Volvo EX30 Cross Country: ก้าวใหม่แห่ง SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก พร้อมผจญภัยในทุกเส้นทาง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด ทำให้เราได้เห็นรถยนต์ที่เคยเป็นเพียงภาพฝัน กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้ และวันนี้ ผมขอพาทุกท่านดำดิ่งสู่โลกของ Volvo EX30 Cross Country รถยนต์ที่นิยามใหม่ของคำว่า “SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก” ผสมผสานสุนทรียภาพแห่งการออกแบบสแกนดิเนเวียเข้ากับสมรรถนะที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์
Volvo EX30 Cross Country: นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก พร้อมพาคุณออกผจญภัย
Volvo EX30 Cross Country ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กธรรมดา แต่เป็นการตีความใหม่ของ “Cross Country” ในยุคดิจิทัล ด้วยดีไซน์ที่ผสานความแข็งแกร่งและความสง่างามเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว Volvo EX30 Cross Country จึงเป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่คือสหายคู่ใจที่พร้อมพาคุณออกสำรวจโลกใบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองที่เร่งรีบ หรือการหลีกหนีความวุ่นวายสู่ธรรมชาติอันเงียบสงบ
ออกแบบเพื่อชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง: สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า
สิ่งที่ทำให้ Volvo EX30 Cross Country โดดเด่นอย่างแท้จริง คือความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ตัวถังที่ได้รับการยกสูงขึ้น มอบระยะห่างจากพื้นโลกที่มากขึ้น ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคบนเส้นทางขรุขระได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นจากตำแหน่งเบาะที่นั่งที่สูงขึ้น ยังช่วยเสริมความรู้สึกปลอดภัยและความเหนือกว่าในทุกการเดินทาง แม้จะเป็น SUV ที่เล็กที่สุดเท่าที่ Volvo เคยผลิตมา แต่ EX30 Cross Country ก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้รุ่นพี่
สมดุลอันสมบูรณ์แบบ: ขับเคลื่อนทั้งในเมืองและนอกเมือง
Volvo EX30 Cross Country พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยการผสานศักยภาพการขับขี่ที่ลงตัวระหว่างสภาพแวดล้อมในเมืองที่พลุกพล่าน และเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย นี่คือรถยนต์ Cross Country ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของ Volvo ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของแบรนด์ในการนำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนและเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ รายละเอียดการตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น การใช้สีด้านบริเวณกันชนหน้า ขอบซุ้มล้อ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยิ่งเสริมบุคลิกที่มั่นใจและพร้อมบุกตะลุยในทุกสภาวะ
ขุมพลังไฟฟ้าเต็มพิกัด: ประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
หัวใจสำคัญของ Volvo EX30 Cross Country คือระบบขับเคลื่อน Twin Motor Performance ซึ่งให้พละกำลังเทียบเท่ากับรุ่น EX30 Twin Motor Performance เดิม ระบบนี้ไม่เพียงแต่ให้การตอบสนองที่ฉับไว แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและทรงพลัง ไม่ว่าจะใช้ในการเดินทางประจำวันในเมือง หรือการออกทริปพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ ระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ชาญฉลาดนี้ ช่วยให้การเปลี่ยนถ่ายกำลังเป็นไปอย่างนุ่มนวล และมอบอัตราเร่งที่น่าประทับใจ ควบคู่ไปกับการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่เป็นเลิศ: Safe Space Technology
Volvo ไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัย และ Volvo EX30 Cross Country ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ ที่มาพร้อมกับ Safe Space Technology ซึ่งเป็นการผสานเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงทั้งภายในและภายนอกตัวรถ เพื่อมอบการปกป้องที่ครอบคลุมแก่ผู้โดยสารทุกคน ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและมอบความอุ่นใจสูงสุดในการขับขี่
นวัตกรรมเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
Volvo EX30 Cross Country อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการขับขี่ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Park Pilot Assist ซึ่งเป็นระบบช่วยจอดอัจฉริยะที่สามารถจัดการกับการจอดรถในพื้นที่จำกัดได้อย่างง่ายดาย เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ ระบบการนำทาง การเชื่อมต่อ และความบันเทิงต่างๆ ก็ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ความยั่งยืนที่สัมผัสได้: วัสดุรีไซเคิลและหมุนเวียน
ความมุ่งมั่นของ Volvo ต่อความยั่งยืนนั้นปรากฏชัดเจนในทุกอณูของ EX30 Cross Country รถคันนี้มีการนำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมาใช้เป็นส่วนประกอบทั้งภายในและภายนอกอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่วัสดุตกแต่งภายในที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ไปจนถึงชิ้นส่วนพลาสติกที่ได้จากการรีไซเคิล การเลือกใช้เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมอบความรู้สึกพรีเมียมและมีเอกลักษณ์ให้กับห้องโดยสารอีกด้วย
ดีไซน์มินิมอลสไตล์สแกนดิเนเวียน: ความงามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
เอกลักษณ์ของ Volvo คือการออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหราและทรงพลัง สไตล์มินิมอลแบบฉบับสแกนดิเนเวีย สะท้อนผ่านเส้นสายที่สะอาดตา การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ อย่างลงตัว Volvo EX30 Cross Country จึงมอบความรู้สึกสงบและผ่อนคลายแก่ผู้ที่ได้สัมผัส
ดื่มด่ำกับเสียงเพลง: ระบบเสียง Harman Kardon Premium Sound
เติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยระบบเสียง Harman Kardon Premium Sound ที่ได้รับการติดตั้งมาใน EX30 Cross Country ระบบเสียงนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบมิติเสียงที่คมชัด สมจริง และทรงพลัง สร้างบรรยากาศราวกับคุณกำลังนั่งอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงโปรด หรือเพลิดเพลินกับพอดแคสต์
พื้นที่ใช้สอยที่ชาญฉลาด: การจัดเก็บที่ลงตัว
แม้จะเป็น SUV ขนาดเล็ก แต่ Volvo EX30 Cross Country ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อการจัดเก็บสัมภาระได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่เก็บของต่างๆ ถูกจัดวางอย่างเป็นระบบ ช่วยให้การจัดเก็บข้าวของเป็นเรื่องง่ายและเป็นระเบียบ
การเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด: ประสบการณ์ดิจิทัลสุดล้ำ
ในยุคดิจิทัล การเชื่อมต่อคือสิ่งสำคัญ Volvo EX30 Cross Country เข้าใจถึงความต้องการนี้เป็นอย่างดี จึงมาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน Volvo EX30 ที่ช่วยให้คุณควบคุมและตรวจสอบสถานะรถได้จากระยะไกล การผสานรวมกับบริการจาก Google ช่วยให้การใช้งานระบบนำทาง ความบันเทิง และแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ การรองรับการอัปเดตแบบ Over-the-air (OTA) และการเชื่อมต่อสัญญาณระดับ 5G ยังช่วยให้รถของคุณทันสมัยอยู่เสมอ
หน้าจอสัมผัสกลาง: ศูนย์กลางการควบคุมที่เข้าถึงง่าย
การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถทำได้อย่างสะดวกสบายผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของคอนโซลหน้า ตำแหน่งของหน้าจอที่อยู่ตรงกลางนี้ ช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเข้าถึงข้อมูลและควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่
ราคาและการเข้าถึง: Volvo EX30 Cross Country Twin Motor Performance
สำหรับผู้ที่สนใจในสมรรถนะอันเร้าใจและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ Volvo EX30 Cross Country – Twin Motor Performance มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,890,000 บาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี
Volvo EX30 Cross Country: บทสรุปแห่งอนาคตการเดินทาง
Volvo EX30 Cross Country คือข้อพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำของ Volvo ในด้านการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและการออกแบบที่ยั่งยืน ด้วยสมรรถนะที่ตอบสนองทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันและพร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ การใช้วัสดุรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รถคันนี้จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับทั้งผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองและนักผจญภัยที่มองหาประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
ทิศทางใหม่ของ Volvo: ยอดผลิต EX30 ทะลุเป้าหมายสำคัญ
ความสำเร็จของ Volvo EX30 ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเปิดตัว แต่ได้ก้าวไปอีกขั้นที่น่าประทับใจ เมื่อยอดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Volvo EX30 คันที่ 100,000 ได้ออกจากสายการผลิต ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เข้าถึงได้และเปี่ยมด้วยคุณภาพ
การเติบโตที่น่าจับตามอง: EX30 ขับเคลื่อนยอดขายทั่วโลก
ตั้งแต่เริ่มการผลิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2566 ที่ประเทศจีน Volvo EX30 ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปีในการบรรลุเป้าหมายการผลิต 100,000 คัน ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ EX30 ในตลาดโลก EX30 ถูกมองว่าเป็นโมเดลสำคัญที่ช่วยนิยามแบรนด์ Volvo ใหม่ ให้เป็น “เล็กแต่ทรงพลัง” ด้วยขนาดที่กะทัดรัด แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันเป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย
ราคาที่เข้าถึงง่าย: กุญแจสู่ตลาดที่กว้างขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของ Volvo EX30 คือราคาที่แข่งขันได้ ในประเทศไทย Volvo EX30 เริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo ที่มีราคาเข้าถึงง่ายที่สุด สำหรับตลาดจีน ราคายิ่งน่าสนใจ โดยอยู่ที่ประมาณ 28,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 927,000 บาท) ทำให้ EX30 เป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก
ครองตลาด EV ในยุโรป: EX30 ก้าวขึ้นแท่นผู้นำ
จากข้อมูลล่าสุดของ Dataforce Volvo EX30 กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีเป็นอันดับสองในยุโรปเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเป็นรองเพียง Tesla Model Y เท่านั้น ความสำเร็จนี้ส่งผลให้ Volvo เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในยุโรป โดยมี EX30 เป็นกลไกขับเคลื่อนยอดขายที่สำคัญ
การเติบโตอย่างก้าวกระโดด: ยอดขาย EV ของ Volvo พุ่งสูง
เมื่อพิจารณายอดขายรวมของ Volvo พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 36% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 19,605 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Volvo EX30 เพียงรุ่นเดียว ทำยอดขายไปได้ถึง 6,377 คัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดึงดูดลูกค้าของ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กคันนี้
อุปสรรคและความท้าทาย: การขยายตลาดสู่สหรัฐอเมริกา
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดอื่น ๆ Volvo EX30 กลับเผชิญกับความล่าช้าในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา เดิมทีมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ แต่ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2568 สาเหตุหลักมาจากนโยบายภาษีนำเข้า 100% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจาก EX30 ผลิตที่ประเทศจีน
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Volvo ได้วางแผนที่จะเริ่มการผลิต EX30 ที่โรงงานในเมือง Ghent ประเทศเบลเยียม เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ราคาขายปลีกในสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 34,950 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.13 ล้านบาท)
ประสิทธิภาพและระยะทางขับขี่: เทคโนโลยีที่น่าประทับใจ
Volvo EX30 มอบระยะทางการขับขี่ที่น่าประทับใจ โดยตามมาตรฐาน NEDC สามารถวิ่งได้ถึง 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง สำหรับตลาดสหรัฐฯ ตามมาตรฐาน EPA คาดว่าจะวิ่งได้ประมาณ 442 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและเดินทางไกล
อนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้า: Volvo EX90 กับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
นอกเหนือจาก EX30 แล้ว Volvo ยังได้เปิดตัว EX90 ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้า 3 แถว โดยการส่งมอบรุ่นแรกเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม หลังจากการผลิตล็อตแรกออกจากโรงงานที่ South Carolina ของ Volvo ในเดือนมิถุนายน การเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้าใหม่ทั้งสองรุ่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Volvo ในการเจาะตลาดกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าที่มีความต้องการสูง และวางตำแหน่งแบรนด์ให้พร้อมสำหรับการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นอร์เวย์: ต้นแบบแห่งอนาคตการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังมุ่งสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า นอร์เวย์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่โดดเด่น ในปีที่ผ่านมา จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนของนอร์เวย์ มีจำนวนมากกว่ารถยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก โดยมีรถ EV ถึง 754,303 คัน เทียบกับรถสันดาป 753,905 คัน นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า นอร์เวย์ กำลังจะเป็นชาติแรกในโลกที่เปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์ EV เต็มรูปแบบ
การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน: เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จของนอร์เวย์
ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น การเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ถือเป็นหนึ่งในโซลูชันสำคัญที่ทุกประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และนอร์เวย์ คือตัวอย่างที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง เมื่อลองจินตนาการถึงภาพในเมืองของนอร์เวย์ สิ่งที่ปรากฏคือความเงียบสงบไร้ควันดำจากรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งขวักไขว่ และรถทุกคันประดับด้วยตัวอักษร “E” อันเป็นสัญลักษณ์ของยานยนต์ไฟฟ้า
สถิติที่น่าทึ่ง: การครองตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าในนอร์เวย์
รายงานจากสื่อต่างประเทศยืนยันว่า ขณะนี้ “นอร์เวย์” กำลังจะกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปอย่างเป็นทางการ ประชากรกว่า 5 ล้านคน ได้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย ตัวเลขที่สนับสนุนแนวโน้มนี้คือ สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนที่มากกว่ารถยนต์สันดาปในปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งนอร์เวย์ (NEVA) ยังระบุเพิ่มเติมว่า ในปี 2567 กว่า 88.9% ของรถยนต์ที่ขายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แบ่งเป็นรถ EV 788,836 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเบา (ไฟฟ้า) อีก 36,984 คัน หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ เช่น อังกฤษ ที่มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 20% (ปี 2567) หรือสหรัฐอเมริกา ที่ 8% จะเห็นได้ชัดว่านอร์เวย์ ได้นำหน้าไปไกลแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับมติของสหภาพยุโรปที่ตั้งเป้าห้ามขายรถยนต์สันดาปภายในปี 2578
รุ่นยอดนิยม: Tesla ครองใจชาวนอร์ดิก แต่ Volvo EX30 มาแรง
เมื่อสำรวจรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในนอร์เวย์ พบว่า Tesla Model Y และ Tesla Model 3 ติดอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงความชื่นชอบในแบรนด์รถยนต์ EV สัญชาติอเมริกัน อย่างไรก็ตาม Volvo EX30 กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ติดอันดับรุ่นยอดนิยมรองลงมา ร่วมกับ Volkswagen ID.4, Toyota bZ4X, Skoda Enyaq, Nissan Ariya, Volkswagen ID.3, Audi Q4 e-tron และ Hyundai Kona electric
มาตรการสนับสนุนรัฐบาล: หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
นิตยสาร Forbes ได้เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s เป็นต้นมา รัฐบาลนอร์เวย์ ได้ดำเนินมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ EV อย่างจริงจังและต่อเนื่อง มาตรการสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้บริโภค ได้แก่:
การยกเว้นภาษีการปล่อยมลพิษ: ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถ EV
ส่วนลดค่าผ่านทาง 50%: เพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ส่วนลดค่าจอดรถ: เป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ใช้รถ EV ได้รับ
การจำกัดการขายรถสันดาป: การกำชับให้ตัวแทนจำหน่ายลดการขายรถยนต์สันดาป
สิทธิ์ในการใช้เลนส์รถประจำทาง: เพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง
นโยบายเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการสร้างแรงจูงใจให้ชาวนอร์เวย์หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะนอกจากการเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว การใช้รถ EV ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจิปาถะและสร้างความแตกต่างให้กับผู้ใช้
XPENG: แผนการใหญ่สู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ในขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด XPENG ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศจีน กำลังเดินหน้าตามแผนการขยายไลน์อัพผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าปล่อยรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ถึง 30 รุ่น และรุ่นปรับโฉมอีกจำนวนหนึ่งภายในปี 2570 แผนการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ XPENG ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
XPENG Motors: ทศวรรษแห่งนวัตกรรมและการเติบโต
XPENG Motors ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน เพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีในปี 2567 และได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน แข่งขันกับแบรนด์ใหญ่เช่น NIO และผู้นำตลาดอย่าง BYD XPENG ได้พยายามขยายตลาดไปยังยุโรปอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ เช่น Xpeng G9 รถ SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และ X9 รถ MPV ไฟฟ้าอเนกประสงค์
อนาคตแห่งการบินและขับขี่: XPENG AeroHT และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว XPENG ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (AAM) ผ่านบริษัทในเครือ AeroHT ซึ่งได้ผลิตรถยนต์บินได้ที่ใช้งานได้จริงแล้ว แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดจีนและยุโรป
แผนการผลิต EV ที่ทะเยอทะยาน: 30 รุ่นใหม่ภายใน 3 ปี
ตามจดหมายภายในที่เปิดเผยโดยประธานบริษัท He Xiaopeng, XPENG กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ EV รุ่นใหม่ 30 รุ่น และรุ่นปรับโฉมใหม่ๆ ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าช่วงราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่ 14,000 ถึง 56,000 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดจีน การขยายไลน์อัพผลิตภัณฑ์อย่างก้าวกระโดดนี้ จะช่วยให้ XPENG สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับราคา ตั้งแต่ 100,000 หยวน (ประมาณ 509,000 บาท) ไปจนถึง 400,000 หยวน (ประมาณ 2.03 ล้านบาท)
‘ทะเลเลือด’ แห่งอุตสาหกรรม EV จีน: กลยุทธ์การแข่งขันที่ดุเดือด
He Xiaopeng ได้กล่าวถึงเหตุผลเบื้องหลังการขยายตัวที่รวดเร็วนี้ว่า เป็นผลมาจากการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในอุตสาหกรรม EV ของจีน โดยเขาเรียกปี 2567 ว่าเป็น “ทะเลเลือด” แห่งการแข่งขันในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์จีนหน้าใหม่ ซึ่งกำลังเผชิญกับ “ช่วงเวลาแห่งการคัดเลือก” ที่ยากลำบาก
การลงทุนมหาศาลเพื่ออนาคต: เพิ่มพนักงานและงบประมาณ R&D
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ทะเยอทะยานนี้ XPENG ได้ประกาศแผนการจ้างพนักงานใหม่เพิ่มประมาณ 4,000 คน และเพิ่มงบประมาณการวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YOY) โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ต่อสู้เพื่อวันพรุ่งนี้” ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังทบทวนเป้าหมายการพัฒนา EV ของตน ซีอีโอของ XPENG กลับมองเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ และผลักดันไปข้างหน้าให้เร็วและหนักขึ้นกว่าเดิม
เทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ: จุดแข็งที่ XPENG ให้ความสำคัญ
การพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะยังคงเป็นจุดสนใจหลักของ XPENG โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุน 3.5 พันล้านหยวน (ประมาณ 1.78 หมื่นล้านบาท) ในปี 2567 เพื่อการวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) นอกจากนี้ XPENG ยังมีกลยุทธ์ใหม่ในการผสานรวมการตลาดรถยนต์ อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟนเข้าเป็นระบบเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทจะได้รับการยอมรับว่าเป็น “หนึ่งในผู้เล่นชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า”
พบกับประสบการณ์สุดเร้าใจ: GT World Challenge Asia 2025 ณ สนามช้าง จ.บุรีรัมย์
แฟนความเร็วทั่วประเทศเตรียมตัวให้พร้อม! การแข่งขันระดับโลก GT World Challenge Asia 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์การแข่งขันรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จะกลับมาสร้างความตื่นเต้นที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 การแข่งขันสนามที่ 3 ของฤดูกาลนี้ จะเป็นการประลองความเร็วครั้งสำคัญ ที่เต็มไปด้วยสุดยอดรถยนต์ GT3 กว่า 33 คัน จาก 8 ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วยนักแข่งระดับพระกาฬจากทั่วทุกมุมโลก
สังเวียนแห่งเกียรติยศ: การแข่งขันสุดเข้มข้น ณ สนามช้าง
หลังจากผ่านสนามแรกที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย และสนามที่สองที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิก้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย การแข่งขัน GT World Challenge Asia 2025 ได้เดินทางมาถึงสนามที่ 3 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสนามสำคัญในช่วงการขับเคี่ยวเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์ประจำปี สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับเลือกให้เป็นสังเวียนการประลองความเร็วในระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 โดยหลังจากการแข่งขันที่ประเทศไทย จะมีอีก 2 สนามในประเทศญี่ปุ่น และปิดท้ายฤดูกาลที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
ขบวนพาเหรดซูเปอร์คาร์: เทคโนโลยีล้ำสมัยบนสนามแข่ง
ฝ่ายจัดการแข่งขันยืนยันอย่างเป็นทางการว่า จะมีรถแข่ง GT3 มากถึง 33 คัน เข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทย แฟนความเร็วจะได้ตื่นตาตื่นใจกับสุดยอดซูเปอร์คาร์จากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Mercedes-AMG, Ferrari 296, Porsche 911, Porsche 992, Lamborghini Huracan, Audi R8 LMS, BMW M4, Chevrolet Corvette Z06, Nissan GT-R NISMO และอื่นๆ อีกมากมาย การรวมตัวของทีมแข่งชั้นนำและนักแข่งฝีมือดีจากทั่วโลกกว่า 60 คน จะสร้างสรรค์การแข่งขันที่น่าจดจำ
นักแข่งระดับโลก: การปะทะกันของสุดยอดฝีมือ
ฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยนักแข่งระดับแถวหน้าของโลก ไม่ว่าจะเป็นอดีตนักแข่ง Formula 1 อย่าง Markus Winkelhock, Alessio Picariello นักแข่งชาวเบลเยี่ยม, Eduardo Mortara นักแข่งชาวสวิส, Jaden Ojeda นักแข่งชาวออสเตรเลียน, Harry King และ Alexander Sims สองนักแข่งจากสหราชอาณาจักร, Lorenzo Patrese นักแข่งชาวอิตาเลียน และ Nico Menzel จากเยอรมนี การปรากฏตัวของพวกเขาจะเพิ่มดีกรีความเข้มข้นให้กับการแข่งขันอย่างแน่นอน
สถานการณ์ปัจจุบัน: การลุ้นแชมป์ที่เข้มข้น
หลังผ่าน 2 สนามแรก คู่หูนักแข่งชาวจีนอย่าง Yuan Bo และ Leo Ye Hongli จาก Origin Motorsport รั้งตำแหน่งผู้นำด้วยคะแนน 68 คะแนน ตามมาด้วยอันดับ 2 Anthony Liu Xu นักแข่งชาวจีน และ Dorian Boccolacci เพื่อนร่วมทีมชาวฝรั่งเศส จาก Phantom Global Racing ที่มีคะแนนตามหลังเพียง 9 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Ruan Chun Fan นักแข่งชาวจีน และ Maxime Oosten เพื่อนร่วมทีมชาวดัตช์ จาก KRC ที่มีคะแนนตามหลัง 19 คะแนน
ความร่วมมือที่น่าสนใจ: Honda One Make Race 2025
เพื่อเพิ่มความมันส์และความหลากหลายให้กับสุดสัปดาห์แห่งมอเตอร์สปอร์ต Honda One Make Race 2025 จะเปิดฤดูกาลสนามแรก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในสุดสัปดาห์เดียวกัน นับเป็นการเสริมทัพความเร้าใจให้กับการแข่งขัน GT World Challenge Asia 2025
มุมมองจากผู้จัด: ยกระดับมอเตอร์สปอร์ตไทยสู่สากล
คุณโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า “GT World Challenge Asia ถือเป็นหนึ่งในเรซระดับนานาชาติที่มีผู้ติดตามชมมากที่สุดรายการหนึ่ง ด้วยพลังของที่สุดแห่งยนตรกรรมระดับโลก ความสวยงามหรูหรา เร็วและแรง ดวลความเร็วโดยทีมระดับพระกาฬของโลก สามารถสะกดทุกสายตาและเป็นหนึ่งในรถในฝันของผู้คน ทำให้เกิดการติดตามชมจากทั่วโลกทั้งการเข้าชมในสนาม ผ่านการถ่ายทอดสดและช่องทางออนไลน์”
“การที่ประเทศไทยเราได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน 1 ในสนามสำคัญของโลก และได้แบ่งบันประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตแบบสุดพิเศษให้คนไทยได้ดูในสนามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับกีฬาความเร็วของไทยให้ครบทุกมิติ ทั้งยังแสดงศักยภาพของประเทศ สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม สนับสนุนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรม มอเตอร์สปอร์ตและยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันรายการ Honda One Make Race 2025 สนามแรกของฤดูกาลมาร่วมเสริมทัพความมันส์เป็นซัพพอร์ตเรซด้วย ขอเชิญชวนแฟนความเร็วมาชม-เชียร์กันที่สนามเยอะๆ ครับ”
โปรแกรมการแข่งขันและช่องทางการซื้อบัตร
ศึก GT World Challenge Asia 2025 สนาม 3 จะเริ่มต้นด้วยการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม ตามด้วยการควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม และการแข่งขันเรซแรกในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน จากนั้นจะต่อเนื่องด้วยเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568
บัตรเข้าชมมีจำหน่ายแล้วที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ allticket บัตร VIP ราคา 2,000 บาท (1 วัน) และ 3,000 บาท (2 วัน) ส่วนบัตร GRANDSTAND ราคา 200 บาท (1 วัน) และ 300 บาท (2 วัน)
สิทธิพิเศษสำหรับผู้ซื้อบัตร: ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ บัตร VIP โค้ง 12, บัตร Paddock Pass + Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร PIT Lane Walk ชมการแข่งขัน MotoGP 2026 ในกิจกรรม “Chang Int’s Friend Pass” ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Chang Circuit Buriram
สรุป: Volvo EX30 Cross Country – ก้าวต่อไปของยานยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมพาคุณไปทุกที่
Volvo EX30 Cross Country ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือการประกาศวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของ Volvo ที่ผสมผสานนวัตกรรม ความยั่งยืน และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหายานยนต์ที่พร้อมพาคุณผจญภัยไปในทุกเส้นทาง พร้อมสัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์ที่สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียด Volvo EX30 Cross Country คือคำตอบที่คุณรอคอย มาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกันวันนี้!

