทำอย่างต่อเนื่องผ่านโปรแกรม “BMW Ultimate Joy” โปรแกรมนี้มอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษแก่ผู้ครอบครองรถยนต์ BMW ทุกรุ่น ไม่ว่าเก่าแค่ไหนก็ตาม โดยเน้นไปที่ไลฟ์สไตล์ เช่น การออกรอบในสนามกอล์ฟระดับโลก การเข้าร่วมการวิ่งมาราธอนระดับโลก หรือการอบรมการขับรถแข่ง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ เป็นประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้า BMW เท่านั้น
แม้ในปีที่ผ่านมา กิจกรรมเหล่านี้อาจต้องหยุดชะงัก แต่ประสบการณ์สุดพิเศษที่ลูกค้าเคยได้รับ สร้างความชื่นชอบในแบรนด์ และนำไปสู่การบอกต่อผ่านโซเชียลมีเดีย กลายเป็นการสื่อสารที่ทรงพลัง และสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์ ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นยอดขายได้อย่างดี
Motor Show 2020: มหกรรมยานยนต์สุดอลังการ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
งาน Bangkok International Motor Show 2020 ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Whatever Changes will be…Move on” หรือ “พร้อมขับเคลื่อนไปในความเปลี่ยนแปลง” เน้นย้ำถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมยานยนต์ มุ่งสู่ความปลอดภัย ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และการลดมลพิษ เพื่อความยั่งยืน
พลังงานทางเลือก: รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงมวลชนมากขึ้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในงานนี้ คือรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยมีราคาสูงลิ่ว ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดราคาเริ่มต้นเพียงแปดแสนกว่าบาท เช่น Honda City e:HEV ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีราคาไม่ถึงล้านบาท ก็มีให้เลือก เช่น MG EP ราคา 988,000 บาท ซึ่งสามารถนั่งได้ 5 คน และบรรทุกสัมภาระได้มาก จำนวนผู้เล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มชนชั้นกลาง ในขณะที่ตลาดระดับหรูก็มีตัวเลือกพลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้นในแต่ละปี
Audi: รุกตลาดด้วย RS Model และข้อเสนอสุดคุ้ม
Audi ประเทศไทย ได้นำยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดกว่า 10 รุ่น มาจัดแสดงในงาน Bangkok International Motor Show 2020 โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว RS Model เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เริ่มต้นด้วย Audi TT RS Coupé ราคา 5.299 ล้านบาท ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 5 สูบ TFSI 400 แรงม้า ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นสุดท้ายของ Audi TT
นอกจากนี้ ยังมี RS Q8 quattro (10.899 ล้านบาท) และ RS 4 Avant quattro (5.899 ล้านบาท) มาสร้างความร้อนแรง พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า เช่น ดาวน์ 0% หรือ ผ่อน 0% นานสูงสุด 7 ปี ไม่มีบอลลูน สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.29% ผ่อนนาน 7 ปี สำหรับรุ่น A4, A5, e-tron และ RS Models
BMW/MINI: รถยนต์รุ่นใหม่ ดีไซน์สปอร์ต สมรรถนะเร้าใจ
BMW นำ 4 Series G22 มาจัดแสดง ซึ่งได้รับการปรับดีไซน์ให้ดูเซ็กซี่ ดุดัน และเตี้ย ล่ำ แหลมกว่าเดิม มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 258 แรงม้า และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ราคา 3,969,000 บาท (นำเข้าทั้งคัน)
สำหรับครอบครัว BMW X1 LCI ที่ปรับโฉมใหม่ มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ตั้งแต่ 1,999,000 บาท สำหรับรุ่น sDrive18i ICONIC จนถึง 2,559,000 บาท สำหรับรุ่น M Sport ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 190 แรงม้า
นอกจากนี้ ยังมี 220i Gran Coupe ที่ทำตลาดแทนรุ่นเดิม โดยใช้เครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ 192 แรงม้า มาพร้อมออปชั่นที่ครบครันกว่าเดิม และราคาที่ถูกลงกว่าเดิมถึง 230,000 บาท
Mercedes-Benz: Entry Level สู่โลกดาวสามแฉก
Mercedes-Benz นำเสนอ 3 รุ่น Entry Level สำหรับผู้เริ่มต้นสู่การเป็นเจ้าของรถยนต์ดาวสามแฉก ได้แก่ GLA 200 AMG Dynamic (2,399,000 บาท) และ A 200 (รุ่น Progressive ราคา 1,990,000 บาท และรุ่น AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท) ทั้งหมดเป็นรถประกอบในประเทศ ใช้เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร เทอร์โบ 163 แรงม้า จับคู่กับเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะ
MG: ผู้นำด้านพลังงานทางเลือก ตัวจริง
MG ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านพลังงานทางเลือก ด้วยการเปิดตัว MG EP รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในราคาที่เข้าถึงง่ายที่สุด “EV for Everyone” ที่ 988,000 บาท มาพร้อม MG Home Charger และการรับประกันคุณภาพรถ 4 ปี แบตเตอรี่ 8 ปี
นอกจากนี้ ยังมี MG HS PHEV รถยนต์ Plug-in Hybrid ที่ราคาถูกที่สุดในวงการ และ MG ZS EV รถยนต์ไฟฟ้าล้วนในกลุ่ม Subcompact SUV
Mitsubishi Outlander PHEV: SUV พลังปลั๊กอินไฮบริด
Mitsubishi Outlander PHEV SUV Plug-in Hybrid รุ่นล่าสุดจากญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และแบตเตอรี่ 13.8 kWh วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล 55 กม. (WLTP) พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือ 1.6 แสนกม. มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย GT (1.64 ล้านบาท) และ GT-Premium (1.749 ล้านบาท)
Porsche: Panamera Minorchange สู่การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
Porsche ประเทศไทย โดย AAS Auto Service นำ Panamera Minorchange มาจัดแสดง โดยไฮไลท์เด่นคือ Panamera 4 e-Hybrid ที่ราคาเริ่มต้น 7.3 ล้านบาท มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ 330 แรงม้า ให้กำลังรวม 462 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล 56 กม. พร้อมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 43.4-47.6 กม./ลิตร
นอกจากนี้ ยังมีรุ่น Premium Plus Package ในราคา 7.75 ล้านบาท และรถสปอร์ตยอดนิยมอีกหลายรุ่น เช่น 911 Targa 4S, Taycan Turbo, 718 Spyder เป็นต้น
Lexus: นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า สู่ความหรูหราเหนือระดับ
Lexus เปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ Lexus IS สปอร์ตซีดานรุ่นใหม่ มาพร้อม IS300h Hybrid ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท Lexus UX ครอสโอเวอร์ที่เพิ่มรุ่นย่อย UX300e รถยนต์ไฟฟ้า 100% ราคา 3.49 ล้านบาท และ Lexus LS Minorchange อัครยานยนต์หรูคู่แข่ง 7 Series และ S-Class ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 11.5 ล้านบาท
Volvo: ก้าวสู่ยุค “Recharge” พลังงานสะอาดเต็มรูปแบบ
Volvo ปรับภาพลักษณ์สู่ยุคแห่งพลังงานสะอาด “Recharge” โดยชูรุ่นเด่น XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 (ครอสโอเวอร์ขนาดกระทัดรัด) และ S90 Recharge Plug-In Hybrid T8 Inscription (ซีดานหรู) มาพร้อมเทคโนโลยี Plug-in Hybrid และระบบความปลอดภัยสุดล้ำ
สรุป: ตลาดรถยนต์ปี 2563 ก้าวข้ามข้อจำกัด สู่ทางเลือกที่หลากหลาย
แม้ปี 2563 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่วงการยานยนต์ไทยยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมและกลยุทธ์ที่หลากหลาย BMW Xpo 2020 ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเข้าถึงลูกค้าและการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ขณะที่งาน Motor Show และ Motor Expo ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันในตลาดรถหรูที่ดุเดือด และการปรับตัวของผู้ผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
การเปิดใจรับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกใหม่ๆ และการสนับสนุนผู้บริโภคที่พร้อมจะก้าวสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
สัมผัสประสบการณ์ขับขี่สุดพิเศษจาก BMW ได้แล้ววันนี้ ณ BMW Xpo 2020 หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อค้นหารถยนต์ BMW ที่ใช่สำหรับคุณ

