• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3112054 อยากท จะผอม แต เธอไปลองผ ดว part2

admin79 by admin79
December 29, 2025
in Uncategorized
0
N3112054 อยากท จะผอม แต เธอไปลองผ ดว part2

Mini John Cooper Works: สปอร์ตตัวจี๊ดจากตระกูล Mini ที่ให้มากกว่าความแรง

ในโลกของยนตรกรรมที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกขณะ การจะโดดเด่นไม่ใช่แค่การมีสมรรถนะที่เหนือชั้นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องผสานความแตกต่าง ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และประสบการณ์การขับขี่ที่ตราตรึงเข้าไปด้วย Mini John Cooper Works (JCW) คือตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวคิดนี้ รถยนต์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากตำนานแห่งมอเตอร์สปอร์ต ด้วยการพัฒนาของ John Cooper Works สำนักแต่งระดับตำนานที่ผูกพันกับ Mini มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ BMW อย่างเป็นทางการ

ในฐานะรถยนต์ที่แรงที่สุดในตระกูล Mini, JCW ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับแต่งจากรุ่น Hatch 3 Door Cooper S เท่านั้น แต่เป็นการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงพละกำลังและความดุดัน การปรับแต่งที่เน้นประสิทธิภาพ ไปจนถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ถูกเค้นออกมาจนถึงขีดสุด

ดีไซน์ภายนอก: ความสปอร์ตที่ลงตัวทุกมุมมอง

เมื่อมอง Mini John Cooper Works ครั้งแรก สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือบุคลิกที่ปราดเปรียวและดุดันกว่ารุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่มุมกันชนด้านหน้า ไม่เพียงแต่เสริมหล่อ แต่ยังทำหน้าที่สำคัญในการระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์และระบบเบรกที่ทำงานหนักขึ้น ล้ออัลลอยลายดอกไม้สีทูโทนขนาด 18 นิ้ว ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ JCW สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นสปอร์ตได้อย่างลงตัว

ด้านท้ายของ JCW ก็ไม่น้อยหน้า ชุดกันชนได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความดุดัน สอดคล้องกับด้านหน้า พร้อมช่องระบายอากาศที่ดูราวกับจะพ่นไฟออกมา และแน่นอนว่า ท่อไอเสียคู่ที่ติดตั้งอยู่ตรงกลาง คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงขุมพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน

สีสันของ JCW นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลังคาและกระจกมองข้างสี Chili Red ตัดกับสีตัวถังอันโดดเด่นอย่าง Rebel Green สร้างความแตกต่างที่สะดุดตา ในขณะที่แถบสีตกแต่งบริเวณสเกิร์ตข้างรถลาย JCW ที่ใช้สีดำตัดกับสีแดง ยิ่งเสริมให้ภาพรวมของรถดูสปอร์ตและดุดันมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Mini Head-Up Display ที่ไม่ใช่เพียงแค่หน้าจอแสดงข้อมูล แต่มาพร้อมคอนเทนต์พิเศษที่ออกแบบมาสำหรับ JCW โดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและประสบการณ์ของผู้ขับขี่

สมรรถนะเครื่องยนต์: พลังที่เหนือกว่าทุกการคาดหมาย

หัวใจของ Mini John Cooper Works คือเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ที่ติดตั้งแบบ transverse ให้กำลังสูงสุดถึง 231 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ JCW กลายเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่ Mini เคยนำเสนอในตลาด ซึ่งแรงกว่า MINI Hatch 3 Door Cooper S ถึง 39 แรงม้า และแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอีก 40 นิวตันเมตร

ตัวเลขเหล่านี้แปลเป็นสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ อัตราเร่งที่จัดจ้าน ตอบสนองต่อการกดคันเร่งได้อย่างฉับไว ทำให้การขับขี่ในทุกสภาวะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงบนทางหลวง หรือการไต่โค้งบนเส้นทางคดเคี้ยว

ถึงแม้จะให้สมรรถนะที่สูง แต่ JCW ก็ยังคงไว้ซึ่งความใส่ใจในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองที่ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ที่ 148 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับรถยนต์ที่มีพละกำลังขนาดนี้

ช่วงล่างและระบบควบคุม: การทำงานที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว

สมรรถนะที่เหนือชั้นของเครื่องยนต์ JCW จะไร้ความหมายหากปราศจากระบบช่วงล่างและระบบควบคุมที่ทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว Mini John Cooper Works ได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นพิเศษ เพื่อรองรับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับระบบเบรกสปอร์ตจาก Brembo ที่มอบประสิทธิภาพการหยุดรถที่มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์

ระบบพวงมาลัย Power Steering Servotronic ที่ผสานการทำงานของระบบไฟฟ้าและกลไกเข้าด้วยกัน มอบการตอบสนองที่แม่นยำ น้ำหนักที่พอเหมาะ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในทุกการเข้าโค้ง

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือเทคโนโลยี Dynamic Stability Control (DSC) ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน พร้อมคุณสมบัติย่อยที่ช่วยเพิ่มขีดจำกัดการขับขี่ ได้แก่ Dynamic Traction Control (DTC) ที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนในสภาวะที่ลื่น, Electronic Differential Lock Control (EDLC) ที่ช่วยกระจายแรงบิดไปยังล้อที่มีแรงยึดเกาะมากกว่า เพื่อป้องกันการล้อหมุนฟรี และ Dynamic Damper Control (DDC) ที่สามารถปรับระดับความหนืดของโช้คอัพได้ตามสภาพถนนและโหมดการขับขี่ที่เลือก ซึ่งทั้งหมดนี้รวมกันทำให้ Mini John Cooper Works มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าใคร

น้ำหนักตัวถังและการออกแบบ: ความคล่องตัวคือหัวใจ

เมื่อเทียบน้ำหนักตัวถังของ JCW ที่ 1,205 กิโลกรัม กับ MINI Hatch 3 Door Cooper S ที่ 1,250 กิโลกรัม จะเห็นได้ว่า JCW มีน้ำหนักที่เบากว่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความคล่องตัวและการตอบสนองในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น การผสมผสานระหว่างพละกำลังที่สูง น้ำหนักที่เบา และระบบช่วงล่างที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ JCW เป็นรถที่ขับสนุก คล่องตัว และมอบอารมณ์สปอร์ตได้อย่างเต็มเปี่ยม

สำหรับตลาดในประเทศไทย Mini John Cooper Works ในปี 2015 นั้น นำเข้ามาเฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในการขับขี่ และสะท้อนถึงกลุ่มเป้าหมายที่มองหาสมรรถนะที่มาพร้อมกับความง่ายในการใช้งาน

ราคาและการเปรียบเทียบ: คุณค่าที่มาพร้อมกับความพิเศษ

ราคาเปิดตัวของ Mini John Cooper Works ในปี 2015 ที่ 3.45 ล้านบาท อาจดูสูงสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก แต่เมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะ เทคโนโลยี และความเป็นสปอร์ตที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับ MINI Hatch 3 Door Cooper S ที่มีราคา 2.84 ล้านบาท ส่วนต่าง 610,000 บาทนั้น ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าสำหรับสาวก Mini ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและแตกต่างอย่างแท้จริง

Toyota Innova 2016: สู่ยุคใหม่แห่ง MPV สุดหรูและอัจฉริยะ

Toyota Innova รุ่นปี 2016 ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ของความเป็นรถยนต์ MPV ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการปรับโฉมและยกระดับทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ให้มีความพรีเมียม ทันสมัย และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ Innova ใหม่ ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการ IMV (Innovative International MultiPurpose Vehicle) Platform ที่ใช้ร่วมกับ Toyota Hilux Revo และ Toyota Fortuner ทำให้มั่นใจได้ในความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือ

ดีไซน์ภายนอก: ความสง่างามที่สะท้อนความแข็งแกร่ง

การออกแบบภายนอกของ Toyota Innova 2016 ได้รับอิทธิพลจาก Toyota Highlander อย่างเห็นได้ชัด กระจังหน้าขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู ไฟหน้า Projector LED (ในรุ่น Q Grade) ทรงแคบยาว โฉบเฉี่ยวรับกับเส้นสายของตัวรถ ไฟตัดหมอกที่มุมกันชน พร้อมไฟเลี้ยวในตัว สร้างมิติที่น่าสนใจ

โปรไฟล์ด้านข้างของ Innova ใหม่ ดูแข็งแกร่งด้วยเส้นสายที่เหลี่ยมคมกว่ารุ่นก่อน เส้นหลังคาที่ลาดเอียงไปทางด้านท้าย และกระจกบานสุดท้ายที่ยกขอบเฉียงขึ้นรับกับแนวหลังคา เพิ่มความรู้สึกสปอร์ตและไดนามิก

ด้านท้ายของรถ โดดเด่นด้วยไฟท้ายทรง L คว่ำ ที่แบ่งเป็นสองส่วนแนวตั้งติดกับขอบตัวถัง และส่วนแนวนอนติดกับประตูท้าย แม้จะยังคงใช้หลอดไฟแบบธรรมดา แต่การจัดวางที่ลงตัว ก็ช่วยเสริมให้ท้ายรถดูบึกบึนและทันสมัย

ภายในห้องโดยสาร: ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย

สิ่งที่สร้างความประหลาดใจอย่างแท้จริงคือการตกแต่งภายในห้องโดยสารของ Toyota Innova 2016 ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดูดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แผงหน้าปัดที่เน้นเส้นโค้ง ประดับด้วยลายไม้ (ในรุ่น Q Grade) สร้างความหรูหรา ผสานกับคอนโซลกลางแนวตั้งตรง ที่ติดตั้งจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Wi-Fi สามารถสั่งงานด้วยเสียง และ Air Gesture (ในรุ่น Q และ V Grade)

ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมระบบอัตโนมัติ (ในรุ่น Q และ V Grade) ควบคุมด้วยสวิตช์ที่ออกแบบมาอย่างลงตัว มาตรวัดติดตั้งจอ TFT แสดงข้อมูลการขับขี่ตรงกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ครบครัน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสุนทรียภาพในการขับขี่

การจัดวางเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ยังคงเป็นจุดเด่นของ Innova โดยเบาะแถวที่สองที่แยกอิสระ สามารถปรับเลื่อนและเอนได้ พร้อมฟังก์ชันพับเบาะแบบ One Touch เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกเบาะแถวที่สาม ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ 2 ที่นั่ง พร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ แถบไฟ Ambient Light บริเวณเพดานเหนือผู้ขับขี่และแนวหลังคา ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหราภายในห้องโดยสาร

ขุมพลังที่หลากหลาย: ประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Toyota Innova 2016 สำหรับตลาดอินโดนีเซีย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ

เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (16 วาล์ว DOHC): พร้อมเทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 149 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,200-2,600 รอบ/นาที
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร (Dual VVT-i 16 วาล์ว DOHC): ให้กำลังสูงสุด 139 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 183 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

เครื่องยนต์ทั้งสองแบบ จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เพื่อมอบทางเลือกที่หลากหลายตามความต้องการของผู้ขับขี่

ความปลอดภัยเหนือชั้น: มั่นใจในทุกเส้นทาง

Toyota Innova 2016 ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าผู้ขับขี่, จุดยึดเบาะนั่ง ISOFIX, ระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ในทุกรุ่นย่อย

รุ่น Q Grade ยังเพิ่มเติมด้วยม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมนิรภัยด้านข้าง ในขณะที่ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Assist Control จะมีเฉพาะในรุ่น Q Grade เครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น

Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC: พลักอินไฮบริด SUV สู่ยุคใหม่แห่งความยั่งยืนและสมรรถนะ

Mercedes-Benz ประเทศไทย ได้ย้ำย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเปิดตัว Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC ปี 2016 รถยนต์ SUV ที่ผสานความแข็งแกร่ง สง่างาม และสมรรถนะอันทรงพลัง เข้ากับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ไร้ขีดจำกัด และก้าวสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

การตลาดที่สะท้อนอนาคต: DEFINE TOMORROW

แคมเปญการตลาด DEFINE TOMORROW ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ของ Mercedes-Benz โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม electric Driving ที่ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก คือ นวัตกรรมอันล้ำสมัย (Innovations), สมรรถนะอันทรงพลัง (High Performance) และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Electric Drive)

นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร Mercedes-Benz ประเทศไทย กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเป็นก้าวสำคัญสู่โลกของการขับขี่ที่ไร้การปล่อยไอเสีย (Zero Emission) ในอนาคต ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ก็สามารถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยเทคโนโลยีระบบส่งกำลังที่ก้าวล้ำ

ดีไซน์ภายนอก: ความสง่างามที่แฝงด้วยความสปอร์ต

GLE 500 e 4MATIC โดดเด่นด้วยลายเส้นที่สวยคม กระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายหลังคาที่ลาดเอียงไปทางด้านท้าย สะท้อนความหรูหรา ล้ำสมัย การตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม และตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ตรงกลาง กันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยโครเมียม ขอบหน้าต่างโครเมียม และปลายท่อไอเสียโครเมียม 2 ท่อ ยิ่งเสริมความพรีเมียม

ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System, ไฟ Daytime Running Light, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง, ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED สร้างความโดดเด่นและความปลอดภัย

บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น เพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถ

รุ่น GLE 500 e 4MATIC Exclusive มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สี Himalayas Grey ในขณะที่รุ่น GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic เพิ่มความสปอร์ตด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว สี Titanium Grey, ชุดแต่ง AMG bodystyling, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อนพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิเปอร์ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ภายในห้องโดยสาร: ความหรูหราที่ผสานความสปอร์ตอย่างลงตัว

ภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหรา สง่างาม แต่แฝงด้วยกลิ่นอายความสปอร์ต ด้านบนคอนโซลหน้าและแผงหุ้มประตูหุ้มด้วยหนัง Artico พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบผ่อนแรงและปรับน้ำหนักตามความเร็ว ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth

รุ่น GLE 500 e 4MATIC Exclusive ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง และระบบมัลติมีเดีย MB Audio 20

รุ่น GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic อัพเกรดด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa, ระบบ COMAND Online, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® และฟังก์ชันเชื่อมต่อ Apple CarPlay™

เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ เบาะหลังพับได้ 1:3/2:3 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บของ และไฟเรืองแสง Ambient Light 3 สี สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร

โหมดการขับขี่ Plug-In HYBRID: ประสิทธิภาพที่เลือกได้

GLE 500 e 4MATIC สามารถเลือกโหมดการทำงานของระบบ Plug-In HYBRID ได้ถึง 4 แบบ:

HYBRID: ระบบจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเน้นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าให้มากที่สุด หากแบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% ระบบจะใช้เครื่องยนต์ หากเข้าสู่โหมด Sport (S) รถจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เท่านั้น
E-MODE: ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ถึงความเร็ว 130 กม./ชม. เป็นระยะทางสูงสุด 30 กม. (ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่และความเร็ว) เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง
E-SAVE: ระบบจะรักษาระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ high-volt ที่มีอยู่ ณ ขณะนั้นไว้ โดยใช้เครื่องยนต์เป็นหลักและมอเตอร์ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด เหมาะสำหรับการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเพื่อใช้ E-MODE ในช่วงที่ต้องการ
CHARGE: รถยนต์จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยแบตเตอรี่ high-volt จะถูกรักษาระดับการชาร์จไว้ในระดับปานกลาง และมีการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแปลงพลังงานจลน์จากการชะลอความเร็วหรือการเบรกให้เป็นพลังงานไฟฟ้า

ระบบ Dynamic Select และ Mercedes-Benz Intelligent Drive: ความอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัย

ระบบ Dynamic Select มีโหมดการขับขี่ 5 แบบ ได้แก่ Individual, Comfort, Slippery, Sport และ Sport+ เพื่อตอบสนองทุกสภาวะการขับขี่

ระบบ Mercedes-Benz Intelligent Drive ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ประกอบด้วย:

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมฟังก์ชัน Electronic Traction System 4ETS
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
ระบบกันสะเทือน AIRMATIC
ระบบรักษาสมดุลเมื่อมีลมปะทะด้านข้าง (Crosswind assist)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-start Assist
ไฟเบรกกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้า (ATTENTION ASSIST)
ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)

ขุมพลังและระบบส่งกำลัง: สมรรถนะที่ผสานพลังไฟฟ้าและน้ำมัน

GLE 500 e 4MATIC ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ ความจุ 2,996 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม.

ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ขนาด 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ติดตั้งไว้ใต้เพลาขับด้านหลัง พร้อมระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทก เพื่อความปลอดภัยสูงสุด สามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ภายในประมาณ 4 ชั่วโมง (ไฟบ้าน) ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม.

ราคาจำหน่าย:

GLE 500 e 4MATIC Exclusive: 4,490,000 บาท
GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic: 4,990,000 บาท

Mercedes-Benz E-Class 2016: นิยามใหม่แห่งซีดานอัจฉริยะ

Mercedes-Benz ประเทศไทย เปิดตัว The new E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 ในงาน Motor Show 2016 ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของแบรนด์ในปีนั้น E-Class รุ่นใหม่นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมซีดานอัจฉริยะในกลุ่ม Contemporary Luxury ด้วยการผสานดีไซน์ที่โดดเด่น สมรรถนะที่ทรงพลัง และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

กลยุทธ์ THE BEST: มุ่งมั่นนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด

นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร Mercedes-Benz ประเทศไทย กล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินงานภายใต้แนวคิด THE BEST เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นในการนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้า การนำเสนอยนตรกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยีครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม คือ Compact Car, Contemporary Luxury และ Dream Car แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและความครอบคลุมของผลิตภัณฑ์

The new E-Class: มาตรฐานใหม่ของซีดานระดับผู้บริหาร

The new E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับการออกแบบตามหลัก Sensual Purity ของ Mercedes-Benz ผสานเส้นสายที่ดูทรงพลัง และทุกองค์ประกอบที่สอดรับกันอย่างสมบูรณ์แบบ เทคโนโลยียานยนต์ใหม่ล่าสุดที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น ควบคู่ไปกับการพัฒนารถยนต์ให้มีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำลง และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน เพื่อมอบความสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่

รุ่นย่อยที่ตอบสนองความต้องการ:

ในประเทศไทย The new E-Class มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย:

Mercedes-Benz E 220 d Exclusive: เน้นความหรูหราสง่างาม
Mercedes-Benz E 220 d AMG Dynamic: เสริมบุคลิกสปอร์ตและสมรรถนะที่เร้าใจ

ดีไซน์ภายนอก: ความสง่างามที่ผสมผสานความสปอร์ต

The new E-Class มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวยาวจรดด้านหลัง สร้างความรู้สึกโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว

ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อเน้นย้ำเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูน โคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว แบ่งออกเป็นสองส่วนภายในโคม สะท้อนความทันสมัยและประณีต

ดีไซน์ภายใน: ความหรูหราที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย

ภายในห้องโดยสารของ The new E-Class เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญ โดยเฉพาะในรุ่น Mercedes-Benz E 220 d AMG Dynamic ที่มาพร้อมชุดหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ การตกแต่งภายในด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี เพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสาร

ขุมพลังและระบบส่งกำลัง: ประสิทธิภาพที่มาพร้อมความประหยัด

The new E-Class ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ใหม่ ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว ลดแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ

โครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลง ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 102 กรัม/กิโลเมตร (อิงจากการทดสอบตามมาตรฐานสหภาพยุโรป)

Mitsubishi Outlander 2016: การพลิกโฉมสู่ความสปอร์ตและทันสมัย

แม้จะไม่ได้เปิดตัวในไทย แต่ Mitsubishi Outlander 2016 ที่เปิดตัวในงาน New York Auto Show 2015 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าจับตาในตลาดโลก ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยขึ้นภายใต้แนวคิด “Dynamic Shield” ที่สะท้อนความแข็งแกร่งและปลอดภัย

ดีไซน์ภายนอก: Dynamic Shield ที่สะดุดตา

ทีมออกแบบของ Mitsubishi ได้สวมหน้าตาใหม่ให้กับ Outlander ด้วยแนวคิด Dynamic Shield ที่โดดเด่น กระจังหน้าขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้น ไฟหน้าดูปราดเปรียวรับกับเส้นสายของตัวรถ

ด้านท้ายมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ด้วยการปรับกันชนท้ายใหม่ให้ลงตัวมากขึ้น และยังมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่เสริมความหรูหราภูมิฐาน

ภายในห้องโดยสาร: ความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น

ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและคุณภาพในการใช้งาน พวงมาลัยแบบใหม่ที่จับถนัดมือ การปรับปรุงแนวทางการตกแต่ง และการใช้วัสดุคุณภาพสูงขึ้น เพิ่มความสบายในการโดยสาร

ระบบความบันเทิงใหม่ และการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนกระจกบังลมหน้าใหม่ และการอัพเกรดวัสดุซับเสียง ช่วยให้สุนทรียภาพในการเดินทางดียิ่งขึ้น

ขุมพลังที่หลากหลาย: ตอบสนองทุกความต้องการ

Mitsubishi Outlander 2016 มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 รุ่น:

เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 4 สูบ: ให้กำลัง 166 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 219 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT เพื่อประสิทธิภาพและความประหยัด
เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร: ให้กำลัง 224 แรงม้า แรงบิด 291 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น

ระบบช่วยเหลือการขับขี่: ความปลอดภัยที่เหนือกว่า

Outlander 2016 ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่มากมาย เช่น Forward Collision Mitigation (FCM), Lane Departure Warning (LDW) และ Adaptive Cruise Control (ACC) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทาง

Bentley Bentayga 2016: SUV หรูเร็วที่สุดในโลก คันแรกส่งมอบให้ราชินี

Bentley Bentayga 2016 ถือเป็นก้าวสำคัญของ Bentley ในการก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ SUV ระดับ Ultra Luxury โดย Bentayga คันแรกที่ผลิตเสร็จสมบูรณ์ ได้รับเกียรติส่งมอบให้กับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับรถยนต์ SUV คันแรกของ Bentley

การตอบรับที่เหนือความคาดหมาย

แม้ว่ารถต้นแบบ Bentley EXP 9 F จะได้รับกระแสตอบรับที่หลากหลายในด้านดีไซน์ แต่ Bentley ก็ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการรถ SUV ระดับ Ultra Luxury ต่อไป และผลลัพธ์ที่ได้คือ Bentley Bentayga 2016 ที่เปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show 2015 มีรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามและน่าดึงดูดใจกว่ารถต้นแบบอย่างชัดเจน

ยอดขายที่ถล่มทลาย: ตลาดพร้อมรับ Bentley SUV

สำหรับโควตาการผลิตในปีแรกของ Bentley Bentayga จำนวน 3,600 คัน ได้ถูกสั่งจองหมดเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอย่างมหาศาลสำหรับรถยนต์ SUV ระดับ Ultra Luxury ที่ผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และความเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley เข้าไว้ด้วยกัน

Honda Civic FC มือสอง: ตัวเลือกสุดฮิตสำหรับขารักรถเก๋ง

Honda Civic FC ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดรถเก๋งมือสองของไทย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ทรงสวย สมรรถนะดีเยี่ยม และความคุ้มค่า ทำให้เป็นที่หมายปองของหลายๆ คน ไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือวัยทำงาน Civic FC มาพร้อม 4 รุ่นย่อย ที่แต่ละรุ่นมีเสน่ห์และข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป

Honda Civic FC 1.5 Turbo RS มือสอง: ขุมพลังสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีจัดเต็ม

ข้อดี: เครื่องยนต์ 1.5 Turbo ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าทรงพลังที่สุดในกลุ่ม C-Segment ในยุคนั้น การออกแบบภายในห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา อัตราเร่งช่วงต้นดีเยี่ยม เหมาะกับการขับขี่ในเมือง พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือระบบ Honda SENSING ที่ครบครัน มอบความปลอดภัยเหนือระดับ
ข้อเสีย: ค่าบำรุงรักษาสูงกว่ารุ่น 1.8 เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ มีโอกาสที่เครื่องยนต์จะเสียหายหากใช้งานหนักต่อเนื่อง และเกียร์ CVT อาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่า

Honda Civic FC 1.5 Turbo มือสอง: ความคุ้มค่ากับสมรรถนะที่เร้าใจ

ข้อดี: ให้สมรรถนะเครื่องยนต์ 1.5 Turbo เช่นเดียวกับรุ่น RS แต่มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ดีไซน์ยังคงความเท่แบบสปอร์ต ภายในโปร่งโล่ง นั่งสบาย ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่อง 1.8 อัตราเร่งช่วงต้นดีเยี่ยม มีระบบ Auto Brake Hold และระบบสั่งสตาร์ทรถด้วยรีโมท
ข้อเสีย: ค่าบำรุงรักษาบางจุดสูงกว่ารุ่น 1.8 และเช่นเดียวกับรุ่น RS มีความเสี่ยงต่อเครื่องยนต์และเกียร์ CVT หากใช้งานหนัก

Honda Civic FC 1.8 EL i-VTEC มือสอง: สมดุลระหว่างสมรรถนะ ความประหยัด และออปชัน

ข้อดี: เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ให้ความทนทานและสมรรถนะที่สมดุล เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ค่าบำรุงรักษาถูกกว่าเครื่องเทอร์โบ มีออปชันที่มากกว่ารุ่น 1.8 E เช่น ระบบ Honda LaneWatch, Rain Sensor และกระจกมองข้างพับอัตโนมัติ รองรับน้ำมัน E85 และมีราคาที่คุ้มค่า
ข้อเสีย: ปรับแต่งยากกว่าเครื่องเทอร์โบ ประหยัดน้ำมันน้อยกว่าเครื่องเทอร์โบ และได้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ซึ่งเล็กกว่ารุ่นเทอร์โบ

Honda Civic FC 1.8 E i-VTEC มือสอง: ตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

ข้อดี: เป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดในตระกูล Civic FC เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทนทาน ซ่อมง่าย ค่าบำรุงรักษาต่ำ มีระบบ Rain Sensor และกระจกมองข้างพับอัตโนมัติ รองรับน้ำมัน E85
ข้อเสีย: ปรับแต่งยากพอๆ กับรุ่น EL ประหยัดน้ำมันน้อยกว่าเครื่องเทอร์โบ และได้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมออปชันและระบบความปลอดภัยที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณจะก้าวไปสู่ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ?

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาสมรรถนะอันเร้าใจจาก Mini John Cooper Works, ความอเนกประสงค์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยจาก Toyota Innova, ความสง่างามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจาก Mercedes-Benz, หรือความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ลงตัวจาก Honda Civic FC โลกยานยนต์ในปี 2016 ได้มอบทางเลือกอันหลากหลายที่พร้อมจะยกระดับทุกการเดินทางของคุณ

หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า อย่ารอช้า! ค้นหารถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณวันนี้ และเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข ความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่เหนือใคร การลงทุนในยานยนต์คุณภาพคือการลงทุนในชีวิตของคุณเอง

Previous Post

N3112048 ชายกล วเม กว าท (1) part2

Next Post

N3112035 ปลดแอกจากผ ชายใจหมา (1) part2

Next Post
N3112035 ปลดแอกจากผ ชายใจหมา (1) part2

N3112035 ปลดแอกจากผ ชายใจหมา (1) part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N3112043_รอคอยเธอมา 10ป เจอก นอ กท องได เป นแฟน (1)_part2
  • N3112038 แรกๆก หวาน นานๆก เปล ยน part2
  • N3112041 การร บม อก บคำโกหก นไม ใช เร องง าย (1) part2
  • N3112033 เช อฟ งภรรยาได กคน part2
  • N3112052 การร บม อก บคำโกหก นไม ใช เร องง าย part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.