• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0101065 งท หมอทำก บคนไข องชดใช วย part2

admin79 by admin79
December 29, 2025
in Uncategorized
0
N0101065 งท หมอทำก บคนไข องชดใช วย part2

โตโยต้า ยาริส ใหม่: มากกว่าแค่ ECO Car แต่คือ “Vios Hatchback” ที่ฉีกทุกความคาดหมาย

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าสิบปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์มานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ Eco Car ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อ Toyata เปิดตัว Yaris รุ่นใหม่ในประเทศไทย เมื่อช่วงปลายปี 2013 คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผม ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสมรรถนะ หรืออัตราสิ้นเปลือง แต่คือ “ทำไม Yaris รุ่นนี้ ถึงมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจาก Yaris ในตลาดโลก?” และ “มันจะตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยได้อย่างไร?”

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน มีคนเคยกระซิบกับผมถึงแนวทางการออกแบบของ Yaris รุ่นใหม่ ว่าจะออกมาในแนว “เหลี่ยมๆ ดูสปอร์ตๆ” พร้อมกับกระจังหน้าที่ชวนให้นึกถึง Mitsubishi RVR/ASX ซึ่งในเวลานั้น ผมได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ผมกังวลว่าการออกแบบที่ดู “ดุดัน” เกินไป อาจจะไม่ถูกใจตลาดรถยนต์ Eco Car ซึ่งกว่า 30-40% เป็นกลุ่มผู้หญิงที่ชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมนน่ารักๆ การออกแบบที่ดู “แมน” เกินไป อาจจะส่งผลต่อยอดขายได้ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับ Lancer EX มาแล้ว

คืนนั้น ผมหลับตาลงพร้อมกับจินตนาการว่า Yaris ใหม่ จะออกมาเป็นรถ Hatchback 5 ประตู ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับ Vios ใหม่ (ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครเคยเห็นตัวจริง) แต่แล้ว ความจริงที่ปรากฏในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน 2013 ก็ทำให้ผมต้องอึ้ง เมื่อภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 เผยให้เห็นด้านหน้าของรถรุ่นใหม่ ที่จะมาสวมชื่อ Yaris ในบ้านเรา ที่ดูคล้ายกับ Mitsubishi Lancer EX หรือแม้กระทั่ง “อาเหล่ากง” และที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือชุดไฟท้ายที่ดูคล้ายกับ “ก้อนน้ำมูก” ในวันที่เป็นหวัด

“จบกัน…” ผมคิดในใจ “แบบนี้คงขายผู้ชายได้ แต่จะขายผู้หญิงได้ยากแน่ๆ ทางเดียวที่จะรอด คือต้องใช้การตลาดแบบ Colorful Marketing พยายามหาเฉดสีตัวถังสวยๆ มาดึงดูดสาวๆ ไม่งั้นก็ไม่รอดแน่”

ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัว Yaris รุ่นใหม่ ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล (ปี 2011-2012) ได้สิ้นสุดลง ตลาดรถยนต์ไทยปั่นป่วนไม่น้อย ผู้บริโภคดีใจ แต่ผู้ผลิตกลับต้องเผชิญกับภาวะรถค้างสต็อกที่จอดเต็มลาน จนต้องงัดโปรโมชั่นระบายสต็อกกันแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน รถยนต์กลุ่ม B-Segment ทั้ง 1,500 ซีซี และ Eco Car 1,200 ซีซี ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะออกแคมเปญหนักแค่ไหน ยอดขายก็ไม่ค่อยกระเตื้อง การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในช่วงเวลานี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย Yaris เอง ก็ตกอยู่ในชะตากรรมนี้ไปพร้อมกับ Vios พี่น้องร่วมแพลตฟอร์ม

การเปิดตัว Yaris ในเวลานั้นดูเหมือนจะเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่ Toyota ต้องทำ เพราะถ้าเลื่อนออกไปอีก ก็คงไม่เหลือความจำเป็น และสุดท้าย เป็นไปตามคาด กระแสการพูดถึง Yaris ในโซเชียลมีเดียบางตาอย่างผิดคาด เมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ของ Toyota ในอดีต น้อยคนที่จะถามไถ่ ยิ่งเมื่อเทียบกับ Nissan Teana ที่เปิดตัวก่อนหน้าเพียงวันเดียว ก็แทบจะกลบกระแส Yaris ไปจนหมดสิ้น

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง เมื่อเห็นกระแสการพูดถึง Yaris กลับมามากขึ้นในโซเชียลมีเดีย และที่สำคัญ คือจำนวน Yaris ใหม่ ที่เริ่มปรากฏบนท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าลูกค้าเริ่มเปิดใจยอมรับ “น้องใหม่ หน้าตาประหลาด” คันนี้แล้ว

วันนี้ คำถามที่หลายคนยังคาใจ คืออัตราเร่งจะอืดไหม? กินน้ำมันหรือเปล่า? ประหยัดไหม? ขับดีไหม? พวงมาลัยแก้ไขหรือยัง? ช่วงล่างเป็นอย่างไร? และที่สำคัญ “ควรจะซื้อไหม? ถ้าซื้อ ควรเลือกรุ่นย่อยไหนดี?” บางคนอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Yaris กับ Suzuki Swift ควรเลือกคันไหนดี? หรือบางคนอาจจะถามเลยเถิดไปถึงขั้นว่า “จะเปลี่ยนใจจาก Vios มาคบ Yaris ดีไหม?”

และนี่คือคำตอบสำหรับทุกข้อสงสัยที่คุณอาจจะกังวลใจ…

Yaris: การเดินทางสู่ตลาดโลก และนิยามใหม่ของ B-Segment Hatchback

Toyota ไม่ใช่หน้าใหม่ในตลาดรถยนต์ Sub-Compact Hatchback ในยุโรป พวกเขาพยายามมานานตั้งแต่ยุคของ Starlet แต่ Starlet ก็ดูจะจืดชืดไปในสายตาชาวยุโรปและญี่ปุ่นเอง จนกระทั่ง Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่งจาก Toyota European Office of Creation (EPOC) ได้รับภารกิจในการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กแนวใหม่ เพื่อเอาใจชาวยุโรปโดยเฉพาะ

ปี 1997 Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun ทั้ง 3 รุ่น คือ FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เพื่อส่งสัญญาณว่า รถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนี้ จะมีเส้นสายที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบเหล่านี้ พร้อมโครงสร้างวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)

ปี 1998 Yaris ได้เผยโฉมครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 ถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้ชาวยุโรปหันมามองแบรนด์ Toyota อีกครั้งอย่างจริงจัง ชื่อ Yaris มาจากการจ้างนักตั้งชื่อสินค้าชื่อดัง ที่ใช้เวลาดูรถเพียง 5 นาที แล้วกลับไปค้นหาชื่อที่เหมาะสม เขาเลือกใช้ชื่อ Yaris โดยอ้างอิงจากคำว่า “Ya” ในภาษาเยอรมัน แปลว่า “Yes” และ “Charis” เทพแห่งความหรูหราและความงามในเทพนิยายกรีกโบราณ

Yaris เปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะส่งต่อไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยชื่อ ECHO ส่วนตัวถัง Sedan 2 และ 4 ประตู ใช้ชื่อ Platz ในญี่ปุ่น และ ECHO ในตลาดอื่นๆ แม้ว่าตัวถัง Sedan จะขายไม่ค่อยดีนัก แต่รุ่น Hatchback กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

Yaris รุ่นแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุโรปและญี่ปุ่น คว้า European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งปกติแล้วรางวัลนี้จะเป็นของรถยุโรปเท่านั้น โดยมี Nissan March ปี 1991 เป็นรถญี่ปุ่นเพียงคันเดียวที่เคยได้รางวัลนี้มาก่อน

รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2005 ภายใต้รหัสโครงการ 351L เวอร์ชันไทยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 ซึ่งเป็น Yaris รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย ถึงแม้ยอดขายทั่วโลกจะยังดี แต่ในไทย ราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ยอดขายช่วงแรกไม่ดีนัก จนชมรมดีลเลอร์ Toyota ในกรุงเทพฯ ต้องร้องขอให้ Toyota Motor Thailand ออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย

รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 22 ธันวาคม 2010 Toyota เลือกทำตลาดรุ่นนี้เฉพาะในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยอดขายยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่ารุ่นก่อนหน้า ในตอนแรก คนไทยคาดว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป รุ่นที่ 3 จะถูกนำมาประกอบขายในไทย แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Eco Car ของรัฐบาลในช่วงท้าย

การตัดสินใจที่พลิกผัน: Yaris สู่การเป็น Eco Car และการปรับตัวเพื่อตลาดโลก

ภายใต้ข้อจำกัดของโครงการ Eco Car ที่ระบุชัดเจนว่าต้องผลิตรถรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะผลิตขายในญี่ปุ่นและยุโรปมาพัฒนาต่อ จึงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ Aygo รถยนต์ที่พัฒนาร่วมกับ PSA ก็ดูจะเล็กเกินไปสำหรับตลาดไทยที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทางสังคม และยังมีข้อตกลงว่าผลิตขายได้เฉพาะในโรงงานสาธารณรัฐเชคเท่านั้น

ดังนั้น ทางเลือกเดียวที่เหลือคือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดที่มีศักยภาพอย่างจีน ที่ต้องการรถ Hatchback ขนาดเล็ก แต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป โดยใช้ Platform และวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ Eco Car

Takashi Matsuda: Chief Engineer ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า “ความตั้งใจแรกของผมคือการทำให้ Yaris รุ่นนี้เป็น Full Model Change ของ Yaris สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดไทยมีนโยบายให้ทำ Yaris รุ่นนี้เป็น Eco Car ผมจึงต้องหาทางออกให้กับข้อจำกัดมากมายที่เกิดขึ้น และผลลัพธ์ก็คือ Yaris อย่างที่เห็นกันอยู่นี้”

1 ปีก่อนการเปิดตัวจริง Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ Toyota Dear Qin Hatchback ในงาน Beijing Automotive Show 2012 เพื่อสื่อสารแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก โดย Dear Qin สีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนเป็นหลัก

Yaris รุ่นที่เปิดตัวในไทย ถือเป็นประเทศลำดับที่ 2 ของโลกที่ได้ยลล ได้เผยโฉม Yaris ใหม่นี้ งานเปิดตัวมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ที่ Central World

Matsuda-san กล่าวว่า “ตอนแรก เขาไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น Eco Car มาตั้งแต่แรก” แต่เมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดให้เป็น Eco Car สำหรับตลาดไทย จึงเกิดข้อจำกัดมากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น โดยไม่ได้ประนีประนอมในเรื่องเส้นสายการออกแบบ ให้ความสำคัญกับความสบายของห้องโดยสาร ยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบ และการเกาะถนน ให้เห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน

การออกแบบที่ “ฉีกกรอบ” และพื้นที่ใช้สอยที่ “เกินคาด”

Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน จะพบว่า Yaris ใหม่ ยาวขึ้นถึง 315 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มิลลิเมตร สิ่งที่ตามมาคือมิติภายในที่กว้างขวางขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังที่ยาวถึง 663 มิลลิเมตร (ยาวกว่าเดิม 77 มิลลิเมตร) ทำให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีความยาวถึง 734 มิลลิเมตร และมีปริมาตรความจุถึง 326 ลิตร

เส้นสายภายนอกมาในสไตล์ “เฉียบคม” เน้นเหลี่ยมสัน พร้อมกระจังหน้าที่ชวนให้นึกถึง Mitsubishi RVR/ASX หรือ Lancer EX แต่มีแถบสีเงิน “หนวดปลาดุก” เพิ่มเข้ามา ทำให้ผมอดจะตั้งฉายาให้รถคันนี้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด” ไม่ได้ กระจังหน้าในรุ่น G และ E เป็น “หนวดสีเงิน” ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็น “หนวดสีดำ” มือจับประตูด้านข้างรุ่น G เป็นโครเมียม ส่วนรุ่นอื่นเป็นสีเดียวกับตัวถัง ชุดไฟหน้ารุ่น G เป็นโปรเจคเตอร์ ส่วนรุ่นอื่นเป็น Multi Reflector ธรรมดา

ส่วนบั้นท้ายนั้น ทีมออกแบบพยายามสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายจากหน้าต่างคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง โดยใช้แผงพลาสติกสีดำ Glossy มาเชื่อมต่อ และชุดไฟท้ายที่มีกรอบทรงประหลาด โดยใช้กรอบท่อนล่างของ Vios ลากเส้นขึ้นไปยาวๆ ในแบบที่ไม่เหมือนใคร แม้จะพยายามฉีกแนวให้ล้ำเหมือนรถต้นแบบ Dear Qin แต่เมื่อออกมาจริง กลับดูคล้ายกับไฟท้ายของ Peugeot 208 รุ่นใหม่ และทำลายความลงตัวของงานออกแบบประตูคู่หลัง จนทำให้บั้นท้ายดูแปลกตา “เหมือนมีใครเอาก้อนเลือดกำเดาไหลไปแปะอยู่กับไฟท้ายของ Vios ยังไงยังงั้น!”

ทุกรุ่นติดตั้งใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลัง ทับทิมสะท้อนแสง และสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลังมาให้เกือบทุกรุ่น ส่วนแถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง รุ่น G เป็นโครเมียม รุ่น E เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J เป็นสีดำ

รุ่น G ให้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ส่วนรุ่น E ได้ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ รุ่น J ได้ล้อกระทะ 14 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ และรุ่น J ECO เป็นล้อกระทะเหล็กสีดำโดยไม่มีฝาครอบล้อ

ระบบกุญแจรุ่น G เป็นแบบ Keyless-Entry พร้อม Push Start และระบบกันขโมย Immobilizer และ TDS ส่วนรุ่น E เป็นกุญแจรีโมทแบบไข ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็นกุญแจแบบมาตรฐานของ Toyota ที่ชวนให้นึกถึงดอกกุญแจ Toyota Hilux Mighty-X รุ่นปี 1990!

ภายในห้องโดยสาร: “ยกชุด” จาก Vios แต่ “ใส่ใจ” ในรายละเอียด

เมื่อเสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar กรอบช่องประตูคู่หน้า และเสาหลังคาคู่กลาง B-Pillar ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ การเข้า-ออกเบาะนั่งคู่หน้า จึงเหมือนกันเป๊ะ! แต่การเข้า-ออกประตูคู่อาจต้องระมัดระวังเล็กน้อย เนื่องจากเสา A-Pillar ค่อนข้างลาดเอียง แผงประตูด้านข้าง ออกแบบตำแหน่งวางแขนเหมาะสม ตกแต่งด้วยวัสดุพลาสติกสีเงิน Metallic สลับกับพลาสติกสีดำลายฝีเข็มหลอกๆ มือจับประตูด้านข้างออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือชั่วคราวได้ ช่องวางของด้านล่างใส่ขวดน้ำได้สบาย

เบาะนั่งคู่หน้า เป็นเบาะผ้าสีดำที่ยกมาจาก Vios ใหม่ ติดตั้งมาให้ทุกรุ่น เปลี่ยนแค่ลายผ้าตรงกลางจากสีน้ำเงินเป็นสีส้ม พร้อมตะเข็บสีส้ม เพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต โครงสร้างเบาะนั่งปรับเลื่อนได้มากขึ้น และเบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ ที่สำคัญคือ ด้านหลังเบาะมีการเว้าเพิ่มขึ้น 38 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า

พนักพิงศีรษะเบาะหน้าออกแบบสบาย พนักพิงหลังเว้าลึก โอบกระชับสรีระมากขึ้น แก้ปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิมได้เกือบหมด แต่สิ่งที่ยังน่าตำหนิ คือเบาะรองนั่งที่ยังสั้นไปหน่อย และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด ที่ปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนที่น่าเกลียดมาก เมื่อเทียบกับการใส่ถุงลมนิรภัยมาให้ถึง 2 ใบ

พื้นที่เหนือศีรษะไม่ต่างจาก Vios ใหม่ มีความโปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อนอย่างชัดเจน

การลุกเข้า-ออกประตูคู่หลัง แม้ช่องทางจะกว้างขึ้น แต่ก็ยังต้องก้มหัวลงพอสมควร เพื่อไม่ให้หัวโขกกับกรอบช่องทางเข้า กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หลังเลื่อนเปิดลงสุด แผงประตูคู่หลังมีพื้นที่วางแขนพอใช้งานได้

จุดขายสำคัญ: เบาะหลังที่ “กว้างขวาง” และ “โอ่โถง”

จุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ คือเบาะหลังที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ โอ่โถงที่สุดในบรรดา Eco Car ทั้งหมด พนักพิงรองรับแผ่นหลังและไหล่ได้สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี พนักศีรษะใช้งานได้จริง ยกเว้นพนักศีรษะตรงกลางรูปตัว L คว่ำ ที่อาจจะถอดออกได้

เบาะรองนั่งออกแบบกำลังดี แต่สั้นไปหน่อย พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับคนสูง 171 เซนติเมตร เหลือให้สอดนิ้ว 3 นิ้วได้พอดีๆ ส่วนพื้นที่วางขานั้น ใหญ่สะใจมาก นั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย แม้จะปรับเบาะคนขับในระดับปกติแล้วก็ตาม! ยืนยันได้เลยว่า Yaris ใหม่ มีพื้นที่นั่งโดยสารที่ใหญ่โต โอ่อ่ามากที่สุดในบรรดา Eco Car ที่ผลิตขายในไทย จนถึงปี 2016

เหนือประตูทั้ง 4 บาน มีมือจับยึดเหนี่ยวจิตใจมาให้ครบทุกตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยสำหรับเบาะหลังเป็นแบบ ELR 3 จุดทุกที่นั่ง แต่สำหรับผู้โดยสารตรงกลาง การติดตั้งสายโยงเชื่อมจุดยึดมาที่กึ่งกลางเพดานหลังคา อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่เป็นผลจากการออกแบบที่ต้องคำนึงถึงต้นทุนและความสะดวกในการใช้งาน

พนักพิงเบาะหลังรุ่น G และ E พับแยกฝั่งซ้าย-ขวาได้ในอัตราส่วน 60:40 แต่รุ่น J และ J ECO ต้องพับทั้งแผงลงมาเป็นก้อนเดียว

ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลัง ใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อกับรีโมทกุญแจ Keyless Entry รอบกรอบช่องทางเข้าบุพลาสติกมาเรียบร้อย ฝาประตูค้ำยันด้วยโช้คอัพไฮโดรลิค 2 ต้น มีแผงบังสัมภาระ

ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังยาว 734 มิลลิเมตร มีปริมาตร 326 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าเดินทางแบบสะพายไหล่ 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุเยอะที่สุดในบรรดา Eco Car Hatchback ทุกคันในไทยตอนนี้ ด้านข้างฝั่งซ้ายมีไฟส่องสว่าง และยางอะไหล่ Dunlop SP10 พร้อมเครื่องมือประจำรถ

“หน้าปัด” และ “เครื่องเสียง” ที่คุ้นเคย… ดีไซน์ “สีสัน” ที่แตกต่าง

แผงหน้าปัดยกชุดมาจาก Vios ใหม่ เหมือนกันทุกรายละเอียด แม้กระทั่งลายตะเข็บเส้นด้ายหลอกๆ แต่มีวัสดุตกแต่งที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย กรอบนอกชุดเครื่องเสียงเป็นพลาสติกพื้นผิวเรียบๆ ทั่วไป ไม่ได้มี Texture พิเศษ ฐานคันเกียร์ แผงมือจับประตู และกรอบช่องวางโทรศัพท์มือถือใน Yaris รุ่น G ประดับด้วย Trim สีเงิน

วัสดุบุเพดานหลังคาเป็น Recycle สีดำ แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดมาให้ทั้งสองฝั่ง แต่ไม่มีไฟแต่งหน้ามาให้

สวิตช์กระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บาน เป็นแบบ Auto One-Touch พร้อมสวิตช์ล็อกกระจกหน้าต่างฝั่งผู้โดยสาร และ Central Lock บนแผงประตูฝั่งคนขับ สวิตช์กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า สวิตช์ Push Start อยู่ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ ช่องวางแก้วแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้

พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อม Multi Function ควบคุมชุดเครื่องเสียง ยกมาจาก Vios มี Grip ที่จับถนัดมือ แต่ระยะห่างจากขอบมาตรวัดน้อยมาก ยังดีที่รุ่น G พวงมาลัยหุ้มหนังมาให้ แต่ที่น่าตำหนิ คือไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้แม้แต่รุ่นเดียว ส่วนก้านปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำด้านหน้า มีระบบหน่วงเวลาและปรับระดับได้ เฉพาะรุ่น G และ E

ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม ตำแหน่งสัญญาณไฟเตือนต่างๆ เหมือนกัน ตอนกลางคืนเรืองแสงสีขาว ตัวเลขอ่านง่าย แบ่งขีดความเร็วชัดเจน แม้ลวดลาย Graphic บนพื้นหลังจะใช้โทนสีแดงเป็นหลักเพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต แต่ก็ยังคงเป็นพื้นเรียบๆ ไร้มิติ เหมือนการพิมพ์จากโปรแกรม Paintbrush

เฉพาะรุ่น G จอแสดงข้อมูลตรงกลางเป็นสีส้ม ตัวเลข Digital สีดำ บอกตำแหน่งเกียร์ ระยะทางรวม Trip Meter A/B อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย ความเร็วเฉลี่ย และระยะทางที่น้ำมันยังเหลือ

ชุดเครื่องเสียงเป็นวิทยุ AM/FM พร้อม CD/MP3/WMA 1 แผ่น และมีช่องเสียบ USB และ AUX ถ้าเป็นรุ่น G กับ E มีลำโพง 4 ชิ้น รุ่น J กับ J ECO มีแค่ 2 ชิ้น คุณภาพเสียงพอฟังได้ หน้าจอสีส้ม อ่านภาษาได้ทั้ง อังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น และจีน

สวิตช์เครื่องปรับอากาศรุ่น G เป็นแบบ Digital ยกชุดจาก Vios แต่การใช้งานอาจสร้างความสับสน โดยเฉพาะสวิตช์ฝั่งซ้ายสุด ที่รวมการหมุนเลือกความแรงพัดลม ทิศทางลม และอุณหภูมิไว้ในสวิตช์เดียวกัน ทำให้ต้องละสายตาจากถนนเพื่อเปลี่ยนโหมด

ช่องวางโทรศัพท์มือถือใต้สวิตช์เครื่องปรับอากาศด้านหลังคันเกียร์ ยังคงเป็นปัญหาเดิมเหมือนใน Vios คือถ้าเจอถนนขรุขระ โทรศัพท์อาจหล่นลงมาบนพื้นที่วางขาได้

กล่องเก็บของด้านหน้า Glove Compartment ยกมาจาก Vios เช่นกัน แต่ดูเหมือนใหญ่ ภายนอก กลับใส่ได้แค่คู่มือรถ เอกสารประกันภัย และเหลือพื้นที่น้อยมาก

ในขณะที่ Vios ให้กล่องเก็บของขนาดเล็กพร้อมฝาปิดที่เป็นที่วางแขน Yaris กลับไม่มีอะไรให้มานอกจากเบรกมือ 1 จุด ช่องวางแก้วน้ำสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 1 ตำแหน่ง และช่องเสียบกล่อง CD ที่ใช้งานไม่ได้จริง

ทัศนวิสัย: “โปร่ง” ขึ้น แต่ “ระวัง” จุดบอด

ทัศนวิสัยด้านหน้าไม่แตกต่างจาก Vios เลย แต่เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นเดิม พบว่าดีขึ้นกว่าเดิมอย่างสัมผัสได้ เสา A-Pillar ฝั่งขวา บดบังรถที่แล่นสวนทางบนทางโค้งน้อยลง แต่กระจกมองข้างยังมีกรอบพลาสติกกินพื้นที่เล็กน้อย

เสา A-Pillar ฝั่งซ้าย ยังแอบบดบังรถขณะเลี้ยวกลับในบางรูปแบบ แต่โดยรวมถือว่าโปร่งขึ้นกว่าเดิม กระจกมองข้างฝั่งซ้ายยังมองเห็นรถคันหลังได้ดี เพียงแต่ขอบกระจกด้านล่างอาจถูกกรอบด้านในบดบังเล็กน้อย

สำหรับทัศนวิสัยด้านหลัง เสาหลังคาคู่หลังมีขนาดใหญ่ ทำให้นึกถึง Nissan Tiida Hatchback อาจมีการบดบังรถจักรยานยนต์ที่แล่นตามมาจากด้านหลังฝั่งซ้าย เมื่อต้องการเปลี่ยนช่องทาง ควรกะระยะอย่างระมัดระวัง และอย่าพึ่งพากระจกมองข้างฝั่งซ้ายเพียงอย่างเดียว

วิศวกรรมและสมรรถนะ: ECO Car ที่ “แรง” เกินคาด และ “ประหยัด” เกินคาด?

Toyota ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่ ลดขนาดเครื่องยนต์จาก 1,500 ซีซี มาเป็น 1,200 ซีซี เพื่อให้เข้าสู่กลุ่ม Eco Car โดยเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์รหัส 3NR-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,197 ซีซี พร้อมระบบ Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

เครื่องยนต์นี้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน Eco Car ใช้น้ำมันเครื่อง 0W20 แต่รองรับน้ำมันเครื่องความหนืดอื่นๆ ได้หลากหลาย

เครื่องยนต์นี้ส่งกำลังสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือก Toyota อ้างว่าจากผลวิจัย พบว่าความต้องการเกียร์ธรรมดาในตลาด Eco Car ไทยไม่ถึง 5% อย่างไรก็ตาม มีเสียงลือว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาอาจปล่อย CO2 เกินกว่ากำหนด

Toyota เคลมว่าเกียร์ CVT ลูกนี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ใช้น้ำมันเกียร์ Toyota Genuine CVT Fluid FE และมีท่อหายใจยกสูงเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วม

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 12.4 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 8.2 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง! ตัวเลขนี้ “พอกัน” กับ Toyota Vios 1.5 ลิตร พี่น้องร่วมตระกูล! ทำให้ Yaris 1.2 ลิตร CVT กลายเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก Eco Car ที่ทำตัวเลขอัตราเร่งได้ “เร็วและแรงที่สุด” ในตลาดไทยในขณะนั้น!

สาเหตุที่ Yaris ทำตัวเลขได้ดีกว่าที่คาด อาจมาจาก:
อุณหภูมิ: การทดสอบทำในคืนที่อากาศเย็น (22-23 องศาเซลเซียส) ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota ทดเฟืองท้ายให้ Yaris ใหม่ สูงถึง 5.833:1 ซึ่งสูงกว่ารถทั่วไปอย่างมาก ทำให้การออกตัวและไต่ความเร็วทำได้ดี
น้ำมันเชื้อเพลิง: อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเภทน้ำมันที่ใช้

ความเร็วสูงสุดทำได้ราว 170 กม./ชม. แต่ต้องใช้แรงส่งจากเนินช่วยดัน การขับขี่ใช้งานจริง อัตราเร่งถือว่า “เพียงพอและแรงเกินความคาดหมาย” การใช้คันเร่งในตำแหน่ง S ช่วยให้การตอบสนองดีขึ้น

การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีกว่าที่คิด ในช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. แทบไม่ต้องเพิ่มเสียงพูด แต่หลังจากนั้น เสียงลมจะดังขึ้น

พวงมาลัยเป็นแบบ EPS ปรับน้ำหนักตามความเร็ว แม้จะใช้แร็คเดียวกับ Vios แต่มีการปรับปรุงมอเตอร์ให้หน่วงมือมากขึ้น พวงมาลัยดีขึ้นกว่า Yaris เดิม และมีความนิ่งกว่า Vios แต่ยังคงมีบุคลิกของพวงมาลัยไฟฟ้าที่ “ไร้ชีวิตชีวา” เล็กน้อย

ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็น McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็น Torsion Beam พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ยกชุดจาก Vios แต่มีการปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลและเสถียรภาพมากขึ้น

ช่วงล่างของ Yaris ใหม่ แข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อยเมื่อใช้ความเร็วต่ำ แต่การซับแรงสะเทือนทำได้ดี การทรงตัวในความเร็วเดินทาง 40-140 กม./ชม. ทำได้ดี มีเสถียรภาพคล้าย Vios รุ่น E/G การเข้าโค้งทำได้ดีกว่าที่คาดคิด สามารถเข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้อย่างนิ่งและมั่นใจ

ระบบห้ามล้อเป็นแบบ หน้าดิสก์ – หลังดรัม พร้อม ABS, EBD และ Brake Assist การตอบสนองของเบรกดี เบรกจิกๆ ควบคุมน้ำหนักเท้าได้ง่าย ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ทำงานได้ดี

การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย

Yaris 1.2 L CVT เติมน้ำมันเต็มถัง 42 ลิตร วิ่งไป 92.2 กิโลเมตร เติมน้ำมันกลับ 5.54 ลิตร คำนวณได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.64 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าทำได้ดี เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อเทียบกับ Eco Car คันอื่นๆ

สรุป: “Vios Hatchback” ที่เหนือกว่า… เกือบทุกด้าน

Toyota Yaris ใหม่ คือผลงานที่เกิดจากการประนีประนอมข้อจำกัดต่างๆ จนออกมาเป็น Hatchback ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี Eco Car แต่กลับทำอัตราเร่งได้ดีเกินคาด จน Vios 1,500 ซีซี ต้องอ้าปากหวอ!

จุดเด่น:
สมรรถนะ: อัตราเร่งดีเกินคาด เทียบเท่า Vios 1.5 ลิตร
ช่วงล่าง: ดีเทียบเท่า Suzuki Swift และดีกว่าในบางด้าน เช่น อาการเด้งเมื่อมีผู้โดยสารเยอะ
พื้นที่ภายใน: กว้างขวาง โอ่โถง นั่งสบายกว่าคู่แข่งทุกคันในพิกัด Eco Car
ความประหยัด: ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ดี
การขับขี่: เข้าโค้งได้นิ่งและมั่นใจ เบรกตอบสนองดี

ข้อที่ควรปรับปรุง:
พวงมาลัย: ยังคงมีบุคลิกไฟฟ้าที่ “ไร้ชีวิตชีวา” และควรมีชุดปรับระยะใกล้-ห่าง
เข็มขัดนิรภัย: ควรปรับระดับสูง-ต่ำได้
การออกแบบภายนอก: ด้านหน้าที่ดูดุดัน และไฟท้ายที่ดูแปลกตา
รายละเอียดภายใน: วัสดุบางส่วน และการจัดวางอุปกรณ์บางอย่าง

เมื่อพิจารณาราคาขาย Yaris 1.2 G ตัวท็อป ราคา 599,000 บาท ซึ่งถูกกว่า Vios 1.5 J AT ราคา 589,000 บาท เพียง 10,000 บาท แต่ Yaris ให้ Option มามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งล้ออัลลอย, เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ, Push Start/Smart Entry, จอ MID, พวงมาลัย Multi Function, ที่ปัดน้ำฝนปรับจังหวะได้ และระบบ ABS/EBD

ดังนั้น หากคุณไม่ได้ยึดติดกับเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี หรือต้องการรถ Sedan ท้ายตัด Yaris ใหม่ คือตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง หากคุณกำลังมองหารถยนต์ Eco Car ที่ให้ทั้งความประหยัด ความสบาย และสมรรถนะที่เกินคาด Yaris ใหม่ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม

ถึงเวลาแล้วที่คุณจะค้นพบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่าความคาดหมาย! มาสัมผัส Toyota Yaris ใหม่ ที่โชว์รูมโตโยต้าใกล้บ้านคุณวันนี้ หรือทดลองขับออนไลน์เพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ!

Previous Post

N0101072 กหมดใจ ยโชคด part2

Next Post

N0101076 แม านทำแบบน ทำไม part2

Next Post
N0101076 แม านทำแบบน ทำไม part2

N0101076 แม านทำแบบน ทำไม part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0101001 ณหมอแอบแซบก บพยาบาล งๆท เขาก แฟนเป นพยาบาลเหม อนก part2
  • N0101017 แม านก บค ณนายม แฟนเป นคนเด ยวก แบบน จะทำไงต part2
  • N0101007 ให พน กงานใส แพมเพ สทำงาน และห ามใครไปเข าห องน part2
  • N0101015 กโทษหญ งหน ดวงซวยด นไปฉ หล งรถตำรวจ แต เธอขอไปเจอคนๆน part2
  • N0101006 ชายคนน เส ยความทรงจำ จนเขาไม าสองคนน ใครค อแฟนของเขา part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.