• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3112006 พวกเขาไม าผ ชายท พวกเขามาร บค อคนเด ยวก และพวกเขาต องใส ดเหม อนก นเป ะๆ part2

admin79 by admin79
December 28, 2025
in Uncategorized
0
N3112006 พวกเขาไม าผ ชายท พวกเขามาร บค อคนเด ยวก และพวกเขาต องใส ดเหม อนก นเป ะๆ part2

โตโยต้า ยาริส ใหม่: บทวิเคราะห์เจาะลึกจากผู้คร่ำหวอดวงการยานยนต์

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นพัฒนาการของรถยนต์หลายรุ่นหลายยี่ห้อ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละครั้งมักมาพร้อมกับความคาดหวังและคำถามมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดประเทศไทย วันนี้ผมขอนำพาทุกท่านดำดิ่งสู่การวิเคราะห์เจาะลึก “โตโยต้า ยาริส ใหม่” (Toyota Yaris) รถยนต์อีโคคาร์แฮทช์แบ็กที่สร้างปรากฏการณ์และเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

การออกแบบที่ท้าทายทุกสายตา: ความกล้าที่จะแตกต่างของ Yaris

เมื่อสองปีก่อน มีผู้กล่าวถึงดีไซน์ของ Yaris รุ่นใหม่ว่าจะมีลักษณะเป็นเหลี่ยมสัน คล้ายกับ Mitsubishi RVR/ASX ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความกังวล เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา รถยนต์ที่ออกแบบให้ดูดุดันเกินไปมักไม่เป็นที่นิยมในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคหญิงซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30-40% ของตลาดรถยนต์อีโคคาร์ ที่ชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมน น่ารัก และเป็นมิตร

เมื่อภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 เผยโฉมออกมา ความกังวลของผมก็เป็นจริง ด้านหน้าของ Yaris ใหม่ มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Mitsubishi Lancer EX หรือ RVR/ASX และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือชุดไฟท้ายที่มีรูปทรงประหลาดคล้าย “ก้อนน้ำมูก” ในวันที่เป็นหวัด

“จบกัน…แบบนี้จะขายผู้ชายได้ แต่จะขายผู้หญิงคงยาก มีทางเดียวคือต้องใช้การตลาดแบบ ‘สีสัน Colorful Marketing’ อย่างเต็มที่ หาเฉดสีตัวถังสวยๆ มานำเสนอ ไม่อย่างนั้นแล้ว ยอดขายคงไม่กระเตื้อง” นี่คือสิ่งที่ผมคิดในใจ

ฉากหลังที่บีบคั้น: ตลาดรถยนต์ไทยปี 2556

การเปิดตัว Yaris ใหม่ เกิดขึ้นในช่วงที่โครงการ “คืนภาษีรถคันแรก” ของรัฐบาลในปี 2554-2555 กำลังจะสิ้นสุดลง สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดรถยนต์ไทย ผู้บริโภคดีใจ (ยกเว้นบางรายที่ผ่อนส่งไม่ไหว) แต่ผู้ผลิตต่างเร่งกำลังการผลิต เมื่อโครงการสิ้นสุดลง กำลังซื้อในปี 2556 ก็หดหายอย่างรวดเร็ว รถยนต์ค้างสต็อกจอดเต็มลาน ส่งผลให้หลายค่ายต้องเช่าพื้นที่จอดรถเพิ่มเติม และออกโปรโมชั่นระบายสต็อกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

กลุ่มรถยนต์ B-Segment (1,500 ซีซี) และ ECO Car (1,200 ซีซี) ได้รับผลกระทบหนักที่สุด แม้จะทุ่มโปรโมชั่นหนักเพียงใด ยอดขายก็ไม่กระเตื้อง การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในช่วงเวลานั้นจึงเป็นความเสี่ยงที่ผู้ผลิตต้องเตรียมใจรับ หากกระแสไม่เปรี้ยงปร้าง ยอดขายก็หดหายตามสภาพตลาด Yaris เองก็ตกอยู่ในชะตากรรมนี้ ร่วมกับ Vios ญาติร่วมแพลตฟอร์ม

การที่ Toyota ต้องเปิดตัว Yaris ในช่วงเวลานั้น ดูเหมือนจะเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิเช่นนั้นการเลื่อนเปิดตัวออกไปคงไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป

กระแสตอบรับที่บางตา สู่การยอมรับที่ค่อยเป็นค่อยไป

ผลลัพธ์เป็นไปตามคาด กระแสการพูดถึง Yaris ในโซเชียลมีเดียบางตาอย่างผิดสังเกตเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ น้อยคนที่จะสอบถามถึง ยิ่งเมื่อเทียบกับ Nissan Teana ที่เปิดตัวก่อนหน้าเพียงวันเดียว ยิ่งทำให้กระแสของ Yaris แทบจะถูกกลืนหายไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มไม่แน่ใจในความคิดตัวเองอีกต่อไป กระแสการพูดถึง Yaris ในโซเชียลมีเดียเริ่มกลับมามากขึ้นเรื่อยๆ และปริมาณ Yaris ใหม่ที่พบเห็นบนท้องถนนก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน นี่แสดงว่า ลูกค้าเริ่มให้การยอมรับ “น้องใหม่หน้าตาประหลาด” คันนี้แล้ว

คำถามที่คาใจ: สมรรถนะ, การประหยัดน้ำมัน, และความคุ้มค่า

วันนี้ คำถามที่หลายคนยังคงคาใจคือ:
อัตราเร่งจะอืดหรือไม่?
กินน้ำมันหรือเปล่า? ประหยัดไหม?
ขับดีไหม? พวงมาลัยแก้ไขแล้วหรือยัง?
ช่วงล่างเป็นอย่างไรบ้าง?
ควรจะซื้อหรือไม่? ถ้าซื้อ ควรเลือกรุ่นย่อยใด?
Yaris กับ Swift ควรเลือกคันไหน?
จะเปลี่ยนใจจาก Vios มาคบ Yaris ดีไหม?

ผมเชื่อว่าคำถามเหล่านี้จะถูกคลี่คลายในบทความรีวิวนี้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าคำตอบที่ผมจะมอบให้ จะยิ่งสร้างความกังขาให้คุณมากขึ้นหรือไม่ หากผมบอกว่า “ตัวเลขอัตราเร่งที่ออกมานั้น ไวพอๆ กับ Vios แถมประหยัดกว่า Vios และได้พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า Vios (เฉพาะด้านหลัง) !!”

ไม่เชื่อใช่ไหม? Yaris ยังคงทำหน้าที่เป็นรถยนต์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าทั่วโลกในแทบทุกครั้งที่เปิดตัว เหมือนเช่นรุ่นแรกเมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้

Yaris: รากฐานประวัติศาสตร์สู่การตีความใหม่ในตลาดโลก

Toyota พยายามบุกตลาดรถยนต์ Sub-Compact Hatchback ในยุโรปมานาน ตั้งแต่สมัยปรับปรุงตระกูล Publica สู่ Toyota Starlet ซึ่งแม้จะทำตลาดมาเรื่อยๆ แต่ Starlet ก็เริ่มดูน่าเบื่อสำหรับชาวยุโรปและชาวญี่ปุ่นเอง

Toyota จึงมอบหมายให้ Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่งแห่ง Toyota European Office of Creation (EPOC) หาแนวทางใหม่เพื่อเอาใจชาวยุโรปโดยเฉพาะ เดือนกันยายน 1997 Toyota เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun 3 รุ่น ได้แก่ FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เพื่อส่งสัญญาณว่ารถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนั้น จะมีเส้นสายถอดแบบมาจากรถต้นแบบเหล่านี้ และมาพร้อมโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)

ปี 1998 Toyota เผยโฉม Yaris ครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 ถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้คนยุโรปหันมามองแบรนด์ Toyota อีกครั้งอย่างจริงจัง

ชื่อ Yaris ถูกตั้งอย่างน่าสนใจ Toyota จ้างนักตั้งชื่อสินค้าชื่อดังมาดูรถในสตูดิโอออกแบบ 5 นาที แล้วกลับไปค้นหาชื่อที่เหมาะสม เขาเลือกใช้ชื่อ Yaris ด้วยเหตุผลว่า “Ya” ในภาษาเยอรมันแปลว่า “Yes” หรือ “ใช่” ในภาษาอังกฤษ และ “Charis” เป็นเทพีแห่งความหรูหราและความงามในเทพนิยายกรีกโบราณ

Yaris เปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะส่งไปตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยชื่อ ECHO ส่วนตัวถัง Sedan 2 และ 4 ประตู ขายในญี่ปุ่นชื่อ Platz ขณะที่ตลาดอื่นๆ ใช้ชื่อ ECHO เช่นกัน แต่เป็นเพียง 2 ตัวถังที่ขายไม่ค่อยดีนัก เพราะรุ่น Hatchback ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

Yaris รุ่นแรก ประสบความสำเร็จด้านยอดขายในยุโรปและญี่ปุ่นอย่างสูง แถมยังคว้ารางวัล European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งปกติจะเป็นรถยุโรปเท่านั้นที่ครองบัลลังก์ และมีเพียง Nissan March ปี 1991 เท่านั้น ที่เป็นรถญี่ปุ่นรายแรกที่ได้รางวัลนี้

รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2005 รหัสรุ่น NCP90-NCP91, NCP95 ถูกสร้างขึ้นภายใต้รหัสโครงการ 351L เวอร์ชันไทยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 ซึ่งถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย

แม้ยอดขายทั่วโลกจะยังดี แต่ในไทย ด้วยการตั้งราคาที่ค่อนข้างสูงเพราะอัดออปชันมาเต็ม ทำให้ยอดขายช่วงแรกไม่ดีนัก จนชมรมดีลเลอร์ Toyota ในกรุงเทพฯ ต้องประชุมเรียกร้องให้ Toyota Motor Thailand ออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย Yaris จึงขายได้ในระดับเรื่อยๆ

รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 22 ธันวาคม 2010 Toyota เลือกทำตลาด Yaris รุ่นนี้เฉพาะในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

ในตอนแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป หรือรุ่นที่ 3 นี้ จะเข้ามาประกอบขายในไทย แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คาดคิด ทั้งหมดเป็นผลมาจาก Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาลในช่วงสุดท้าย แม้จะเคยไม่เห็นด้วยในตอนแรก

ทางเลือกที่จำกัด สู่การตีความใหม่สำหรับตลาดโลก

จากข้อจำกัดมากมาย สุดท้าย Toyota ก็ลงตัวที่การพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยผลิตออกจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน ตามข้อกำหนดของโครงการ ECO Car ในไทย การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะผลิตในญี่ปุ่นและยุโรปมาพัฒนาจึงเป็นไปไม่ได้

การนำ Aygo รถยนต์ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่ม PSA Peugeot Citroen มาทำก็ดูจะเล็กไปสำหรับตลาดไทย ที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทางสังคมพอๆ กับคุณสมบัติของรถยนต์ อีกทั้งยังมีข้อตกลงกับ PSA ที่ไม่สามารถผลิตขายที่อื่นนอกเหนือจากโรงงานในสาธารณรัฐเช็กได้

ดังนั้น ทางเลือกเดียวที่เหลือคือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดศักยภาพสูงอย่างจีน ที่ต้องการรถยนต์ Hatchback ขนาดเล็กแต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรปอย่างชัดเจน โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ ECO Car

TakeShi Matsuda, Chief Engineer ผู้พัฒนาทั้ง Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า “ความตั้งใจของเขาตอนแรกคือทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็น Full Model Change สำหรับตลาดทั่วโลก ที่ไม่ใช่ในยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดไทยมีนโยบายให้ทำ Yaris รุ่นนี้เป็น ECO Car เขาจึงต้องหาทางออกให้กับข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาเป็น Yaris อย่างที่เห็นกันอยู่นี้”

Dear Qin: ต้นแบบสะท้อนวิสัยทัศน์สำหรับตลาดจีน

หนึ่งปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota ได้เริ่มเกริ่นให้ทั่วโลกรับรู้ถึงการมาถึงของ Hatchback รุ่นใหม่คันนี้ ด้วยการสร้างรถยนต์ต้นแบบ “Toyota Dear Qin Hatchback” สีเขียว ควบคู่กับ Toyota Dear Qin Sedan สีแดงเลือดหมู ในงาน Beijing Automotive Show ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2012

Dear Qin ทั้ง 2 คัน เผยให้เห็นแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตู รุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก ที่จะแตกต่างไปจากรถยนต์รุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง การเผยโฉม Dear Qin สีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ที่จะเปิดตัวในอีก 1 ปีข้างหน้า เป็นการสื่อสารให้โลกรู้ว่า รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนในฐานะตลาดเป้าหมายหลัก

Yaris-L: เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เซี่ยงไฮ้ สู่ตลาดไทยในฐานะ ECO Car

เมื่อเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์คันนี้อยู่ที่การเอาใจลูกค้าชาวจีน พวกเขาก็เลือกเปิดตัว Yaris รุ่นประหลาดนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2013 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2013

กว่าจะพร้อมจำหน่ายในตลาดจีน GAC-Toyota บริษัทร่วมทุนของ Toyota กับจีน ต้องรอถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2013 จึงเริ่มปล่อยข้อมูลตัวรถทั้งหมด และส่งรถยนต์ขึ้นโชว์รูมในชื่อ Yaris-L เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2013

ไทยถือเป็นประเทศลำดับที่ 2 ของโลกที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่นี้ งานเปิดตัวมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World

TakeShi Matsuda, Chief Engineer ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนา Vios และ Yaris สำหรับตลาดเอเชีย กล่าวว่า “ในตอนแรก เขาตั้งใจสร้างรถคันนี้ให้เป็น B-Segment Hatchback ในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันของ Yaris เพื่อตลาดเอเชีย โดย ‘ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก’ ทว่าเมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดว่าสำหรับตลาดเมืองไทย รถคันนี้ต้องเข้ามาทำตลาดในฐานะ ECO Car จึงเกิดข้อจำกัดต่างๆ มากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นอย่างดีที่สุด”

Matsuda-san จึงเลือกที่จะไม่ประนีประนอมกับประเด็นเรื่องเส้นสายของตัวรถ เขาให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายในที่นั่งสบายไม่เบียดเสียดกัน ขณะเดียวกันก็ต้องยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร รวมถึงการเกาะถนนให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

มิติที่เปลี่ยนไป: ความยาวที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง

Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน (ยาว 3,800 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,520 มม. ระยะฐานล้อ 2,460 มม.) จะพบว่า Yaris ใหม่ ยาวขึ้น 315 มม. กว้างขึ้น 5 มม. เตี้ยลง 45 มม. และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มม.

สิ่งที่เพิ่มขึ้นตามมาคือมิติภายในต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลังเพิ่มขึ้น 46 มม. พื้นที่วางเท้าผู้โดยสารด้านหลังยาวขึ้น 77 มม. แผงพนักพิงเบาะหลังกว้างขึ้น 10 มม. ระยะห่างจากจุดกึ่งกลางล้อหลัง – กันชนหลังยาวขึ้น 110 มม. ทำให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถยาวขึ้น 140 มม. มีปริมาตรความจุ 326 ลิตร

ดีไซน์ภายนอก: ความโดดเด่นที่อาจแบ่งแยก

เส้นสายภายนอกมาในสไตล์เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน พร้อมกระจังหน้าที่ดูคล้าย Mitsubishi RVR/ASX หรือ Lancer EX แต่เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินแบบ “หนวดปลาดุก” จนผมอยากตั้งฉายารถคันนี้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!”

กระจังหน้าในรุ่น G และ E เป็น “หนวดสีเงิน” ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็น “หนวดสีดำ” มือจับประตูด้านข้างรุ่น G เป็นโครเมียม ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็นสีเดียวกับตัวถัง

ชุดไฟหน้ารุ่น G เป็นโคมโปรเจคเตอร์ ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็น Multi Reflector ธรรมดา กระจกมองข้างรุ่น G, E, J เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J ECO เป็นสีดำ เฉพาะรุ่น G มีไฟเลี้ยวติดตั้งมาให้

รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ เช่น ครีบรีดอากาศที่เสาขอบประตู หรือมือจับประตูทั้ง 4 บาน กระจกหน้าต่างคู่หน้าก็ใช้ทดแทนกับ Vios ได้ กระจกบังลมหน้าในรุ่น G เป็น Acoustic Glass เสริมฟิล์มลดเสียงรบกวน

ส่วนบั้นท้ายนั้น ทีมออกแบบน่าจะต้องการสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายจากหน้าต่างประตูคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง จึงต้องมีแผงพลาสติกสีดำ Glossy มาแปะไว้ และทำชุดไฟท้ายให้มีกรอบทรงประหลาด โดยใช้กรอบท่อนล่างของ Vios ลากเส้นขึ้นไปยาวๆ ในแบบที่ไม่เหมือนใคร

ผมเข้าใจว่าอยากทำไฟท้ายให้ฉีกแนว ล้ำอวกาศเหมือนในรถต้นแบบ Dear Qin แต่พอออกมาจริงๆ นอกจากจะคล้ายคลึงกับไฟท้าย Peugeot 208 ใหม่แล้ว ยังไปทำลายความลงตัวของงานออกแบบฝาประตูคู่หลังและบานประตูคู่หลัง จนทำให้บั้นท้ายดูแปลกๆ น่าเสียดายยิ่ง “เหมือนมีใครเอาก้อนเลือดกำเดาไหลไปแปะอยู่กับไฟท้ายของ Vios ยังไงยังงั้น!”

ทุกรุ่นติดตั้งที่ปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลัง ทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชนด้านล่าง และสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลังมาให้แทบทุกรุ่น

แถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง ในรุ่น G เป็นโครเมียม รุ่น E เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J เป็นสีดำ

รุ่น G ให้ล้ออัลลอย 15 นิ้ว ยาง 185/60 R15 ขณะที่รุ่น E ได้ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ แต่รุ่น J ได้ล้อกระทะ 14 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ ยาง 175/65 R14 ส่วนรุ่น J Eco ไม่มีฝาครอบล้อ มีเพียงล้อกระทะเหล็กสีดำ ยางขนาดเดียวกับรุ่น J

ภายในห้องโดยสาร: ความคุ้นเคยกับ Vios และการปรับปรุงที่น่าสนใจ

ระบบกุญแจในรุ่น G เป็นรีโมท Keyless-Entry พร้อม Push Start ส่วนรุ่น E เป็นกุญแจรีโมทแบบไข แต่รุ่น J และ J Eco เป็นกุญแจแบบมาตรฐานที่ชวนให้นึกถึง Toyota Hilux Mighty-X รุ่นปี 1990

เนื่องจากเสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar, กรอบช่องประตูคู่หน้า และเสาหลังคาคู่กลาง B-Pillar ยกชุดมาจาก Vios การเข้า-ออกเบาะนั่งคู่หน้าจึงเหมือนกันเป๊ะ

การเข้า-ออกอาจต้องระมัดระวังเล็กน้อย เนื่องจากเสา A-Pillar ค่อนข้างลาดเอียง แนะนำสำหรับคนตัวสูงหรือศีรษะใหญ่ให้ปรับเบาะคนขับให้ต่ำที่สุดก่อน

แผงประตูด้านข้างออกแบบให้ตำแหน่งวางแขนเหมาะสม ตกแต่งด้วยวัสดุพลาสติกสีเงิน Metallic ประดับกับพลาสติกสีดำลายฝีเย็บหลอกๆ มือจับประตูด้านข้างออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือชั่วคราวได้ ช่องวางของด้านล่างใส่ขวดน้ำได้สบาย และยังพอมีพื้นที่เหลือให้เสียบสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ ได้

มือจับเปิดประตูด้านในรถของรุ่น G เป็นพลาสติกชุบโครเมียมทั้ง 4 จุด

เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบผ้าสีดำยกชุดมาจาก Vios ใหม่ เปลี่ยนแค่ลายผ้าตรงกลางจากสีน้ำเงินเป็นสีส้ม พร้อมตะเข็บเย็บสีส้มเพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต

โครงสร้างเบาะนั่งคู่หน้าปรับเลื่อนได้มากขึ้นจากเดิม 240 มม. เป็น 260 มม. เบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ 60 มม. ด้านหลังเบาะมีการเว้าเพิ่ม 38 มม. เพื่อเพิ่มระยะห่างจากเข่าผู้โดยสารด้านหลังถึงเบาะหน้า 48 มม.

พนักพิงศีรษะเบาะหน้าสบาย พนักพิงหลังเว้าลึก โอบกระชับสรีระดีขึ้น แก้ปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิมได้เกือบหมด แต่เบาะรองนั่งยังคงสั้นไปหน่อย ถ้าเพิ่มความยาวอีก 10 มม. น่าจะช่วยให้การรองรับต้นขาขณะขับขี่ทางไกลสบายขึ้น

อีกประเด็นที่น่าตำหนิคือ เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุดปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้เหมือนใน Vios ถือเป็นการลดต้นทุนอย่างน่าเกลียด ทั้งที่มีถุงลมนิรภัย 2 ใบ แต่ไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานนี้

นอกจากนี้ ยังไม่มีที่วางแขนสำหรับคนขับในทุกรุ่น

พื้นที่เหนือศีรษะไม่ต่างจาก Vios ใหม่ รู้สึกโปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อนชัดเจน

พื้นที่ผู้โดยสารด้านหลัง: ความกว้างขวางที่เหนือกว่า

การเข้า-ออกประตูคู่หลัง แม้ช่องทางจะกว้างขึ้นกว่า Yaris เดิม แต่ยังต้องก้มศีรษะลงเพิ่มพอสมควร คล้ายกับ Vios ใหม่

กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หลังเลื่อนเปิดลงมาได้สุด แผงประตูคู่หลังมีที่วางแขนพอใช้งานได้ แต่ไม่มีการบุหนังหรือวัสดุอ่อนนุ่ม และไม่มีช่องใส่ของด้านข้าง

จุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ คือเบาะหลังที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ โอ่โถงที่สุด พนักพิงรองรับแผ่นหลังและหัวไหล่ได้สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี พนักศีรษะ 2 ฝั่งใช้งานได้จริง เว้นแต่พนักศีรษะตรงกลางรูปตัว L คว่ำ ซึ่งถอดออกได้

เบาะรองนั่งออกแบบได้ดี แต่สั้นไปหน่อย

พื้นที่เหนือศีรษะ สำหรับคนสูง 171 ซม. จะเหลือพื้นที่สอดนิ้ว 3 นิ้วพอดี ผมนึกเสียดายที่ไม่ได้พื้นที่นี้ใน Vios ใหม่

พื้นที่วางขากว้างขวางสมใจ สามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย แม้จะปรับเบาะคนขับตามปกติ ยืนยันได้เลยว่า “พื้นที่นั่งโดยสารของ Yaris ใหม่ใหญ่โต โอ่โถง เป็นที่สุด ในบรรดา ECO Car ทุกคันที่ผลิตขายในประเทศไทย จนถึงปี 2559!”

เหนือประตูทั้ง 4 บาน มีมือจับยึดเหนี่ยวจิตใจมาให้ครบ!

เข็มขัดนิรภัยเบาะหลังเป็นแบบ ELR 3 จุดทุกที่นั่ง แต่สำหรับผู้โดยสารตรงกลางติดตั้งไว้กับเสาหลังคาด้านหลังสุด (C-Pillar) แล้วลากสายโยงเชื่อมจุดยึดมาที่กึ่งกลางเพดานหลังคา

Matsuda-san บอกว่า มีการถกเถียงประเด็นนี้มาก เพราะต้องการให้มีเข็มขัดนิรภัย 3 จุดสำหรับผู้โดยสารตรงกลางในราคาที่ลูกค้าจ่ายได้ และออกแบบไม่ให้บดบังทัศนวิสัยขณะถอยหลัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

สำหรับเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารซ้าย-ขวา มีสายล็อกป้องกันไม่ให้สายเข็มขัดเคลื่อนตำแหน่ง และมีร่องสำหรับเสียบเบาะนิรภัยเด็กมาตรฐาน ISOFIX

พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังรุ่น G และ E แบ่งพับแยกซ้าย-ขวา 60:40 แต่รุ่น J และ J Eco พับได้ทั้งแผงลงมาเป็นก้อนเดียว

ตำแหน่งก้านปลดล็อกพนักพิงเบาะติดตั้งอยู่ที่ฝานังด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง

พื้นที่เก็บสัมภาระ: ความจุที่น่าประทับใจ

ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลังใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อกับรีโมท Keyless Entry แต่บางกรณีอาจไม่ปลดล็อกหากเครื่องยนต์ยังติดอยู่ จำเป็นต้องดับเครื่องยนต์ก่อน

รอบกรอบช่องทางเข้าห้องเก็บของด้านหลังบุพลาสติกมาเรียบร้อย ต่างจาก ECO Car หลายรุ่นที่ปล่อยให้เห็นผิวเหล็ก

ฝาประตูค้ำยันด้วยช็อกอัพไฮโดรลิค 2 ต้น มีแผงบังสัมภาระ

ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังยาว 734 มม. เพิ่มขึ้น 140 มม. มีปริมาตรความจุ 326 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าเดินทางสะพายไหล่ 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุเยอะสุดในบรรดา ECO Car Hatchback ทุกคันในไทยตอนนี้

ผนังด้านข้างฝั่งซ้าย มีไฟส่องสว่าง พร้อมสวิตช์ควบคุม ยางอะไหล่ Dunlop SP10 ขนาด 175/65 R14 พร้อมเครื่องมือและแม่แรงจากโรงงาน

แผงหน้าปัดและคอนโซล: ความคุ้นเคยที่อาจทำให้สับสน

แผงหน้าปัดยกชุดมาจาก Vios ใหม่ ทั้งดุ้น แม้กระทั่งลายตะเข็บหลอกๆ แต่การตกแต่งวัสดุแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย

แถบโค้งต่อเนื่องจากช่องแอร์ด้านข้างเข้าหาแผงควบคุมกลางเป็นพลาสติกดำปกติ ไม่ได้ประดับด้วย Trim ดำเงา หรือสีเงินเหมือนใน Vios ใหม่

ทว่า ฐานคันเกียร์, แผงมือจับประตูทั้ง 4 บาน และกรอบช่องวางโทรศัพท์มือถือใน Yaris รุ่น G ประดับด้วย Trim สีเงิน

วัสดุบุเพดานหลังคาเป็นสีดำ แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดมาให้ทั้งสองฝั่ง แต่ไม่มีไฟแต่งหน้า

สวิตช์กระจกไฟฟ้า 4 บาน เป็นแบบ Auto One-Touch พร้อมสวิตช์ล็อกกระจกและ Central Lock บนแผงประตูฝั่งคนขับ สวิตช์กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า สวิตช์ Push Start ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ ช่องวางแก้วแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้

พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมสวิตช์ Multi Function ควบคุมเครื่องเสียง ยกมาจาก Vios มี Grip จับถนัดมือ แต่ระยะห่างจากขอบด้านบนของมาตรวัดน้อยมาก

หากพิจารณาถึงต้นทุนการผลิตที่ต่ำ คงไม่ต้องคาดหวังเรื่องการออกแบบพวงมาลัยให้สวยงามนัก

สวิตช์ไฟหน้า, ไฟเลี้ยว, ไฟสูง บนคอพวงมาลัยฝั่งขวา ไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้

ก้านสวิตช์ใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำด้านหน้ามีระบบหน่วงเวลาและตั้งเวลาปัดได้ เฉพาะรุ่น G และ E

ชุดมาตรวัด: ความสปอร์ตที่ยังขาดมิติ

ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม ตำแหน่งสัญญาณไฟเตือนต่างๆ เหมือนกัน การเรืองแสงสีขาวในเวลากลางคืน ตัวเลขอ่านง่าย แบ่งขีดความเร็วชัดเจน เหมือนยกมาจาก Vios รุ่น Top 1.5 S

กราฟิกบนพื้นหลังใช้โทนสีแดงเป็นหลัก เพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต

เฉพาะรุ่น G จอแสดงข้อมูลตรงกลางเป็นสีส้ม ตัวเลข Digital สีดำ บอกตำแหน่งเกียร์, Odometer, Trip Meter A/B, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย และระยะทางน้ำมันที่เหลือ

แต่ลายกราฟิกบนพื้นหลังมาตรวัดยังคงเป็นพื้นเรียบๆ แบนๆ ไร้มิติ น่าจะมีการออกแบบให้ดูมีมิติมากกว่านี้

ระบบเครื่องเสียงและปรับอากาศ: ฟังก์ชันที่คุ้นเคย

ชุดเครื่องเสียงเป็นวิทยุ AM/FM พร้อมช่องใส่ CD/MP3/WMA 1 แผ่น และมีช่องเสียบ USB และ AUX รุ่น G กับ E มีลำโพง 4 ชิ้น รุ่น J กับ J Eco มีลำโพง 2 ชิ้น คุณภาพเสียงไม่ต่างจาก Vios พอฟังได้

หน้าจอสีส้ม บอกภาษาได้ทั้งอังกฤษ, ไทย, ญี่ปุ่น, และจีน

สวิตช์เครื่องปรับอากาศรุ่น G เป็นแบบหน้าจอ Digital เหมือน Vios ให้ความเย็นสะใจ แต่การใช้งานอาจสับสน โดยเฉพาะสวิตช์ฝั่งซ้ายสุดที่รวมการเลือกความแรงพัดลม, ทิศทางลม และอุณหภูมิไว้ในสวิตช์หมุนชุดเดียวกัน

รุ่น E, J, J Eco ใช้สวิตช์แบบมือหมุน วงกลม 3 วง ใช้งานง่าย แต่ดีไซน์ไม่สวย

ช่องวางโทรศัพท์มือถือใต้แอร์ด้านหลังคันเกียร์ ยังคงมีอยู่ ซึ่งผมมองว่าเป็นการออกแบบที่พยายามเอาใจลูกค้า แต่ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง เพราะถ้าเจอถนนขรุขระ โอกาสที่โทรศัพท์จะหล่นมีอยู่

กล่องเก็บของ (Glove Compartment) ยกมาจาก Vios ดูภายนอกใหญ่ แต่ใส่ได้แค่คู่มือและเอกสารประกันภัย พื้นที่ถูกกั้นไว้ ทำให้เปลืองพื้นที่โดยไม่จำเป็น

เบรกมือ 1 จุด, ช่องวางแก้วน้ำสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 1 ตำแหน่ง, ช่องเสียบกล่อง CD ที่ใช้งานไม่ได้จริงเพราะใส่กล่อง CD 2 กล่องจะเบียดเสียดกันเกินไป และกล่อง CD อาจหล่นไปบนพื้นที่วางขาคนขับ

ทัศนวิสัย: ความคุ้นเคยกับ Vios และการปรับปรุงที่สัมผัสได้

ทัศนวิสัยด้านหน้าไม่แตกต่างจาก Vios เลย ทั้งการมองฝากระโปรงหน้า, กระจกมองข้างฝั่งขวา หรือซ้าย

แต่เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นเดิม ทัศนวิสัยด้านหน้าดีขึ้นกว่าเดิมอย่างสัมผัสได้

เสา A-Pillar ฝั่งขวา บดบังรถที่แล่นสวนมาบนทางโค้งน้อยลง กระจกมองข้างแม้ให้การมองเห็นรถด้านหลังได้ดี แต่กรอบพลาสติกด้านในแอบกินพื้นที่ขอบล่างฝั่งขวาของบานกระจกเล็กน้อย

เสา A-Pillar ฝั่งซ้าย ยังแอบบดบังรถขณะเลี้ยวกลับในบางรูปแบบของจุดกลับรถ แต่โดยรวมโปร่งขึ้นกว่า Yaris เดิม

สำหรับทัศนวิสัยด้านหลัง เมื่อเสาหลังคาคู่หลังมีขนาดใหญ่พอๆ กับ Nissan Tiida Hatchback 5 ประตู อาจมีการบดบังรถจักรยานยนต์ที่ตามมาจากด้านหลังฝั่งซ้ายของรถได้บ้าง หากคิดจะเปลี่ยนช่องทาง ควรเพิ่มความระมัดระวัง

วิศวกรรมและสมรรถนะ: ECO Car ที่เหนือความคาดหมาย

การที่ Toyota ให้ Yaris ใหม่ลงมาฟัดกับกลุ่ม ECO Car 1,200 ซีซี ทำให้ต้องลดขนาดเครื่องยนต์ จากเดิม 1NZ-FE บล็อก 1.5 ลิตร มาเป็น 3NR-FE บล็อก 1.2 ลิตร DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร (11.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที

เครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ECO Car ใช้น้ำมันเครื่อง 0W20

เครื่องยนต์ส่งกำลังสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i เท่านั้น ไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา Toyota อ้างว่าความต้องการเกียร์ธรรมดาในตลาด ECO Car ไทยน้อยกว่า 5%

อัตราทดเกียร์เดินหน้า 2.386 – 0.426 : 1 อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 2.505 – 1.736 : 1 อัตราทดเฟืองท้ายสูงถึง 5.833 : 1

น้ำมันเกียร์ต้องใช้ Toyota Genuine CVT Fluid FE เท่านั้น

Toyota ระบุว่า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน UNECE Reg.101 Rev.1 ได้ 5.0 ลิตร/100 กม. ปล่อยก๊าซ CO2 เฉลี่ย 118 กรัม/กม.

อัตราเร่งที่น่าทึ่ง: Yaris 1.2 ลิตร วิ่งเท่า Vios 1.5 ลิตร!

ตัวเลขสมรรถนะที่ได้จากการทดสอบ:
0 – 100 กม./ชม.: 12.4 วินาที
80 – 120 กม./ชม.: 8.7 วินาที

“เป็นไงครับ…เหวอไหม?” ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. ออกมาพอกันกับ Toyota Vios พี่น้องร่วมตระกูล Platform ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ!

“Yaris 1.2 ลิตร CVT คือรถยนต์นั่งขนาดเล็ก พิกัด ECO Car ประกอบในประเทศไทย ที่ทำตัวเลขอัตราเร่งได้เร็ว และแรงมากที่สุดในตลาดบ้านเราตอนนี้!!! ทาบรัศมี Vios ญาติผู้พี่ รุ่น 4AT กันชัดๆ!”

สาเหตุที่ตัวเลข Yaris ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ น่าจะมาจาก:
อุณหภูมิ: คืนที่ทดสอบอากาศเย็น (22-23°C) ทำให้อากาศหนาแน่นขึ้น ส่งผลดีต่อการเผาไหม้
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota ทดเฟืองท้ายสูงถึง 5.833:1 ทำให้รถออกตัวจัดจ้าน
น้ำมันเชื้อเพลิง: (สันนิษฐาน) อาจใช้น้ำมันคุณภาพดี

ความเร็วสูงสุดทำได้ประมาณ 170 กม./ชม. (ต้องใช้แรงส่งจากเนินช่วย)

การขับขี่: สมดุลระหว่างความประหยัดและความแรง

ในการขับขี่ใช้งานจริง อัตราเร่งเพียงพอและแรงเกินความคาดหมาย การไต่ความเร็วให้แรงดึงและความว่องไวพอๆ กับ Vios 1.5 ลิตร

การเหยียบคันเร่งให้จมมิดจะช่วยให้รถพุ่งออกไปอย่างว่องไว หรือใช้เกียร์ S เพื่อการเร่งแซงที่ทันใจ

ตำแหน่งเกียร์ B มีไว้สำหรับขึ้น-ลงเขา

การแตะคันเร่งเบาๆ รถจะออกตัวอย่างนุ่มนวล

การเร่งแซง ควรเหยียบคันเร่งให้เกิน 60-70% ของระยะเหยียบ หรือเหยียบคันเร่งจนจมมิดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบกันสะเทือน: การปรับปรุงที่สัมผัสได้

ช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ยกชุดจาก Vios แต่มีการปรับปรุงเน้นความนุ่มนวลและการทรงตัว

ช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างแข็งกระด้างกว่าที่คิด แต่ไม่หนี Suzuki Swift มากนัก การซับแรงสะเทือนทำได้ไม่ถึงกับดีนัก แต่ Rebound ของโช้คอัพและสปริงยังรู้สึกถึงความนุ่ม

ช่วงความเร็วเดินทาง (40-140 กม./ชม.) การทรงตัวทำได้ดี วิ่งตรงไปข้างหน้าได้สบาย ลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล นุ่มกำลังดี ไม่แข็งเกินไป

หลัง 140 กม./ชม. หน้ารถมีอาการดิ้นบ้างตามปกติ แต่ไม่มากนัก การเซ็ตพวงมาลัยช่วยให้ควบคุมรถได้ดี และหวาดเสียวน้อยกว่าที่คิด มีเสถียรภาพการทรงตัวย่านความเร็วสูงดีกว่า March และ Mirage

การเข้าโค้งทำได้ดีเกินคาด สามารถเข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้อย่างนิ่งและสบาย น่าประหลาดใจที่ Yaris ถูกยกระดับช่วงล่างขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้

ระบบเบรก: การตอบสนองที่คุ้นเคย

ระบบเบรกหน้าดิสก์-หลังดรัม ทุกรุ่นติดตั้ง ABS, EBD, และ BA

การตอบสนองของเบรกสไตล์ Toyota คือ “เบรกจิกๆ” ที่ช่วยหน่วงความเร็วได้ดีตั้งแต่ช่วงต้น

โครงสร้างตัวถังและอุปกรณ์ความปลอดภัย: ความพยายามในการสร้างมาตรฐาน

โครงสร้างตัวถังใช้เทคโนโลยี GOA และชิ้นส่วนบางส่วนใช้ร่วมกับ Vios ใหม่

เหล็ก High Strength Steel ถูกนำมาใช้กว่า 50% ในการขึ้นรูปโครงสร้าง

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS มีให้ตั้งแต่รุ่น J ECO, พนักศีรษะ WIL, เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ แต่ยังปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ประสิทธิภาพที่น่าพอใจ

จากการทดลองวิ่งจริง Yaris 1.2 L CVT ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.64 กม./ลิตร (เติมน้ำมัน 5.54 ลิตร วิ่งได้ 92.2 กม.)

ตัวเลขนี้ถือว่าทำได้ดี เป็นไปตามที่คาดการณ์สำหรับรถยนต์เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี ECO Car ที่มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง

บทสรุป: Yaris ใหม่ – การตีความใหม่ของ ECO Car ที่เหนือความคาดหมาย

Toyota Yaris ใหม่ เป็นผลงานที่ออกมาภายใต้ข้อจำกัดมากมาย แต่กลับทำอัตราเร่งได้ดีเกินคาด จน Vios 1.5 ลิตร เองก็ยังต้องอ้าปากหวอ!

จุดเด่น: สมรรถนะภาพรวมเหนือความคาดหมาย, พื้นที่ห้องโดยสารโอ่โถง, การเกาะถนนเทียบเท่า Suzuki Swift และดีกว่าในบางด้าน, เบรกจิกดี, ประหยัดน้ำมันใช้ได้

ข้อที่ควรปรับปรุง: พวงมาลัยยังไร้ชีวิตชีวา, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าควรปรับระดับสูง-ต่ำได้, ดีไซน์ด้านหน้าและไฟท้ายอาจแบ่งแยกความคิดเห็น, การตกแต่งภายในบางส่วนควรปรับปรุง

ทางเลือกที่น่าสนใจ: Yaris vs Swift vs Vios

หากคุณกำลังชั่งใจเลือกระหว่าง Yaris กับคู่แข่งในพิกัด ECO Car:
Nissan March: ถูกมองข้ามเพราะขนาดเล็ก, สมรรถนะอืด, พวงมาลัยไร้ชีวิตชีวา
Mitsubishi Mirage: ประหยัดน้ำมันและแรงที่สุดในกลุ่ม ECO Car แต่ตัวถังเล็ก, พวงมาลัยไม่เป็นธรรมชาติ, ช่วงล่างย้วย
Honda Brio: เป็นที่นิยมในกลุ่มนักซิ่งที่ต้องการเกียร์ธรรมดา
Suzuki Swift: ยังคงเป็นเทพด้าน Handling ของกลุ่ม ECO Car แต่ Yaris ก็เข้ามาใกล้เคียงและดีกว่าในด้านความนุ่มนวลเบาะหลัง

Yaris กับ Vios: พี่น้องที่ใกล้เคียงกันจนน่าสงสัย

ราคาขายปลีกของ Yaris ใหม่ (469,000 – 599,000 บาท) และ Vios ใหม่ (559,000 – 734,000 บาท) ทำให้ Yaris บางรุ่นย่อยมีราคาทับซ้อนกับ Vios รุ่นเริ่มต้น

หากคุณไม่แคร์อัตราเร่งที่แรงกว่าเล็กน้อย และไม่ติดเรื่องบุคลิกของรถท้ายตัด Yaris อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า Vios รุ่น 1.5J A/T เพราะจ่ายน้อยกว่าแต่ได้อุปกรณ์ที่มากกว่า

คำเชิญชวนสู่การตัดสินใจ

Yaris ใหม่ คือรถยนต์ ECO Car ที่สร้างมาตรฐานใหม่ในหลายๆ ด้าน ด้วยสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย, พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง, และช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี ถึงแม้จะมีจุดที่ควรปรับปรุงอยู่บ้าง แต่ก็เป็นรถยนต์ที่น่าจับตามองและควรพิจารณาอย่างจริงจัง

หากคุณกำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว มีความประหยัดน้ำมันที่ดี พร้อมด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางเหลือเฟือ อย่าพลาดที่จะไปทดลองขับ Toyota Yaris ใหม่ด้วยตัวคุณเอง สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่อาจเปลี่ยนมุมมองของคุณที่มีต่อรถยนต์ ECO Car ไปตลอดกาล!

Previous Post

N3112024 ไม อยากให เพ อนร าแม บซาเล งมาส เลยแกล งไปคบก บคนรวย part2

Next Post

N3112020 กเห นเม ภาระก จเป ดปมความช วเม ยน อยของพ จะจบย งไง part2

Next Post
N3112020 กเห นเม ภาระก จเป ดปมความช วเม ยน อยของพ จะจบย งไง part2

N3112020 กเห นเม ภาระก จเป ดปมความช วเม ยน อยของพ จะจบย งไง part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N3112017 เด กขโมยกระเป าจากผ หญ งคนน ในกระเป าน นม อะไร ทำไมตำรวจก อยากได part2
  • N3112011 เต อนภ อย าต ดม อถ อจนเป นหายนะแก คนอ part2
  • N3112019 ปหน าจอม อถ อล กค าทำไมม หน าพ อก บผ หญ แม กตามไปส บถ งก บช อค #พ คตอนจบอย างฮา part2
  • N3112008 กล บบ านนอกมาเจอเพ อนสม ยเร ยนท เคยชอบก จะเป นย งไง part2
  • N3112007 เต อนภ เต มน ำม นต องเช คให ไม นจะเจอแบบน part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.