ปอร์เช่ ประเทศไทย: สัมผัสประสบการณ์ยนตรกรรมระดับโลก ณ มหกรรม Fast Auto Show Thailand 2018
ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ในฐานะผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้นำทัพยนตรกรรมสุดหรูมาจัดแสดง ณ มหกรรม Fast Auto Show Thailand 2018 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม 2561 ณ Hall EH106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ขุมพลังแห่งสมรรถนะ: ขบวนยนตรกรรมที่ต้องสัมผัส
ไฮไลท์สำคัญที่ปอร์เช่ ประเทศไทย นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ คือการนำเสนอสุดยอดยนตรกรรมหลากหลายรุ่นที่สะท้อนถึงดีเอ็นเอแห่งสมรรถนะและความหรูหราของแบรนด์ปอร์เช่ อันได้แก่:
911 GT3: สุดยอดรถสปอร์ตในตำนานที่ได้รับการยอมรับในด้านสมรรถนะในสนามแข่ง พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจในทุกเส้นทาง
911 Carrera: ไอคอนแห่งความสปอร์ตที่มาพร้อมการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะที่เหนือชั้น ผสานความหรูหราได้อย่างลงตัว
718 Cayman: รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางที่โดดเด่นด้วยการควบคุมที่เฉียบคม และการตอบสนองที่ฉับไว
718 Boxster: รถสปอร์ตเปิดประทุนที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่อิสระ และสัมผัสกับสายลมอย่างเต็มที่
Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo: ยนตรกรรม Gran Turismo ที่ผสานความสง่างามของรถซีดานสี่ประตูเข้ากับความอเนกประสงค์ของรถสเตชั่นวากอน ด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่ทรงประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมี Porsche Cayman GT4 Club Sport MR จากทีม AAS Motorsport ซึ่งเป็นรถแข่งสายพันธุ์แท้ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของปอร์เช่ในการพัฒนายนตรกรรมเพื่อการแข่งขันระดับโลก
ข้อเสนอสุดพิเศษ: ฉลอง 70 ปีปอร์เช่
ในโอกาสพิเศษนี้ ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของปอร์เช่ โดยลูกค้าที่จองรถยนต์ปอร์เช่ภายในงาน มีสิทธิ์ลุ้นรับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในแคมเปญ “Porsche Memorable German Heritage Trip” ซึ่งผู้โชคดีจะได้ร่วมทดลองขับยนตรกรรมปอร์เช่ ณ ประเทศเยอรมนี สัมผัสบรรยากาศอันงดงามของ Black Forest พร้อมเยี่ยมชมโรงงานและพิพิธภัณฑ์ปอร์เช่อย่างเป็นส่วนตัว
การรับประกันจากโรงงาน: ความมั่นใจสูงสุด
เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า รถยนต์ปอร์เช่ที่ซื้อจาก AAS เท่านั้น ที่จะได้รับการรับประกันจากโรงงานนานสูงสุดถึง 7 ปี (2 ปีแรกตามมาตรฐาน และอีก 5 ปีสำหรับ Extended Warranty) ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและความทนทานของยนตรกรรมจากปอร์เช่
โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย:
นอกจากนี้ ผู้ที่จองรถยนต์ปอร์เช่ภายในงาน Fast Auto Show Thailand 2018 ยังมีสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญพิเศษ “ซื้อรถ ชิงรถ จองรถ ชิงทอง” โดยจะได้รับคูปองเพื่อร่วมลุ้นสร้อยคอทองคำจำนวน 7 รางวัลต่อวัน และเมื่อทำการส่งมอบรถยนต์แล้ว ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรถยนต์มูลค่า 476,000 บาทอีกด้วย
ทิศทางของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า: การเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์หรูอย่าง Mercedes-Benz ได้ทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EQ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
Mercedes-Benz EQ: ความหวังใหม่แห่งอนาคต
Mercedes-Benz ได้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการนำเสนอ E 300 BlueTEC Hybrid ในงาน The 29th Thailand International Motor Expo เมื่อปี 2555 ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการรถหรู และทำให้ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยีไฮบริด การติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริดในรถยนต์รุ่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Mercedes-Benz ในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความประหยัดน้ำมันควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
แบรนด์ EQ ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า และเพื่อตอบรับกับทิศทางความต้องการของตลาดโลกและตลาดไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า
ประเทศไทย: พร้อมแล้วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
การขยายตัวของสถานีชาร์จ การสนับสนุนจากภาครัฐ และความเข้าใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz มั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมสำหรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้า คุณโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยมีความพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว”
Mercedes-Benz ไม่ได้มองเพียงแค่การขายรถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นการนำเสนอ “ยุคใหม่ของยานยนต์” ที่รถยนต์จะฉลาดขึ้น และกลายเป็น Connected Car อย่างเต็มรูปแบบ
การลงทุนเพื่ออนาคต: สถานีชาร์จ และโรงงานแบตเตอรี่
เพื่อสนับสนุนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ Mercedes-Benz ได้ลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จกว่า 200 จุดทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชั้นนำต่างๆ นอกจากนี้ ยังเตรียมสายการผลิตโรงงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2562 เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
สรุป: การขับเคลื่อนสู่อนาคตของยานยนต์
Mercedes-Benz กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้ายังคงเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้มีกำลังซื้อสูง การขยายการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง จำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนจากแบรนด์อื่นๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน
The New C-Class: นิยามใหม่ของยนตรกรรมซีดานหรู
Mercedes-Benz ได้เปิดตัว The New C-Class รุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น ผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเทียบเท่ารุ่นพี่ตระกูล The S-Class โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย ได้แก่:
The C 220 d Avantgarde: ราคา 2,349,000 บาท
The C 220 d Exclusive: ราคา 2,690,000 บาท
The C 220 d AMG Dynamic: ราคา 2,890,000 บาท
คุณฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังว่า การเปิดตัว The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศทั้ง 3 รุ่นนี้ จะช่วยผลักดันการเติบโตของ C-Class ในไทยให้สูงขึ้น และสามารถเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น”
ดีไซน์ภายนอก: ความหรูหราที่เหนือกว่า
The New C-Class ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น:
The C 220 d Avantgarde: มาพร้อมกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม, ตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว
The C 220 d Exclusive: โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบคลาสสิก, ตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอย multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว
The C 220 d AMG Dynamic: เสริมความสปอร์ตด้วยกระจังหน้า diamond grille สีเงิน, ตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งสีดำ และชุดแต่ง AMG Bodystyling รอบคัน
เทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED:
รุ่น The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic มาพร้อมระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่ประกอบด้วยหลอด LED อิสระ 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปรับความเข้มแสงให้เข้ากับสภาพการจราจรได้ พร้อมระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร
ดีไซน์ภายใน: สุนทรียภาพแห่งความหรูหราสไตล์สปอร์ต
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต โครงสร้างต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว:
พวงมาลัย: รุ่น Avantgarde ใช้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่ม Touch Control, รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าปรับระดับ พร้อมระบบปรับน้ำหนักตามความเร็ว, รุ่น AMG Dynamic เพิ่มพวงมาลัยสปอร์ตท้ายตัดพร้อมปุ่ม Touch Control
เบาะนั่ง: รุ่น Avantgarde และ Exclusive ใช้เบาะหุ้มหนัง ARTICO, รุ่น AMG Dynamic ใช้เบาะหนังแบบสปอร์ต พร้อมเบาะหลังพับได้ 1/3 และ 2/3
ระบบ Push Start และ KEYLESS-GO: รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic มาพร้อมระบบ KEYLESS-GO
All-Digital Instrument Display: หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ (Classic, Progressive, Sport)
หน้าจอมัลติมีเดีย MB Audio 20: ขนาด 10.25 นิ้ว ควบคุมง่ายด้วย Touchpad รองรับ Apple CarPlay™, ระบบถอยจอดอัตโนมัติ และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic)
Ambient Lighting: ระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ปรับสีได้ถึง 64 สี
AIR BALANCE package: (เฉพาะรุ่น Exclusive) ระบบปรับสมดุลอากาศ พร้อมน้ำหอมกลิ่นพิเศษ
ระบบเทคโนโลยีและความปลอดภัย: เหนือกว่ามาตรฐาน
The New C-Class มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดเทียบเท่า The S-Class อาทิ:
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP®)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system)
ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
ระบบ DYNAMIC SELECT (Sport, Sport+, Comfort)
Apple CarPlay™ & Android Auto
ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) (เฉพาะรุ่น AMG Dynamic)
ระบบเสียง Burmester® surround sound system (เฉพาะรุ่น AMG Dynamic)
ระบบแผนที่นำทาง (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic)
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) (เฉพาะรุ่น Avantgarde และ Exclusive)
ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทย:
ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยมียอดขายเฉลี่ย 30,000-40,000 คันต่อปี โดยมี Mercedes-Benz, BMW และ Volvo เป็นผู้นำตลาดที่คนไทยคุ้นเคย ขณะที่ Audi กำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ
Audi Centre Thailand: สัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่น
Audi ได้ลงทุนกว่าพันล้านบาท เปิดสำนักงานใหญ่ โชว์รูม และศูนย์บริการครบวงจร “Audi Centre Thailand” ที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในประเทศไทย
คุณกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการบริหาร Audi ประเทศไทย กล่าวว่า “แผนกลยุทธ์เชิงรุกของเรา มุ่งยกระดับทุกส่วน ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ และการยกระดับคุณภาพบริการหลังการขาย”
Audi Q8: SUV แห่งอนาคต
Audi ได้เปิดตัว Audi Q8 รุ่นแรกในอาเซียน ซึ่งเป็น SUV สุดหรูที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร เทคโนโลยี Mild Hybrid 48 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Audi ในราคาจำหน่าย 6,799,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย: ยอดขายสูงสุด 17 ปีซ้อน
ในปี 2560 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 14,484 คัน ครองอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์หรูต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 พร้อมยอดจองรถในงาน Motor Expo 2017 กว่า 2,701 คัน
การแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์:
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 6 กลุ่มหลัก:
Compact Car: 3,386 คัน (23.4%)
Luxury Car: 6,672 คัน (46.1%)
SUV: 2,556 คัน (17.7%)
Dream Cars: 1,685 คัน (11.6%)
Mercedes-AMG: 105 คัน (0.7%)
Van: 70 คัน (0.5%)
แผนการรุกตลาดปี 2561:
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวรถใหม่ 10 รุ่น โดยเน้นหนักที่แบรนด์ Mercedes-AMG และการเปิดตัว Mercedes-AMG C43 Coupe รุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก
เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่
เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG) ได้นำเสนอสุดยอดยนตรกรรมที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะอันเหนือชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดงาน “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
เทคนิคการขับขี่ระดับโลก:
ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์การฝึกฝนทักษะการขับขี่ขั้นสูง อาทิ:
Cornering Theory: การทำความเข้าใจและฝึกฝนการเข้าโค้งด้วย Racing Line ที่ถูกต้อง
Motorkhana: การขับขี่ที่เน้นความคล่องแคล่วและความแม่นยำในการควบคุมรถผ่านกรวย
ESP Exercise: การทดสอบการทำงานของระบบ ESP (Electronic Stability Program) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
Brake & Swerve: การฝึกฝนการเบรกกะทันหันและหักหลบสิ่งกีดขวาง
การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ:
งานนี้ได้รับเกียรติจากอาจารย์ผู้ฝึกสอนระดับโลกจาก Mercedes-AMG พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทย มาถ่ายทอดความรู้และเทคนิคการขับขี่ขั้นสูง เพื่อยกระดับประสบการณ์และทักษะของผู้ขับขี่
บทสรุป:
งาน Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ถือเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบยนตรกรรมสมรรถนะสูงในการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง ควบคู่ไปกับการสัมผัสสมรรถนะอันเหนือชั้นของรถยนต์ Mercedes-AMG ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและควบคุมได้
มาเซราติ ประเทศไทย: ยนตรกรรมสัญชาติอิตาลี ณ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
มาเซราติ ประเทศไทย ได้นำยนตรกรรมสุดหรูจากประเทศอิตาลี 4 รุ่น เข้าร่วมจัดแสดง ณ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 (THE 35th THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2018) โดยมีไฮไลท์อยู่ที่รุ่น Ghibli S GranSport
ขุมพลังอันเร้าใจ:
Ghibli S GranSport มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V6 สูบ เทอร์โบคู่ 430 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 Intelligent All-Wheel Drive
ห้องโดยสารแห่งความหรูหรา:
ดีไซน์ภายในแบบ Seamless Cabin Concept เน้นความสมมาตร กว้างขวาง เบาะหนังแท้ Italian Leather คุณภาพสูง พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัส 8.4 นิ้ว และระบบเครื่องเสียง Harman Kardon
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย:
Ghibli S GranSport มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง เช่น Adaptive Cruise Control, Forward Collision Warning, Blind Spot Alert และ Surround View Camera
รุ่นที่จัดแสดง:
Ghibli S GranSport
Ghibli Diesel
Levante Diesel GranLusso
Quattroporte S
ราคาจำหน่าย:
Ghibli Diesel: เริ่มต้น 7.39 ล้านบาท
Ghibli Diesel GranLusso: 7.79 ล้านบาท
Ghibli GranLusso: 8.99 ล้านบาท
Ghibli S GranSport: 9.99 ล้านบาท
Levante: เริ่มต้น 7.59 ล้านบาท
Quattroporte: เริ่มต้น 10.9 ล้านบาท
ลัมโบร์กินี อูรุส (Lamborghini Urus): Super SUV คันแรกของโลก ณ ประเทศไทย
บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายอย่างเป็นทางการของ Lamborghini ในประเทศไทย ได้เปิดตัว Lamborghini Urus Super SUV คันแรกของโลกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
DNA แห่งลัมโบร์กินี:
Urus ถ่ายทอด DNA แห่งสมรรถนะ ดีไซน์ และประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini สู่ยานยนต์ SUV ระดับ Luxury สะท้อนภาพลักษณ์ที่ปราดเปรียว ลาดลง พร้อมช่องรับอากาศดีไซน์รูปตัว Y และไฟหน้า LED เพรียวบาง
ห้องโดยสารแห่งความหรูหราและเทคโนโลยี:
ภายในห้องโดยสารดีไซน์แบบ Hexagonal สะท้อนเอกลักษณ์ Lamborghini มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Lamborghini Infotainment System-LIS, Apple CarPlay, Android Auto, โหมดการขับขี่ EGO Mode ที่ปรับเปลี่ยนคาแรคเตอร์ของรถได้ตามต้องการ
ขุมพลัง V8 Twin-Turbo:
Urus ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม.
ระบบ Tamburo:
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ STRADA, SPORT, CORSA, NEVE (หิมะ), TERRA (ออฟโรด) และ SABBIA (ทราย)
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS:
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และสุนทรียภาพสูงสุดในการขับขี่
ราคาจำหน่าย:
Lamborghini Urus มีราคาเริ่มต้นที่ 23,420,000 บาท พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร 5 ปี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย: ส่งท้ายปีด้วย AMG CLS 53 4MATIC+ และ GT S
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ปิดท้ายปีด้วยการเปิดตัวรถยนต์ AMG สองรุ่นใหม่ ได้แก่ AMG CLS 53 4MATIC+ ราคา 7.09 ล้านบาท และ GT S ราคา 14.9 ล้านบาท พร้อมอวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA ในงาน Motor Expo 2018
นิยามใหม่ของยนตรกรรมหรู:
คุณโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร Mercedes-Benz (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอกย้ำความเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม” โดยบูธจัดแสดงแบ่งออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz, Mercedes-Maybach, Mercedes-AMG และ EQ Power
Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+:
รถยนต์สปอร์ตซีดานหรูที่ผสานเครื่องยนต์ 435 แรงม้าเข้ากับรูปลักษณ์สปอร์ต ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในได้รับการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน
Mercedes-AMG GT S:
รถยนต์คูเป้สปอร์ตที่ใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบา เครื่องยนต์ V8 Biturbo และเกียร์ 7 สปีด เพื่อมอบสมรรถนะและความแรงขั้นสุด
รถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA:
แสดงถึงกลยุทธ์ EQ ที่จะนำมาใช้ในรถกลุ่มคอมแพค ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% วิ่งได้ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร
การแสดงยนตรกรรม AMG:
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้นำทัพรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง Mercedes-AMG กว่า 8 รุ่น มาจัดแสดง ครอบคลุมตั้งแต่รุ่น 45, 43, 53, 63 ไปจนถึงตระกูล AMG GT
การคาดการณ์รถใหม่ปี 2017: การแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดประเทศไทย
ปี 2560 เป็นปีที่ตลาดรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้ง ค่ายรถยนต์ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นปรับโฉมและรุ่นใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
Nissan: เตรียมเปิดตัว Nissan Note พร้อมเทคโนโลยี E-Power และอาจมี Nissan Teana Nismo เข้ามาเสริมทัพ
Honda: เปิดตัว Honda City ใหม่ และคาดว่าจะตามมาด้วย Honda Jazz, Honda Civic Hatchback และ Honda CR-V โฉมใหม่
Toyota: เปิดตัว Corolla Altis รุ่นปรับโฉมใหม่ และคาดว่าจะมี Vios/Yaris รุ่นปรับโฉมหน้าใหม่ รวมถึง Toyota C-HR ที่ได้รับความสนใจอย่างสูง
Suzuki: คาดว่าจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เพื่อกระตุ้นตลาด อาจเป็น Suzuki Vitara Brezza, Ignis หรือ All New Suzuki Swift เจนใหม่
Mazda: เตรียมเผยโฉม Mazda 3 ใหม่ และคาดว่าจะมี SUV โมเดลใหม่อย่าง CX-5 เข้ามาเสริมทัพ
Isuzu: คาดว่าจะเปิดตัว MU-X รุ่นปรับโฉมใหม่ และ D-MAX ปรับออปชั่นประจำปี
Subaru: เตรียมพบกับ Subaru XV รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ และ Subaru BRZ ที่ปรับโฉมสำหรับปี 2017
Mitsubishi: คาดว่าจะเปิดตัว Mitsubishi XM อเนกประสงค์รุ่นใหม่
Ford: อาจนำ Ford Figo เข้ามาลุยตลาดประเทศไทย
BMW: เปิดตัว BMW Series 5 เจนใหม่ และคาดว่า Series 3 โฉมใหม่จะตามมาในอีก 2 ปี
Mercedes-Benz: เปิดตัว Mercedes-Benz E-Class รุ่นประกอบไทย และอาจมี A-Class ปรับโฉม หรือ E-Class Coupe
MG: อาจเปิดตัวรถกระบะคันแรกจาก MG และ MG ZS ที่มาพร้อมระบบ i-SMART
Hyundai: คาดว่าจะเปิดตัว Hyundai Tucson ใหม่
Tata: พบกับ Tata Xenon 4 ประตู ปรับโฉม เกียร์อัตโนมัติ
BMW 7 Series Pure Excellence: ยกระดับความหรูหราและสมรรถนะ
BMW ได้เปิดตัว BMW 7 Series Pure Excellence รุ่นประกอบในประเทศ 2 รุ่น ได้แก่ 730Ld Pure Excellence และ 740Le xDrive Pure Excellence เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้นำยุคใหม่
ดีไซน์อันโดดเด่น:
ไฟหน้า Adaptive LED, กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่, ไฟท้ายดีไซน์ใหม่คาดแถบโครเมียม, ล้ออัลลอยขนาด 19-20 นิ้ว และหลังคา Panorama Sky Lounge
โครงสร้าง Carbon Core:
ผสมผสานวัสดุพลาสติกเสริมใยคาร์บอน (CFRP) กับเหล็กกล้าและอลูมิเนียม เพื่อความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา
ภายในสุดหรู:
ลายไม้ Ash Grain Chestnut, เบาะนั่งปรับไฟฟ้าหุ้มหนังแท้ Nappa/Dakota, กุญแจ BMW Display Key, ระบบนำทาง Professional, BMW Gesture Control, ระบบระบายอากาศและฟังก์ชั่นนวด, ระบบเสียง Harman Kardon และ Touch Command Tablet
ขุมพลัง:
730Ld: เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร TwinPower Turbo 265 แรงม้า
740Le xDrive: เครื่องยนต์เบนซิน Plug-In Hybrid 2.0 ลิตร TwinPower Turbo 258 แรงม้า + มอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า รวม 326 แรงม้า สามารถวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 41 กม.
ราคาจำหน่าย:
740Le xDrive Pure Excellence: 6,339,000 บาท
730Ld Pure Excellence: 5,839,000 บาท
งาน Motor Expo 2017: มหกรรมยานยนต์ส่งท้ายปี
งาน “มหกรรมยานยนต์ 34” หรือ Motor Expo 2017 พร้อมจัดแสดงยนตรกรรมสุดล้ำ ภายใต้แนวคิด “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง”
ไฮไลท์จากค่ายรถชั้นนำ:
Aston Martin DB11 V8: เปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ราคา 21.9 ล้านบาท
Audi A5 Sportback / A4 Avant Black Edition: ราคาเริ่มต้น 3.249 ล้านบาท
BMW X3: เจเนอเรชั่นที่ 3 ราคา 3.699 ล้านบาท
MINI John Cooper Works Countryman: รถอเนกประสงค์พรีเมี่ยม
Chevrolet Colorado Centennial Edition: รุ่นพิเศษฉลอง 100 ปี
Honda Civic Rallye Red: สีแดงร้อนแรง
Hyundai H-1 / Grand Starex: รุ่นปรับปรุงช่วงล่าง
Isuzu D-MAX / MU-X: รุ่นตกแต่งพิเศษฉลอง 60 ปี
Jaguar F-TYPE: ยนตรกรรมสปอร์ตระดับโลก
Kia Stinger / Soul EV: รถพรีเมี่ยมและรถยนต์ไฟฟ้า
Lexus LS / NX / CT: รุ่นเรือธงและรุ่นปรับโฉม
Mazda CX-5: SUV โฉมใหม่ ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท
Mercedes-AMG GT R / GT C: รถสปอร์ตสายพันธุ์แรง
MG ZS: รถอเนกประสงค์พร้อมระบบ i-SMART
Mitsubishi Triton Athlete / Xpander: กระบะแต่งพิเศษและ SUV น้องใหม่
Nissan Leaf / Note e-Power / Navara MY 2018: รถยนต์ไฟฟ้า, Hybrid และกระบะปรับโฉม
Subaru XV: เจเนอเรชั่นที่สอง ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Suzuki Ciaz: เพิ่มออปชั่น ช่องแอร์หลัง ราคาเท่าเดิม
Toyota C-HR / Hilux Revo: Crossover น้องใหม่ และ Hilux Revo ปรับโฉม
Volvo XC60: เจนใหม่ ราคาเริ่มต้น 3.09 ล้านบาท
ปอร์เช่ ปานาเมร่า (Porsche Panamera): นิยามใหม่ของ Gran Turismo
ปอร์เช่ ปานาเมร่า (Porsche Panamera) ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่มองหายานยนต์ที่ผสานสมรรถนะระดับรถสปอร์ตเข้ากับความหรูหราสะดวกสบายของรถซาลูนขนาดใหญ่
วิวัฒนาการแห่งดีไซน์:
Panamera เจเนอเรชั่นที่ 2 (971) ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกให้มีความสวยงาม โฉบเฉี่ยว และสปอร์ตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณท้ายรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 911 ทำให้มีสัดส่วนที่ลงตัวมากขึ้น
เทคโนโลยีล้ำสมัย:
MSB Platform: แพลตฟอร์มใหม่ที่รองรับการปรับเปลี่ยนฐานล้อได้หลากหลาย
Porsche Advance Cockpit: คอนโซลกลางดีไซน์เรียบง่าย ทันสมัย พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว
ระบบส่งกำลัง PDK: เกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล
Porsche Traction Management (PTM): ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่กระจายแรงบิดได้อย่างชาญฉลาด
Air Suspension: ระบบช่วงล่างถุงลมที่ปรับความสูงและความหนืดได้
Rear-wheel Steering: ระบบเลี้ยวล้อหลังที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่
เบรกประสิทธิภาพสูง: คาลิเปอร์ 6-10 Pot พร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ (เซรามิกเป็นออปชั่น)
ขุมพลังหลากหลาย:
Panamera 4 E-Hybrid: เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ + มอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า รวม 462 แรงม้า
Panamera 4S: เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ 440 แรงม้า
Panamera Turbo: เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 550 แรงม้า
Panamera Turbo Executive: รุ่นฐานล้อยาวของ Turbo
ประสบการณ์การขับขี่:
Panamera มอบการขับขี่ที่เหนือกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน ด้วยการควบคุมที่เฉียบคม การตอบสนองที่ฉับไว และสมรรถนะที่ทรงพลัง แม้จะมีน้ำหนักมาก แต่ก็ยังคงความรู้สึกคล่องแคล่วและสนุกสนานในการขับขี่
การเลือก Panamera ที่ใช่:
Panamera 4 E-Hybrid: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัด, การขับขี่ในเมือง และประโยชน์จากภาษีรถยนต์ไฮบริด
Panamera 4S: คือรุ่นที่สมดุลที่สุด เหมาะสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และการขับขี่ที่สนุกสนาน
Panamera Turbo: สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะ ความเร้าใจ และความหรูหราขั้นสูงสุด
บทสรุป:
Porsche Panamera ไม่ใช่เพียงแค่รถหรู แต่เป็น Gran Turismo ที่แท้จริง ซึ่งผสานความเป็นรถสปอร์ตเข้ากับความสะดวกสบายของรถซาลูนขนาดใหญ่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจและแตกต่างอย่างแท้จริง
ก้าวสู่โลกยานยนต์แห่งอนาคต: การเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด
อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ แบรนด์รถยนต์ชั้นนำต่างเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
การขับเคลื่อนแห่งอนาคต:
จากงานแสดงยานยนต์ต่างๆ ที่ผ่านมา เราได้เห็นทิศทางที่ชัดเจนของการพัฒนายานยนต์ที่เน้นความยั่งยืน ประสิทธิภาพ และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
คำเชิญสู่ประสบการณ์:
ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหายนตรกรรมสุดหรูที่สะท้อนถึงรสนิยมส่วนตัว สมรรถนะที่เร้าใจ หรือเทคโนโลยีแห่งอนาคตอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขอเชิญชวนท่านสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ได้ที่งานแสดงยานยนต์ชั้นนำ หรือที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพื่อค้นหารถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่อนาคตของยานยนต์
Thai translation with SEO optimization:
ปอร์เช่ ประเทศไทย: ขับเคลื่อนสู่ยุคใหม่แห่งสมรรถนะและความหรูหรา
ในโลกยานยนต์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่าย ปอร์เช่ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ได้นำเสนอสุดยอดยนตรกรรมที่ผสมผสานปรัชญาแห่งสมรรถนะและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ณ มหกรรมยานยนต์ชั้นนำต่างๆ
Porsche Thailand: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่
ด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการรถยนต์หรู AAS Porsche Thailand ไม่เพียงแต่นำเสนอ รถยนต์ปอร์เช่ รุ่นล่าสุด แต่ยังสร้างสรรค์ประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า ผ่านการจัดแสดงยนตรกรรมระดับโลกที่สะท้อนถึง DNA แห่งสมรรถนะของปอร์เช่ ไม่ว่าจะเป็น 911 GT3, 911 Carrera, 718 Cayman, 718 Boxster หรือ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo ซึ่งล้วนเป็น ซูเปอร์คาร์ ปอร์เช่ ที่ได้รับการยอมรับในด้านสมรรถนะและความแม่นยำในการขับขี่
Porsche Driving Experience:
นอกเหนือจากการจัดแสดง ปอร์เช่ ใหม่ แล้ว ปอร์เช่ ประเทศไทยยังมุ่งมั่นยกระดับทักษะการขับขี่ของลูกค้า ผ่านกิจกรรม Porsche Driving Experience ซึ่งมอบโอกาสให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสมรรถนะของ รถสปอร์ตปอร์เช่ ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
อนาคตยานยนต์ไฟฟ้า: Porsche Taycan และ EQ Power
ในยุคที่ รถยนต์ไฟฟ้า กำลังได้รับความนิยม ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้นำเสนอ Porsche Taycan ซึ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้า ปอร์เช่ รุ่นแรกที่มาพร้อมสมรรถนะอันน่าทึ่ง สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการพัฒนายานยนต์แห่งอนาคต ควบคู่ไปกับการนำเสนอเทคโนโลยี EQ Power ในรุ่น Plug-in Hybrid ที่ผสานประสิทธิภาพและความยั่งยืน
การลงทุนในอนาคต: AAS Auto Service Thailand
AAS Auto Service ในฐานะศูนย์บริการ ปอร์เช่ กรุงเทพ และ ปอร์เช่ เชียงใหม่ ไม่เพียงให้บริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานระดับโลก แต่ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอ รถปอร์เช่ มือสอง คุณภาพเยี่ยม และการรับประกันที่ยาวนานสูงสุดถึง 7 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่าน
ค้นหา Porsche ของคุณ:
หากคุณกำลังมองหา รถสปอร์ตหรู หรือ รถซีดานสมรรถนะสูง ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและความประณีต ปอร์เช่ ประเทศไทย พร้อมมอบประสบการณ์การค้นพบ Porsche ในฝันของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Porsche 911 อันเป็นตำนาน หรือ Porsche Macan SUV อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ติดต่อ AAS Auto Service วันนี้:
เชิญสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับยนตรกรรม ปอร์เช่ ได้ที่ AAS Auto Service หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ราคาปอร์เช่ รุ่นต่างๆ รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษ โปรโมชั่น ปอร์เช่ และการรับประกัน Porsche Extended Warranty ที่จะทำให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง
บทสรุป:
ปอร์เช่ ประเทศไทย ยืนหยัดในฐานะผู้นำแห่งยนตรกรรมสมรรถนะสูง นำเสนอ รถยนต์ปอร์เช่ ที่ไม่เพียงแต่สวยงามและหรูหรา แต่ยังเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันน่าทึ่ง พร้อมด้วยบริการหลังการขายที่เหนือระดับ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทยทุกท่าน.

