Motor Expo 2010: ส่องดาวเด่นยานยนต์แห่งปี กับมุมมองจากผู้คร่ำหวอด
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในฐานะของนักข่าวสายยานยนต์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการมานานกว่าทศวรรษ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ผมมองเห็นเทรนด์และวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมรถยนต์ได้อย่างชัดเจน ปีนี้ งาน Motor Expo หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 27 ที่จัดขึ้น ณ Challenger Hall ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2553 ถือเป็นงานที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยการมาถึงของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายรุ่น บางคันถึงขั้นเป็นการเปิดตัว รถโปรโตไทป์ ครั้งแรกในโลกเลยทีเดียว แม้จะยังไม่พร้อมวางจำหน่ายจริงก็ตาม
ตามสไตล์ของผมเอง ผมไม่ได้มองหามุมที่จริงจัง หรือมุมที่ต้องเป็นทางการมากนักในการทำข่าว เพียงแค่เดินทักทายผู้คน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถ่ายภาพบรรยากาศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่เน้นความสมบูรณ์แบบ แต่เน้นการเก็บภาพความรู้สึก และความประทับใจที่ได้พบเจอ การเดินสบายๆ พูดคุยเรื่อยเปื่อย ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็แอบตกใจว่า “นี่มันจะสองทุ่มแล้วหรือนี่”
โชคดีในปีนี้ ผมได้เลือกรองเท้า Adidas คู่ใหม่จากญี่ปุ่นมาสวมใส่ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้อย่างมาก ต่างจากเพื่อนร่วมงานอย่าง “ตาแพน” Commander CHENG ของเรา ที่ต้องทนกับอาการปวดขาจากรองเท้าคู่เก่าจนแทบจะเดินไม่ไหว แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในช่วงบ่ายๆ หรือเย็นๆ ของวัน ผมก็ยังต้องสลับหน้าที่กับ “ตาหน่อย” จาก mxPhone.com ในฐานะ Partner และสมาชิกของ The Coup Team มาเป็นตากล้องจำเป็น ช่วยถ่ายทำรายการ The Coup Channel ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
หลังจากงานรอบสื่อมวลชนผ่านพ้นไป และผมได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้เรามาสำรวจกันดูดีกว่าครับว่า ไฮไลท์รถยนต์ใหม่ ใน งาน Motor Expo 2010 ที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง
BMW / MINI: สองแบรนด์หรู กับการปรากฏตัวที่น่าสนใจ
บูธของ BMW และ MINI ในปีนี้ มีรถยนต์รุ่นใหม่มาจัดแสดงถึง 3 รุ่น แน่นอนว่า BMW 520d และ 525d ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะ BMW 525d ที่เคาะราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4.4 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยตามที่ Mr. Beaver ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรของ BMW Thailand ได้ยืนยันไว้ก่อนหน้านี้
ส่วน MINI Countryman ที่จอดแสดงอยู่ใกล้เคียง ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ผู้คนแห่แหนมามุงดูจนแทบจะไม่มีโอกาสได้เก็บภาพรถคันจริงแบบเต็มๆ โดยไม่มีผู้คนติดมาในเฟรมเลย นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI ได้เป็นอย่างดี
Chevrolet: การบ้านพร้อม กลยุทธ์ใหม่ ท้าชนตลาด
ในวันเปิดตัว เราได้เห็นแต่ Chevrolet Cruze รุ่น LTZ แต่ในวันนี้ เราก็ได้เห็นรุ่นล่างๆ อย่าง LS, LT มาครบเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าฝ่ายการตลาดของ Chevrolet ได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี และถือเป็นการแก้เกมจากปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนการเปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจ
นอกจากนี้ Aveo CNG ยังเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวในงานนี้ และสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการตลาดของ Chevy ที่เริ่มจับจุดความต้องการของผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นความประหยัดสูงสุด การมาถึงของ Aveo CNG ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้อย่างตรงจุด
Citroën: การกลับมาของดีไซน์ที่น่าหลงใหล
หลังจากการปรับโครงสร้างภายใน ยนตรกิจได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 กลุ่ม โดย DAD จะรับผิดชอบการทำตลาดรถยนต์ในกลุ่ม Audi, MTM, Citroën และรถยนต์จากประเทศจีน ซึ่งรวมถึงรถตู้ FOTON ที่ดูเหมือนจะดัดแปลงมาจาก Toyota Hiace Commuter รุ่นก่อนหน้า
แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากเป็นพิเศษคือการนำ Citroën DS3 เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการเสียที รถรุ่นนี้มีความสวยงาม และน่าใช้งานอย่างยิ่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แต่ตั้งราคาไว้ที่ 1.495 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจมาก ผมมองว่านี่คือรถที่ตอบคำถามได้ดีว่า ถ้า Citroën ต้องการสร้างรถมาแข่งกับ MINI จะออกมาเป็นเช่นไร การกลับมาของ Citroën ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการกลับมาของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และน่าหลงใหลอีกครั้ง
FIAT: Fiat 500 เครื่องยนต์ดีเซล คือตัวชูโรง
พระนครยนตรการ ยังคงเดินหน้าทำตลาดรถยนต์ Fiat และ Alfa Romeo ต่อไป แม้ว่า Alfa Romeo จะเริ่มเงียบหายไปแล้ว แต่ Fiat 500 ยังคงเป็นสินค้าหลักที่จะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้ นอกเหนือจากการขายรถ Proton
ในปีนี้ บูธของ Fiat มีการตกแต่งที่สวยงาม และมีการนำ Fiat 500 เครื่องยนต์ดีเซล เข้ามาวางจำหน่าย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Ford: Fiesta ยังคงโดดเด่น รอคอยกระบะตัวใหม่
Ford Fiesta ยังคงเป็นดาวเด่นบนแท่นจัดแสดงขนาดใหญ่ใน Motor Expo เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา การมีพื้นที่บูธที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ Ford สามารถนำรถมาจัดแสดงได้หลากหลายรุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงไร้วี่แววของกระบะตัวใหม่ ที่คาดว่าจะเปิดตัวในไทยช่วงปลายปีหน้า
Honda: BRIO World Premier สร้างปรากฏการณ์รถเล็ก Eco Car
การเผยโฉม Honda Brio ซึ่งถือเป็นการเปิดตัว World Premier ทำให้รถยนต์ในกลุ่ม Sub-B-Segment หรือ A-Segment กลายเป็นดาวเด่นประจำงานนี้ไปโดยปริยาย ประธาน Honda ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า Brio จะพร้อมวางจำหน่ายจริงในเดือนมีนาคม 2554 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 400,000 บาทไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของ Honda กับรถยนต์ Eco Car คันนี้
Honda ทุ่มทุนกับการเปิดตัวครั้งนี้อย่างมาก ถึงขั้นต้องขอเช่าพื้นที่ด้านหลังอาคารเพิ่มเติมเพื่อติดตั้งระบบส่งสัญญาณถ่ายทอดสดการเปิดตัว ซึ่งทำให้บริเวณบูธ Honda คึกคักเป็นพิเศษ บรรดาสื่อมวลชนจากอินเดียที่ได้รับเชิญมาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ ต่างจับจองพื้นที่ด้านหน้ากันอย่างหนาแน่น
Hyundai: Grand Starex ตัวยืน, i-Blue ต้นแบบ
Hyundai มาพร้อมกับ Grand Starex รถตู้รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป และรถต้นแบบ i-Blue สีฟ้า ที่ถูกคลุมด้วยผ้าอย่างมีชั้นเชิง ถือเป็นลูกเล่นในการจัดแสดงที่น่าสนใจ
Isuzu: D-Max X-Series เจาะกลุ่มวัยรุ่น รอคอย D-Max รุ่นต่อไป
ภาพลักษณ์ที่เคยเป็น “ลูกทุ่ง” ของ Isuzu ได้หายไปจากบูธอย่างสิ้นเชิงในปีนี้ Isuzu เน้นการจัดแสดง D-Max X-Series เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และผู้ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้งอย่างชัดเจน สิ่งที่ทั้งวงการอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเรากำลังจับตามองคือ การเปิดตัว D-Max รุ่นต่อไป ในปี 2554 ภายใต้รหัสโครงการ RT-50 กลยุทธ์ทางการตลาด และการสื่อสารจะเป็นอย่างไร จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วนหรือไม่ เป็นสิ่งที่เราต้องติดตามกันต่อไป
Land Rover: SUV ยกทัพ บุก Motor Expo
British Motor ผู้นำเข้าและจำหน่าย Land Rover ได้พื้นที่บูธที่ใหญ่โตน่าตกใจในปีนี้ และได้ขนทัพ SUV มาจัดแสดงแทบจะครบทุกรุ่นในโกดัง
LEXUS: CT200h Hybrid เปิดตัวเซอร์ไพรส์
บูธเล็กๆ แต่มีของใหม่ที่สร้างความเซอร์ไพรส์อย่างมาก คือ LEXUS CT200h รถยนต์ Hybrid ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก เหมาะสำหรับคนโสดที่ชอบขับรถมากกว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว พื้นที่นั่งด้านหลังค่อนข้างคับแคบ แต่ด้วยราคาที่คาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นเพียง 2.2 ล้านบาท ทำให้รถคันนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
Mazda: Ryuga ต้นแบบ, Mazda 2 Navi และโปรโมชั่นพิเศษ
Mazda นำรถต้นแบบ Ryuga มาโชว์ พร้อมด้วยรถตกแต่งพิเศษจากคุณพีท ทองเจือ และ Mazda 2 Navi รุ่นพิเศษที่มาพร้อมระบบนำทางจากโรงงาน รวมถึง BT-50 รุ่นพิเศษ นอกจากนี้ ยังเป็นเบื้องหลังการถ่ายทำรายการ The Coup Channel ตอนใหม่ ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับทีมงานเป็นอย่างมาก
Mercedes-Benz: E250 CGI Blue Efficiency T-Model ตัวถัง Station Wagon
Mercedes-Benz Thailand ได้สนับสนุนการจัดบูธในรูปแบบโชว์รูมจำลองที่น่ารักน่าชัง โดยรถรุ่นใหม่ประจำบูธ นอกจาก R-Class Minorchange และ Vito รุ่นต่างๆ แล้ว ยังมี E250 CGI Blue Efficiency T-Model ตัวถัง Station Wagon ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งหลายคนอาจมองว่าสวยงาม และน่าใช้กว่ารุ่น Saloon เสียอีก
Mitsubishi Motors: i-MIEV Sport และ Lancer EX Wrap เหลืองดำ
Mitsubishi Motors นำ i-MIEV Sport รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า มาจัดแสดง พร้อมด้วย Lancer EX ที่ได้รับการ Wrap เป็นสีเหลืองหลังคาดำ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ที่เดินผ่านไปมา นอกจากนี้ Lancer CNG และ Triton CNG ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่อง ส่วน Pajero Sport และ Triton จะยุติการผลิตเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร และจะเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร VGT ตัวใหม่ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2554
Nissan: March Autech และ X-Trail รุ่นพิเศษ
Nissan แม้จะมี 370Z มาจอดอวดโฉม แต่รถใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ คือ March Autech ชุดแต่งแนวสปอร์ต และ X-Trail รุ่นย่อยพิเศษ รวมถึง Navara Minorchange สีดำ สำหรับปีหน้า Nissan มีแผนจะส่งรถยนต์รุ่นใหม่มาอย่างเต็มที่
Peugeot: RCZ สปอร์ตคูเป้ สัญชาติฝรั่งเศส
ตามสัญญาที่ให้ไว้ Peugeot ได้เปิดตัว RCZ รถสปอร์ตคูเป้ที่หลายคนรอคอย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร Turbo 156 แรงม้า (BHP) ในราคา 2.95 ล้านบาท และมีรุ่น 200 แรงม้า ราคา 3.1 ล้านบาท ที่น่าสนใจยิ่งกว่า นอกจากนี้ยังมี 207 CC Sport ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ MINI Cooper ธรรมดา
Proton: Saga Minorchange เปิดตัวครั้งแรกในโลก
Proton Saga รถยนต์ Sub-B Segment Sedan ขนาดเล็ก ได้เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย และที่พิเศษคือ รุ่นที่เห็นนี้คือ Proton Saga Minorchange ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย พร้อมเครื่องยนต์ Campro 1.3 ลิตร ในราคาที่ใกล้เคียงกับ Savvy
RUF: การกลับมาของสำนักแต่ง Porsche
การกลับมาของ RUF ถือเป็นเรื่องฮือฮาสำหรับนักนิยมความแรงในไทย RUF เป็นสำนักแต่งที่มีสิทธิ์ตอก VIN Number ลงบนตัวรถได้ตามกฎหมายเยอรมัน แม้จะใช้พื้นฐานจาก Porsche ก็ตาม แต่เนื่องจากมีผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก ผมจึงไม่มีโอกาสได้เข้าถึงรายละเอียดของรถที่นำมาจัดแสดงได้
SsangYong: Korando โฉมใหม่ ดีไซน์น่าประทับใจ
SsangYong กลับมาพร้อมกับ Korando โฉมใหม่ ที่พลิกโฉมจากรุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง ดีไซน์สวยงาม น่าประทับใจ จนอาจทำให้หลายคนสับสนว่าเป็นรถจากค่ายอื่น ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของ SsangYong
Subaru: Impreza WRX A-Spec และพริตตี้สุดเซ็กซี่
Subaru โดย Motor Image เปิดตัว Impreza WRX A-Spec เกียร์อัตโนมัติ พร้อมดึงดูดสายตาด้วยพริตตี้สุดเซ็กซี่ ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย
Suzuki: SX4 และ ECO Car ที่จะมาในปี 2012
Suzuki มาพร้อมกับ SX4 ประกอบอินโดนีเซีย เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ราคา 799,000 บาท ส่วนรถยนต์ ECO Car คันใหม่จะมาถึงในปี 2555 ชนกับ Mitsubishi
TATA MOTORS: Indica EV และ Nano เตรียมบุกไทย
Tata Motors นำรถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า Indica EV มาจัดแสดง พร้อมเตรียมทำตลาด Tata Nano ในประเทศไทย
TOYOTA: Prius Hybrid สต็อกแน่น
Toyota ขน Prius มาจัดแสดงจำนวนมาก รถยนต์ Hybrid รุ่นที่ 2 ที่ประกอบขายในเมืองไทย มีการยืนยันว่าทนทาน และสามารถขึ้นทางชันได้สบายหลังจากการปรับจูนให้เข้ากับสภาพเมืองไทยแล้ว
VOLVO: XC60 D3 CKD และ S60 ใหม่
Volvo เปิดตัว XC60 D3 CKD และ S60 ใหม่ 2.0T ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ทำให้บูธ Volvo คึกคักไปด้วยผู้คน
Volkswagen: Golf GTI และ Scirocco ยังคงความนิยม
Volkswagen ยังคงทำตลาดรถยนต์รุ่นเดิม โดย Golf GTI และ Scirocco ยังคงได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน
Super Car: สีสันจาก Gray Market
ในปีนี้ เราได้เห็น Super Car จากผู้นำเข้ารายย่อย Gray Market จำนวนมาก เช่น Ferrari California ที่จอดอยู่ในพื้นที่ของ TSL ซึ่งก็ยากที่จะเก็บภาพสวยๆ ได้
ภาพรวม Motor Expo 2010: เทรนด์ Eco-Friendly มาแรง
โดยรวมแล้ว งาน Motor Expo 2010 ไม่ได้กร่อยอย่างที่หลายคนกังวล มีรถยนต์ที่น่าสนใจมากมาย และที่สังเกตได้ชัดเจนคือ บรรยากาศการขายอาจลดน้อยลงเล็กน้อย เพราะแต่ละค่ายพยายามนำเสนอ รถยนต์เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม มาจัดแสดงกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดีของอุตสาหกรรมยานยนต์
มหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2553 ที่ Challenger Hall IMPACT เมืองทองธานี ถือเป็นงานส่งท้ายปีที่คนรักรถไม่ควรพลาด และสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ งานนี้คือโอกาสที่ดีในการเปรียบเทียบ และตัดสินใจ
สำหรับผมแล้ว ผมจะแวะเวียนไปเดินชมงานอีกครั้งในวันธรรมดาที่คนน้อยกว่านี้ เพื่อเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด แล้วเจอกันที่งานครับ!
Motor Expo 2012: Mercedes-Benz B-Class W246 – การเดินทางของ “รถนอกสายตา” สู่ประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย
หลายเดือนหลังจากการปรากฏตัวของ Mercedes-Benz B-Class ในงาน Bangkok International Motor Show 2012 ณ บูธของ Mercedes-Benz Thailand ที่เต็มไปด้วยสีสันจากการแสดงดนตรีของ CEO และ Mr.Saxman อันน่าตื่นตาตื่นใจ ผมยังคงจำภาพของ “Zipboy” นักรีวิวโทรศัพท์มือถือ และแฟนสาวที่กำลังชื่นชม B-Class สีแดงสด คันนั้นอยู่ แต่ในใจผมตอนนั้น คิดเพียงว่า “คงไม่ต้องรีวิวหรอก ใครจะไปสนใจ Benz แปลกๆ แบบนี้”
ทว่า ความคิดนั้นก็กลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิง ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ผมได้ติดต่อไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Mercedes-Benz Thailand เพื่อขอยืม SLK รถสปอร์ตเปิดประทุน มาทำรีวิว แต่ด้วยภารกิจที่รถคันดังกล่าวเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพรถเริ่มใกล้ถึงเกณฑ์ที่ต้องนำกลับไปปรับสภาพเพื่อจำหน่ายเป็นรถมือสอง
“อืม… เอางี้ เอา B-Class ไปขับไหม?” คำถามของพี่ป้อม เยาวเรศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำให้ผมแทบจะอุทานออกมา “โห! พี่ป้อม จากรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง เปิดประทุน กลายเป็นรถขนผ้าอ้อม 5 ที่นั่ง ทรง Tall Boy ขับเคลื่อนล้อหน้าของ Mercedes-Benz เนี่ยนะ?” เป็นการพลิกอารมณ์ที่แทบตั้งตัวไม่ทัน
แต่แล้ว เสียงอีกด้านหนึ่งในสมองก็ตะโกนก้อง “เฮ้ย ไอ้จิม! เอ็งลองดูก่อนสิ! มันไม่เสียหายหรอก โอกาสที่จะได้ลองขับ Mercedes-Benz ขับเคลื่อนล้อหน้าเนี่ย มันไม่ได้มีบ่อยๆ นะเว้ย!” ผมจึงตอบตกลงไป โดยลืมไปว่าเรามีเวลาเพียง 3 วัน 2 คืน ในการสัมผัสกับรถคันนี้ และท้ายที่สุด ผมก็เริ่มค้นพบว่า “อยากจะขอยืดเวลาอยู่ด้วยกันออกไปอีกสักวันเดียวก็ยังดี”
Mercedes-Benz B-Class W246: ความแปลกประหลาดที่มาพร้อมสมรรถนะเกินคาด
B-Class ที่ถูกมองข้ามไปคันนี้ มีรูปทรงที่พยายามจะดูโฉบเฉี่ยวภายใต้มาตรฐานของรถ Minivan 5 ประตู แต่ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอก ผมกลับพบ “ความน่าประหลาดใจ” ในหลายประเด็น แทบจะทั้งคัน
Benz อะไรวะ? ตัวก็เหมือนจะใหญ่ แต่ก็เล็ก ดูเหมือนจะเล็ก แต่ข้างในกลับใหญ่โต แรงก็ใช้ได้ แถมยังประหยัดสุดขีด ค่าตัวก็ตั้งมาแปลก คือราคาพอกันกับ C-Class ประกอบในประเทศไทย ในระดับ 2,490,000 บาท! นี่คือรถที่รวมความแปลกๆ ไว้มากมาย
ความเป็นมาของ B-Class: การก้าวข้ามขีดจำกัดของ Mercedes-Benz
ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 ก่อนที่ Daimler-Benz จะเข้าร่วมกิจการกับ Chrysler เป็น DaimlerChrysler ในปี 1998 Mercedes-Benz มีแนวคิดที่จะขยายทางเลือกของรุ่นรถยนต์และรูปแบบตัวถังให้หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากรถสปอร์ตเปิดประทุนขนาดเล็ก, รถ Coupe 2 ประตู หรือ SUV หนึ่งในรูปแบบที่พวกเขาคิดคือ รถยนต์ Minivan ในรูปแบบที่แตกต่างจากคู่แข่งทั่วไป ต้องมีบุคลิกของรถเก๋ง Sedan และรถยนต์ Station Wagon ผสมผสานเข้าไปด้วย
เมื่อ Mercedes-Benz A-Class รุ่นแรกที่ใช้โครงสร้างวิศวกรรมขับเคลื่อนล้อหน้าแบบ Sandwich Platform เปิดตัวสู่ตลาดในปี 1997 สื่อมวลชนในยุโรปคาดเดาว่าจะมีรถยนต์จากโครงสร้างเดียวกันนี้ตามออกมา และพวกเขาก็คิดถูก แต่กว่าที่ Mercedes-Benz จะมั่นใจในตลาดกลุ่มนี้ จนพร้อมผลิตออกมาขาย เราต้องรอจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2005 อันเป็นวันที่ Mercedes-Benz เผยโฉม B-Class รหัสรุ่น W245 รถยนต์นั่งแบบท้ายตัด 5 ประตู รุ่นใหม่ ที่พวกเขาให้นิยามว่า “Compact Sport Tourer” ไม่ใช่ Minivan แม้ว่ารูปแบบตัวรถจะบ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้นก็ตาม พวกเขาเน้นย้ำความแตกต่างด้วยสโลแกน “The Mercedes-Benz, unlike any other”
แน่นอนว่ามันไม่เหมือนพี่น้องร่วมตระกูลรุ่นใดที่ Mercedes-Benz เคยสร้างมา มันมี 5 ที่นั่ง ปรับเบาะแถว 2 ได้อย่างอเนกประสงค์ ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวยุคใหม่ และผู้ใหญ่วัยเกษียณ ที่มองหารถยนต์รูปแบบใหม่ ที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายกว่ารถเก๋ง 4 ประตูทั่วไป การเปิดตัวเกิดขึ้นที่ Geneva Auto Salon เดือนมีนาคม 2005 ร่วมกับ R-Class และเริ่มวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
อย่างไรก็ตาม ยอดขายสะสมจนสิ้นสุดอายุตลาดเมื่อเดือนกันยายน 2011 อยู่ที่ 700,000 คัน แม้ในปี 2011 เพียงปีเดียว จะมียอดสั่งซื้อถึง 52,640 คัน เพิ่มขึ้น 26.8% จากปี 2010 แต่ก็ยังถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในแง่ของการพูดถึง หรือการเป็นตัวเลือกแรกๆ ในใจลูกค้า B-Class ยังไม่โดดเด่นพอที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจได้ในแรกเห็น ต้องรอให้ลูกค้าพิจารณาจนถึงทดลองขับ จึงจะพบว่านี่คือรถที่เหมาะกับพวกเขา
ในประเทศไทย Mercedes-Benz B180 ที่นำเข้ามาขาย ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าที่ควร เมื่อบอกว่าเป็นรถขับล้อหน้า ก็มีเสียงต่อต้านและคำถามกลับมาว่า “ค่าตัวระดับนั้น หาซื้อรถอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ?” และขนาดตัวถังก็ไม่ได้ต่างจาก A-Class มากนัก หน้าตาคล้าย A-Class มาขยายฐานล้อ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจว่า “สู้ซื้อ A-Class มาใช้เลยดีกว่า หรือหันไปเล่นยี่ห้ออื่นดีกว่าไหม?”
B-Class W246: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อความแตกต่าง
เมื่อบอร์ดผู้บริหารอนุมัติให้เดินหน้าทำ B-Class รุ่นที่ 2 ในรหัสตัวถัง W246 ทีมออกแบบและวิศวกร จึงต้องตัดสินใจ “ผ่าตัด” B-Class ครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความแตกต่างจาก A-Class ให้มากขึ้น ด้วยการแยกแนวทางการออกแบบ A-Class ใหม่ ออกจาก B-Class ใหม่ อย่างสิ้นเชิง แม้ว่าโครงสร้างวิศวกรรมพื้นฐาน เครื่องยนต์กลไก และระบบไฟฟ้าจะยังคงใช้ร่วมกัน บนพื้นฐานของแพลตฟอร์มใหม่สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า MFA (Mercedes-Benz Front-wheel-drive Architecture) ซึ่งจะใช้ร่วมกันในรถยนต์รวมทั้งหมด 4 รุ่น คือ A-Class Hatchback 3 และ 5 ประตู, B-Class และอาจรวมถึงรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้
Dr. Thomas Weber สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ของ Daimler AG. ได้กล่าวว่า “ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของ Mercedes-Benz ไม่เคยมีรถยนต์รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันรุ่นใด ที่อัดแน่นไปด้วยพัฒนาการใหม่ๆ มากเท่านี้มาก่อน”
การออกแบบที่ลู่ลมและประหยัดพลังงาน
การออกแบบภายนอกของ B-Class ใหม่ เป็นผลงานของทีมออกแบบราว 20 คน ภายใต้การดูแลของ Professor h.c. Gorden Wagener หัวหน้าฝ่ายออกแบบของศูนย์ Advanced Design Studio หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของทีมวิศวกรคือการลดแรงเสียดทานในชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะการเพิ่มความลู่ลมขณะแหวกอากาศของตัวรถ ทีมวิศวกรทำงานอย่างหนักกว่า 1,100 ชั่วโมง ในการลดชิ้นส่วนต้านลม หรือออกแบบขึ้นมาใหม่ รวมถึงการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอุโมงค์ลม จนได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำมาก เพียง Cd 0.26 ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดเท่าที่รถยนต์รูปแบบ Minivan 5 ประตู สำหรับผลิตจำหน่ายจริงเคยทำได้ และสามารถติดโลโก้ Blue Efficiency อันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อลดแรงเสียดทาน ทำให้ตัวรถเบาขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
การเปิดตัวและตลาดในประเทศไทย
Mercedes-Benz ตั้งความหวังกับ B-Class ใหม่ ไว้สูงมาก โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 1.5 ล้านคันภายในปี 2558 ซึ่งนำไปสู่การลงทุนปรับปรุงโรงงานที่ฮังการีและเยอรมนี เพื่อการผลิตรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ
ภาพถ่ายชุดแรกของ B-Class 2nd Generation รหัส W246 ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 ตามด้วยภาพภายในห้องโดยสาร และวันที่ 25 สิงหาคม 2554 คือวันที่ภาพถ่ายอย่างเป็นทางการของ B-Class ใหม่ ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก พร้อมกับการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Frankfurt Motor Show ในวันที่ 30 สิงหาคม 2554
สำหรับในประเทศไทย Mercedes-Benz Thailand ตัดสินใจสั่งนำเข้า B-Class มาขายในรุ่น B180 ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นครอบครัว หรือผู้สูงอายุที่ต้องการรถขนาดไม่ใหญ่ นั่งสูง ขับคล่องแคล่ว ใช้งานในเมือง และมีห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ประหยัดน้ำมัน
หลังจากการจำหน่ายในยุโรปเพียง 4 เดือน B-Class ใหม่ ก็ถูกส่งมาถึงประเทศไทย พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Bangkok International Motor Show เมื่อเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเมื่อเทียบกับขั้นตอนการนำเข้ารถยนต์ที่ต้องผ่านการขออนุญาต การทดสอบด้านมลพิษ การฝึกอบรมช่าง และการเตรียมอะไหล่
รายละเอียดทางเทคนิคและสมรรถนะ
ในตลาดโลก B-Class ใหม่ W246 มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ 4 รุ่นย่อย ได้แก่ เบนซิน 2 ขนาด และดีเซลเทอร์โบ 2 ขนาด บนพื้นฐานระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทุกขุมพลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 7 จังหวะ 7G-DCT
สำหรับในประเทศไทย Mercedes-Benz Thailand สั่งนำเข้าเพียงรุ่นเดียว คือ B200 Blue Efficiency รุ่นท็อปสุด วางเครื่องยนต์ M270 บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,595 ซีซี เทอร์โบ 156 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,250 – 4,000 รอบ/นาที (Flat Torque)
การทดลองขับ: สมรรถนะที่น่าทึ่ง
การทดลองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เฉลี่ยอยู่ที่ 9.58 วินาที และอัตราเร่งแซง 80-120 กม./ชม. เฉลี่ยอยู่ที่ 7.42 วินาที ความเร็วสูงสุดบนมาตรวัดอยู่ที่ 225 กม./ชม. ตัวเลขเหล่านี้ถือว่าน่าประทับใจมากสำหรับรถยนต์ทรง Minivan
B-Class คันนี้ ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน โดยเฉพาะในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3,000-5,000 รอบ/นาที ที่แรงบิดพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดี แม้จะใช้ความเร็วสูง เสียงยางจากพื้นถนนยังมีให้ได้ยินบ้าง แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ
พวงมาลัยและการควบคุม: ความคล่องตัวที่เหนือความคาดหมาย
ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงตามความเร็วแบบ Speed-Sensitive วงเลี้ยวแคบมาก ทำให้การกลับรถในที่แคบทำได้ง่าย พวงมาลัยเซ็ตมาไวมาก ให้ความคล่องตัวขณะขับขี่ในเมือง แต่ก็ยังคงความมั่นใจได้ดีในย่านความเร็วสูง
ช่วงล่างและระบบเบรก: นุ่มนวล มั่นคง และปลอดภัย
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบสตรัท และด้านหลังแบบปีกนก เซ็ตมาในแนว Comfort เน้นความนุ่มนวลขับสบาย ช่วงล่างทำงานสัมพันธ์กันลงตัว ให้ความรู้สึกแน่นหนึบ มั่นใจได้ขณะเข้าโค้ง ระบบเบรก ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ ครบครัน เช่น ESP, ABS, BAS, ASR และระบบ PRE-SAFE
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: น่าทึ่งเกินคาด
จากการทดลองวิ่งบนเส้นทางมาตรฐาน พบว่า Mercedes-Benz B200 Blue Efficiency ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยได้ถึง 16.31 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมาก เทียบเท่ากับรถยนต์ B-Segment Sub-Compact หรือ Eco Car หลายรุ่น
สรุป: ความแปลกที่มาพร้อมความคุ้มค่า
Mercedes-Benz B-Class W246 คือรถยนต์ที่ “แปลกประหลาดเกือบทั้งคัน” แต่ขับดีเกินความคาดหมายอย่างมาก มันเปลี่ยนความคิดของผมที่มีต่อรถรุ่นนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ความใส่ใจในการพัฒนาให้ตัวรถมีแรงเสียดทานน้อยลง เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ทรงพลังขึ้น ผสานกับช่วงล่างที่นุ่มสบาย พวงมาลัยที่คล่องตัว และอัตราสิ้นเปลืองที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ B-Class คันนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
สิ่งที่อยากเห็นการปรับปรุงเพิ่มเติม คือ การย้ายตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติกลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติ เพื่อลดความสับสนในการใช้งาน การเพิ่มความยาวของเบาะรองนั่งด้านหลัง และการเก็บเสียงยางจากพื้นถนนให้ดีขึ้น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย น่าจะเป็นครอบครัวรุ่นใหม่ ที่มองหารถยนต์ Benz ที่มีความทันสมัย ขับสนุก แต่ยังคงความสบาย และประหยัดน้ำมัน หรือผู้ที่ต้องการรถ Benz สำหรับใช้งานในเมืองเป็นหลัก โดยมีตัวเลือกคู่แข่งที่น่าสนใจอย่าง BMW X1 ซึ่งแม้ราคาถูกกว่า แต่ห้องโดยสารเล็กกว่า และสมรรถนะด้อยกว่าในบางด้าน
B-Class ไม่ใช่รถสำหรับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่เปิดกว้าง และมองหารถยนต์ที่แตกต่างจากรถ Benz แบบดั้งเดิม B-Class คันนี้ อาจเป็นคำตอบที่ลงตัวของคุณ

