โตโยต้า ยาริส ใหม่: การกลับมาพลิกโฉมวงการ Eco Car ที่มาพร้อมความแปลกใจ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่า 10 ปี ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์หลายต่อหลายรุ่นที่เข้ามาสู่ตลาดไทย แต่มีไม่กี่รุ่นที่จะทิ้งรอยประทับที่ลึกซึ้งและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง และหนึ่งในนั้นคือ Toyota Yaris รุ่นใหม่ ซึ่งเปิดตัวในยุคที่ตลาดรถยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ การมาถึงของ Yaris ใหม่ ไม่ใช่แค่การปรากฏตัวของรถยนต์ Eco Car อีกคัน แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความตั้งใจของวิศวกรและความต้องการของตลาด ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
การออกแบบที่กล้าหาญ: จุดเริ่มต้นของกระแสวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อสองปีก่อน ผมได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับ Yaris รุ่นใหม่ จากการคาดการณ์ของคนในวงการ ที่กล่าวถึงดีไซน์ที่ “เหลี่ยม” และ “สปอร์ต” จนผมอดกังวลไม่ได้ หาก Yaris จะเดินตามรอย Mitsubishi Lancer EX ที่เน้นความดุดันมากเกินไป ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลักของ Eco Car ที่ผู้หญิงเป็นสัดส่วนใหญ่ และมักชื่นชอบรถที่มีเส้นสายโค้งมนน่ารัก
เมื่อภาพ Yaris ใหม่ ถูกเผยแพร่ออกมาจากการเปิดตัวในงาน Auto Shanghai 2013 ยิ่งตอกย้ำความกังวลของผม ด้านหน้าที่ดูคล้าย Mitsubishi RVR หรือ Lancer EX ประกอบกับชุดไฟท้ายที่มีรูปลักษณ์แปลกตา จนบางคนเปรียบเทียบกับ “ก้อนน้ำมูก” ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า “นี่คือจุดจบของ Yaris ในตลาดผู้หญิงแล้วหรือ?” และต้องอาศัยกลยุทธ์การตลาดที่เน้นสีสันสดใสเพื่อดึงดูดใจ
บริบทตลาดที่ท้าทาย: การเปิดตัวในช่วงเวลาที่ไม่เป็นใจ
การเปิดตัว Yaris ใหม่ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไทยกำลังปั่นป่วนหลังสิ้นสุดโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกในปี 2011-2012 ผู้ผลิตต่างเร่งกำลังการผลิต แต่เมื่อกำลังซื้อหดหายในปี 2013 รถยนต์ค้างสต็อกจำนวนมาก ทำให้ต้องงัดโปรโมชั่นสุดแรงเพื่อระบายสต็อก กลุ่ม B-Segment และ Eco Car ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่รถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในช่วงนี้ จะต้องเตรียมใจรับมือกับยอดขายที่อาจไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร
Yaris ใหม่ ก็ไม่พ้นจากชะตากรรมนี้ ร่วมกับ Vios พี่น้องร่วมแพลตฟอร์ม การเปิดตัว Yaris ในเวลานี้ อาจเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่ Toyota ต้องดำเนินการ เพื่อไม่ให้การเลื่อนยาวออกไปอีก กระแสการพูดถึง Yaris ใน Social Media จึงบางตาอย่างผิดคาด จนแทบถูก Nissan Teana ที่เปิดตัวก่อนหน้าเพียงวันเดียว กลบกระแสไปจนหมด
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด: เมื่อ Yaris พิสูจน์ตัวเอง
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ภาพที่เห็นกลับตรงกันข้าม กระแสการพูดถึง Yaris กลับมาคึกคักขึ้นบนโลก Social Media และที่สำคัญ ปริมาณ Yaris ใหม่ ที่วิ่งบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มเปิดใจให้กับรถยนต์ดีไซน์แปลกตานี้แล้ว
คำถามที่ค้างคาใจหลายคน คือเรื่องสมรรถนะ อัตราเร่ง การประหยัดน้ำมัน การขับขี่ พวงมาลัย ช่วงล่าง และที่สำคัญ คือ “ควรซื้อหรือไม่?” หากจะซื้อ ควรเลือกรุ่นย่อยใด? Yaris ควรถูกเปรียบเทียบกับ Swift หรือควรเลือก Yaris แทน Vios?
สิ่งที่ผมจะเปิดเผยในรีวิวนี้ อาจทำให้คุณประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อตัวเลขอัตราเร่งของ Yaris ใหม่ ใกล้เคียงกับ Vios 1.5 ลิตร แถมยังประหยัดน้ำมันกว่า และมีพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่กว้างขวางกว่า Vios อย่างชัดเจน!
Yaris ยังคงทำหน้าที่เป็นรถยนต์ที่สร้างความแปลกใจให้กับลูกค้าทั่วโลกได้เสมอ เหมือนเช่นรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อ 15 ปีก่อน
ประวัติศาสตร์ Yaris: จากยุโรปสู่ความสำเร็จระดับโลก
Toyota พยายามบุกตลาด Sub-Compact Hatchback ในยุโรปมานาน ตั้งแต่ยุค Starlet แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความน่าตื่นเต้นได้ จนกระทั่ง Sotiris Kovos แห่ง Toyota European Office of Creation (EPOC) ได้รับมอบหมายให้พัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กสำหรับชาวยุโรปโดยเฉพาะ
ปี 1997 Toyota เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun 3 รุ่น (FunTime, FunCoupe, FunCargo) เพื่อส่งสัญญาณการออกแบบที่ยกมาจากรถต้นแบบเหล่านี้ และใช้โครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)
ปี 1998 Yaris ถูกเผยโฉมครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 กลายเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้ Toyota กลับมาเป็นที่จับตามองอย่างจริงจัง ชื่อ Yaris มาจากการผสมผสานคำว่า “Ya” (ภาษาเยอรมัน แปลว่า “Yes”) และ “Charis” (เทพีแห่งความหรูหราและความงามในเทพนิยายกรีก)
ในตลาดญี่ปุ่น Yaris เปิดตัวในชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ส่วนในตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ใช้ชื่อ ECHO ตัวถัง Sedan ขายในญี่ปุ่นชื่อ Platz ส่วนตลาดอื่นใช้ ECHO เช่นกัน แต่รุ่น Hatchback กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
Yaris รุ่นแรก ประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุโรปและญี่ปุ่น คว้ารางวัล European Car of the Year ปี 2000 ซึ่งปกติเป็นรางวัลที่รถยนต์ยุโรปครองบัลลังก์อยู่เสมอ
รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นปี 2005 (รหัส NCP90-NCP91, NCP95) และเปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 (รหัส NCP91R-AHPGKT) ถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย ถึงแม้จะทำยอดขายได้เรื่อยๆ แต่ในช่วงแรกการตั้งราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ยอดขายไม่ดีเท่าที่คาด จนต้องมีแคมเปญกระตุ้น
รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นปี 2010 โดย Toyota เลือกทำตลาดเฉพาะในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่ารุ่นก่อน
การปรับตัวเพื่อตลาดไทย: Yaris สู่เวที Eco Car
ตอนแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris รุ่นที่ 3 เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป จะเข้ามาผลิตขายในไทย แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Eco Car ของภาครัฐในช่วงสุดท้าย
ภายใต้ข้อจำกัดของโครงการ Eco Car ที่ระบุว่าต้องผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะผลิตในญี่ปุ่นและยุโรป มาพัฒนาต่อจึงเป็นไปไม่ได้ ส่วน Aygo ที่พัฒนาร่วมกับ PSA ก็มีขนาดเล็กเกินไป และมีข้อจำกัดด้านการผลิตและการขาย
ทางเลือกเดียวที่ Toyota มี คือการพัฒนา Yaris อีก 1 ตัวถัง สำหรับตลาดศักยภาพสูงอย่างจีน ซึ่งต้องการรถ Hatchback ขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ Eco Car
TakeShi Matsuda Chief Engineer ผู้พัฒนา Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า ความตั้งใจแรกคือทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็นการเปลี่ยนโฉม (Full Model Change) สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดไทยต้องการให้เป็น Eco Car จึงต้องหาทางออกสำหรับข้อจำกัดมากมาย
Toyota Dear Qin Hatchback: ภาพร่างของ Yaris ใหม่
1 ปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota เริ่มสร้างการรับรู้ด้วยรถยนต์ต้นแบบ Toyota Dear Qin Hatchback สีเขียว เปิดตัวพร้อม Toyota Dear Qin Sedan สีแดงเลือดหมู ในงาน Beijing Automotive Show 2012
Dear Qin เผยให้เห็นแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก โดย Dear Qin สีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ สื่อสารว่ารถคันนี้ออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนเป็นตลาดเป้าหมายหลัก
การเปิดตัวระดับโลกและในไทย: Yaris L และ Yaris ใหม่
เมื่อเป้าหมายการพัฒนารถคันนี้คือลูกค้าชาวจีน Toyota จึงเลือกเปิดตัว Yaris รุ่นนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2013
GAC-Toyota บริษัทร่วมทุน จะรับหน้าที่ผลิตและจำหน่าย Yaris ในจีนในชื่อ Yaris-L โดยเริ่มส่งมอบรถให้กับโชว์รูมในเดือนกันยายน 2013
ประเทศไทย เป็นประเทศลำดับที่ 2 ที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่ ในงานเปิดตัวเมื่อ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World
Chief Engineer กับความท้าทายของ Yaris Eco Car
Matsuda-san ผู้รับผิดชอบโครงการ Yaris และ Vios สำหรับตลาดเอเชีย กล่าวว่า “ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น Eco Car มาตั้งแต่แรก” แต่เมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดให้เป็น Eco Car ในตลาดไทย จึงเกิดข้อจำกัดมากมาย ทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้อย่างดีที่สุด
Matsuda-san ไม่ประนีประนอมในเรื่องเส้นสายตัวรถ ให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายในที่นั่งสบาย ไม่เบียดเสียด พร้อมยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร และการเกาะถนน ให้แตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน
มิติที่เปลี่ยนแปลง: ความยาวที่เพิ่มขึ้น ความสะดวกสบายที่มากขึ้น
Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. ยาวขึ้นกว่า Yaris รุ่นก่อนถึง 315 มม. กว้างขึ้น 5 มม. เตี้ยลง 45 มม. และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มม.
สิ่งที่เพิ่มขึ้นตามมาคือ มิติภายในห้องโดยสาร:
ระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง: 912 มม. (เพิ่มขึ้น 46 มม.)
พื้นที่วางเท้าผู้โดยสารด้านหลัง: 663 มม. (ยาวกว่าเดิม 77 มม.)
แผงพนักพิงเบาะหลังกว้างขวางขึ้น: 1,310 มม. (มากกว่ารุ่นเดิม 10 มม.)
ระยะห่างจากจุดกึ่งกลางล้อหลัง – กันชนหลัง: 690 มม. (ยาวกว่าเดิม 110 มม.)
ปริมาตรความจุห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ: 326 ลิตร (ยาวกว่าเดิม 140 มม.)
เส้นสายภายนอก: การผสมผสานที่ลงตัว (?)
ภายนอกมาในสไตล์เฉียบคม เหลี่ยมสัน กระจังหน้าดูคล้าย Mitsubishi RVR/ASX หรือ Lancer EX แต่มีแถบสีเงิน “หนวดปลาดุก” เพิ่มความแตกต่าง
กระจังหน้า: รุ่น G/E เป็นหนวดสีเงิน, รุ่น J/J ECO เป็นหนวดสีดำ
มือจับประตูด้านข้าง: รุ่น G เป็นโครเมียม, รุ่นอื่นๆ เป็นสีเดียวกับตัวถัง
ชุดไฟหน้า: รุ่น G เป็นโปรเจคเตอร์, รุ่นอื่นเป็น Multi Reflector
กระจกมองข้าง: รุ่น G/E/J เป็นสีเดียวกับตัวถัง, รุ่น J ECO เป็นสีดำ, เฉพาะรุ่น G มีไฟเลี้ยว
รายละเอียดภายนอกบางชิ้น เช่น ครีบรีดอากาศ เสาขอบประตู หรือมือจับประตู สามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้
บั้นท้ายมีแผงพลาสติกสีดำ Glossy เชื่อมต่อเส้นสายจากกระจกประตูคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง ชุดไฟท้ายมีกรอบทรงประหลาด คล้าย Peugeot 208 รุ่นใหม่ ซึ่งทำลายความลงตัวของดีไซน์ฝาประตูคู่หลังและบานประตู จนทำให้บั้นท้ายดูแปลกตา
ทุกรุ่นติดตั้งที่ปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลัง, ทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชนล่าง, และสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลัง
แถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียน: รุ่น G เป็นโครเมียม, รุ่น E สีเดียวกับตัวถัง, รุ่น J สีดำ
ล้อ: รุ่น G ล้ออัลลอย 15 นิ้ว (ยาง 185/60 R15), รุ่น E ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบ, รุ่น J ล้อกระทะ 14 นิ้วพร้อมฝาครอบ (ยาง 175/65 R14), รุ่น J ECO ล้อกระทะเหล็กดำ 14 นิ้ว (ยาง 175/65 R14)
ระบบกุญแจ: ความแตกต่างตามรุ่นย่อย
รุ่น G: รีโมท Keyless-Entry, Push Start, Immobilizer, TDS
รุ่น E: กุญแจรีโมทแบบไข
รุ่น J/J ECO: กุญแจมาตรฐาน Toyota แบบเก่า
ภายในห้องโดยสาร: ความคุ้นเคยจาก Vios สู่ Yaris
เนื่องจากเสาหลังคาคู่หน้า (A-Pillar), กรอบช่องประตูคู่หน้า, และเสาหลังคาคู่กลาง (B-Pillar) ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ การเข้า-ออกเบาะนั่งคู่หน้าจึงเหมือนกันเป๊ะ
การเข้า-ออก: เสา A-Pillar ค่อนข้างลาดเอียง ผู้ขับขี่ตัวสูงควรปรับเบาะต่ำสุด
แผงประตู: ตำแหน่งวางแขนเหมาะสม, ตกแต่งด้วยพลาสติกสีเงิน Metallic สลับดำลายฝีเข็มหลอก
มือจับประตูด้านข้าง: ออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือ, ช่องวางของด้านล่างใส่ขวดน้ำ 7 บาทได้
มือจับเปิดประตูด้านใน: รุ่น G เป็นโครเมียม
เบาะนั่งคู่หน้า: เป็นเบาะผ้าสีดำยกชุดจาก Vios ใหม่ เปลี่ยนแค่ลายผ้าตรงกลางเป็นสีส้ม พร้อมตะเข็บเย็บสีส้ม สัมผัสไม่ต่างจาก Vios ใหม่
ปรับเลื่อนหน้า-หลัง: 260 มม. (เพิ่มขึ้นจากเดิม 240 มม.) ปรับละเอียด 26 จังหวะ
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้: 60 มม. (เพิ่มขึ้นจาก 45 มม.)
ด้านหลังเบาะมีส่วนเว้าเพิ่ม 38 มม. เพิ่มระยะห่างหัวเข่าผู้โดยสารหลัง 48 มม.
พนักพิงหลังเว้าลึก โอบกระชับสรีระดีขึ้น แก้ปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิม
ข้อสังเกต: เบาะรองนั่งยังสั้นไปหน่อย, เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด ปรับสูง-ต่ำไม่ได้, ไม่มีที่พักแขนสำหรับคนขับ
พื้นที่เหนือศีรษะ: โปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อน
การเข้า-ออกประตูหลัง: ช่องทางเข้ากว้างขึ้น แต่ยังต้องก้มศีรษะหลบเสา A-Pillar
กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หลัง: เลื่อนเปิดลงสุดได้
แผงประตูหลัง: มีพื้นที่วางแขนพอใช้งานได้ (สำหรับเด็ก หรือคนตัวเล็ก) แต่ไม่มีการบุหนังหรือวัสดุอ่อนนุ่ม และไม่มีช่องใส่ของ
เบาะหลัง: จุดขายสำคัญ พื้นที่กว้างใหญ่โอ่โถงที่สุด
พนักพิงรองรับแผ่นหลังและหัวไหล่สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี
พนักศีรษะใช้งานได้จริง (ยกเว้นตรงกลางรูปตัว L คว่ำ)
ข้อสังเกต: ไม่มีที่พักแขนพับเก็บได้, ไม่มีช่องวางแก้ว
เบาะรองนั่งกำลังดีแต่สั้นไปหน่อย
พื้นที่เหนือศีรษะ สำหรับคนสูง 171 ซม. เหลือ 3 นิ้ว
พื้นที่วางขาใหญ่สะใจ: สามารถนั่งไขว่ห้างได้สบาย! ยืนยันว่าพื้นที่ห้องโดยสาร Yaris ใหม่ ใหญ่โต โอ่อ่า เป็นที่สุดในบรรดา Eco Car ทุกคันที่ผลิตขายในไทยจนถึงปี 2016!
มือจับยึดเหนี่ยวจิตใจ: มีมาให้ครบ 4 ตำแหน่ง (น่าตำหนิที่เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับสูง-ต่ำไม่ได้)
เข็มขัดนิรภัยหลัง: ELR 3 จุด ทุกที่นั่ง (ตรงกลางติดตั้งที่เสา C-Pillar ฝั่งซ้าย ลากสายโยงมาเพดาน)
จุดยึดเบาะนิรภัยเด็ก: ISOFIX ที่เบาะหลัง
เบาะหลังพับ: รุ่น G/E พับแยก 60:40, รุ่น J/J ECO พับแผงเดียว
พื้นที่เก็บสัมภาระ: กว้างขวาง ตอบโจทย์การใช้งาน
ฝาประตูห้องเก็บของ: ระบบกลอนไฟฟ้า (อาจไม่ปลดล็อกขณะติดเครื่องยนต์)
รอบกรอบช่องทางเข้า: บุพลาสติกเรียบร้อย
บานพับ: ใช้โช้คอัพไฮโดรลิค 2 ต้น, มีแผงบังสัมภาระ
ห้องเก็บสัมภาระ: ยาว 734 มม. (เพิ่มขึ้น 140 มม.), ปริมาตร 326 ลิตร (VDA) บรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง Hard Case 3 ใบ + กระเป๋าใบเล็ก 1-2 ใบ จุเยอะสุดในกลุ่ม Eco Car Hatchback
ด้านข้างซ้าย: มีไฟส่องสว่าง ปิด-เปิดด้วยสวิตช์
ยางอะไหล่: Dunlop SP10 ขนาด 175/65 R14 พร้อมเครื่องมือและแม่แรง
แผงหน้าปัดและระบบความบันเทิง: ความคุ้นเคยที่มาพร้อมรายละเอียด
แผงหน้าปัด: ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ ดีไซน์ลายตะเข็บ Stitch หลอกๆ เหมือนกัน
วัสดุตกแต่ง: แตกต่างตามรุ่นย่อย, กรอบชุดเครื่องเสียงพลาสติกผิวเรียบ
แถบโค้งช่องแอร์: พลาสติกสีดำปกติ (ต่างจาก Vios ที่มี Trim ดำเงา/เงิน)
ฐานคันเกียร์, มือจับประตู, กรอบช่องวางโทรศัพท์: รุ่น G ตกแต่ง Trim สีเงิน
วัสดุบุเพดาน: Recycle สีดำ
แผงบังแดด: พร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด (ไม่มีไฟแต่งหน้า)
สวิตช์กระจกไฟฟ้า: 4 บาน Auto One-Touch, สวิตช์ล็อกกระจก/Central Lock ที่ประตูคนขับ
กระจกมองข้าง: ปรับและพับไฟฟ้า
สวิตช์ Push Start: ฝั่งคนขับ
ช่องวางแก้ว: เลื่อนเปิด-ปิดได้ ใต้ช่องแอร์คนขับและผู้โดยสารด้านซ้าย
พวงมาลัย: 3 ก้าน Multi Function (ควบคุมเครื่องเสียง) ยกมาจาก Vios, Grip ถนัดมือ, ระยะห่างจากมาตรวัดน้อย (เน้นต้นทุนต่ำ) รุ่น G หุ้มหนัง
ไฟตัดหมอกหน้า: ไม่มีให้ในทุกรุ่น
ที่ปัดน้ำฝน: มีระบบหน่วงเวลา ตั้งเวลาปัดเร็ว-ช้าได้ (รุ่น G/E)
ชุดมาตรวัด: 3 วงกลม, เรืองแสงสีขาว, Font ตัวเลขอ่านง่าย (คล้าย Tesco Lotus)
รุ่น G: จอแสดงข้อมูลกลางสีส้ม, Digital บอกตำแหน่งเกียร์, Odometer, Trip Meter A/B, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย, ระยะทางน้ำมันเหลือ
ข้อสังเกต: ลายกราฟฟิคพื้นหลังยังแบน ไร้มิติ
ชุดเครื่องเสียง: วิทยุ AM/FM, CD/MP3/WMA, USB, AUX
ลำโพง: รุ่น G/E 4 ชิ้น, รุ่น J/J ECO 2 ชิ้น
คุณภาพเสียง: พอฟังได้, หน้าจอสีส้ม แสดงได้หลายภาษา
ระบบปรับอากาศ:
รุ่น G: จอ Digital (DENSO), ใช้งานสับสนเล็กน้อย (สวิตช์รวมความแรงพัดลม, ทิศทางลม, อุณหภูมิ)
รุ่น E/J/J ECO: แบบมือหมุน 3 วงกลม (ใช้งานง่าย แต่ไม่สวย)
ช่องวางโทรศัพท์: ใต้แอร์หลังคันเกียร์ (เหมือน Vios) อาจทำให้โทรศัพท์หล่นได้
กล่องเก็บของ (Glove Compartment): เหมือน Vios (พื้นที่จำกัด)
ที่พักแขน/กล่องเก็บของกลาง: Yaris ไม่มีที่พักแขน, มีเบรกมือ, ช่องวางแก้วหลัง 1 ตำแหน่ง, ช่องใส่กล่อง CD (ใช้งานไม่สะดวก)
ทัศนวิสัย: การปรับปรุงที่เห็นผล
ด้านหน้า: ไม่แตกต่างจาก Vios, ดีขึ้นกว่า Yaris รุ่นเดิมอย่างสัมผัสได้
เสา A-Pillar ขวา บดบังรถสวนเลนเดียวขณะเข้าโค้งน้อยลง
กระจกมองข้าง ให้การมองเห็นดี แต่กรอบพลาสติกกินพื้นที่เล็กน้อย
ด้านซ้าย: เสา A-Pillar ยังบดบังรถสวนขณะเลี้ยวกลับในบางรูปแบบ
กระจกมองข้างซ้าย มองเห็นรถตามมาได้ดี แม้กรอบกระจกจะกินพื้นที่บ้าง
ด้านหลัง: เสาหลังคาคู่หลังขนาดใหญ่ (คล้าย Nissan Tiida Hatchback) อาจบดบังรถจักรยานยนต์ที่ตามมาจากด้านหลังฝั่งซ้าย
วิศวกรรมและสมรรถนะ: พลิกความคาดหมาย
Toyota ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่ ลงมาสู้ในกลุ่ม Eco Car 1,200 ซีซี ทำให้ต้องลดขนาดเครื่องยนต์จาก 1NZ-FE 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 109 แรงม้า
เครื่องยนต์ใหม่: 3NR-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,197 ซีซี, Dual VVT-i, กำลังสูงสุด 86 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร (11.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลัง: Super CVT-i เพียงอย่างเดียว (ไม่มีเกียร์ธรรมดา) Toyota อ้างว่าความต้องการเกียร์ธรรมดาในตลาด Eco Car ไม่ถึง 5%
อัตราทดเกียร์: เดินหน้า 2.386 – 0.426 : 1, ถอยหลัง 2.505 – 1.736 : 1, เฟืองท้าย 5.833 : 1 (สูงมาก)
น้ำมันเกียร์: ใช้ Toyota Genuine CVT Fluid FE เท่านั้น
สมรรถนะ (ทดสอบ 0-100 กม./ชม.):
Yaris 1.2L CVT: 12.4 วินาที (ตัวเลขที่น่าตกใจ!)
Toyota Vios 1.5L 4AT: 12.6 วินาที
Toyota Yaris 1.2L CVT (รุ่นก่อน): 14.7 วินาที
Suzuki Swift 1.25L CVT: 13.1 วินาที
Honda Brio 1.2L CVT: 14.9 วินาที
Mitsubishi Mirage 1.2L CVT: 14.5 วินาที
Nissan March 1.2L CVT: 15.2 วินาที
ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง: Yaris 1.2L CVT แรงเกินคาด!
ตัวเลขที่ออกมาทำให้ผมและทีมงานประหลาดใจอย่างยิ่ง! อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของ Yaris 1.2L CVT ทำได้ใกล้เคียงกับ Vios 1.5L 4AT และเร็วกว่าคู่แข่ง Eco Car ทุกรุ่น!
สาเหตุที่ Yaris ทำตัวเลขได้ดี:
อุณหภูมิ: การทดสอบในคืนที่อากาศเย็น (22-23 องศาเซลเซียส) ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น
อัตราทดเฟืองท้าย: การทดเฟืองท้ายที่สูงถึง 5.833:1 ช่วยให้อัตราเร่งช่วงออกตัวและไต่ความเร็วทำได้ดี
การตั้งค่าเครื่องยนต์/เกียร์: การปรับเซ็ตเครื่องยนต์และเกียร์ CVT ให้ตอบสนองต่อการเร่งได้ดี
ความเร็วสูงสุด: การไต่ความเร็วหลัง 5,000 รอบ/นาที ค่อนข้างช้า ต้องใช้แรงส่งจากเนินช่วย
การขับขี่จริง: เพียงพอและเกินคาด
อัตราเร่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง และแรงเกินความคาดหมาย การไต่ความเร็วให้แรงดึงและความว่องไวพอๆ กับ Vios 1.5L การเหยียบคันเร่งจมมิดจะให้ผลตอบสนองที่รวดเร็ว ตำแหน่ง S ช่วยให้เครื่องยนต์พร้อมตอบสนอง ตำแหน่ง B เหมาะสำหรับการขึ้น-ลงเขา
ข้อสังเกต: อาจมีกลิ่นคล้ายแอมโมเนียเล็ดลอดเข้ามาเมื่อเค้นสมรรถนะ
การเก็บเสียง: น่าประทับใจ
การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีกว่าที่คิด ช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. แทบไม่ต้องเพิ่มเสียงพูด เสียงลมเริ่มดังขึ้นหลังความเร็วนี้
พวงมาลัย EPS: ดีขึ้น แต่ยังขาดชีวิตชีวา
พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า (EPS) ใช้ชุดแร็คเดียวกับ Vios แต่ปรับปรุงระยะรอบมอเตอร์ให้หน่วงมือมากขึ้น
ดีกว่า Yaris เดิม: นิ่งขึ้น ตอบสนองคล่องแคล่ว แต่ยังคงบุคลิกพวงมาลัยไฟฟ้า
เทียบกับ Vios ใหม่: มีความแตกต่างจากการปรับเซ็ตที่ชัดเจน
แกนพวงมาลัยเยื้องศูนย์: ช่วยให้การประคองพวงมาลัยในความเร็วสูงแม่นยำขึ้น
อาการขืนมือ: ช่วง 1 นิ้วแรก มีอาการขืนมือเล็กน้อย
การขับขี่: ตอบสนองเบาแรง หมุนคล่อง แต่ไม่เบาโหวงเกินไป
ข้อสังเกต: ต้องการการปรับระยะใกล้-ห่าง พวงมาลัย
ช่วงล่าง: ความสบายที่เหนือกว่าคาด
ระบบกันสะเทือน: หน้าแมคเฟอร์สันสตรัท, หลังทอร์ชันบีม (ยกชุดจาก Vios) ปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลและเสถียรภาพ
ความเร็วต่ำ: แข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อย แต่ไม่หนี Suzuki Swift การซับแรงสะเทือนทำได้ไม่ถึงกับดีนัก
ความเร็วเดินทาง (40-140 กม./ชม.): การทรงตัวทำได้ดี นุ่มนวล ลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางไกล
ความเร็วสูง (>140 กม./ชม.): มีอาการหน้าดิ้นตามกระแสลม แต่ไม่มากนัก ควบคุมรถได้ดีกว่า March และ Mirage
การเข้าโค้ง: ทำได้ดีกว่าที่คาด! สามารถเข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้นิ่งและสบาย (เทียบเท่ารถยนต์ขนาดกลางหรือรถยุโรป Premium)
จุดเด่น: ช่วงล่าง Yaris คือจุดเด่นของรถคันนี้ เทียบเคียง Swift ได้ และดีกว่าในด้านอาการเด้งเมื่อบรรทุกคนเยอะ
ระบบห้ามล้อ: มาตรฐานที่ไว้ใจได้
ระบบ: หน้าดิสก์ – หลังดรัม, ABS, EBD, BA (ทุกรุ่น)
ระยะเบรก: ตอบสนองดี เบรกจิกๆ หรือนุ่มนวลก็ได้
ข้อสังเกต: ระยะฟรีแป้นเบรก, ระบบ Brake Override
การหน่วงความเร็ว: ตอบสนองไวในความเร็วต่ำ, ในความเร็วสูงยังทำได้ดี
โครงสร้างตัวถังและอุปกรณ์ความปลอดภัย: มาตรฐาน Toyota
โครงสร้าง: ใช้เทคโนโลยี GOA ดูดซับแรงปะทะ, ชิ้นส่วนตัวถังใช้ร่วมกับ Vios
เหล็ก High Strength Steel: มากกว่า 50% ของโครงสร้างตัวถัง
ถุงลมนิรภัย: คู่หน้า SRS (ทุกรุ่น)
พนักศีรษะ: WIL (Whiplash Injury Lessening)
เข็มขัดนิรภัย: ELR 3 จุด ทุกตำแหน่ง, ดึงกลับอัตโนมัติ (ปรับสูง-ต่ำไม่ได้)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ประหยัดตามคาด
ทดสอบ: 92.2 กม., เติมน้ำมัน 5.54 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: 16.64 กม./ลิตร
เปรียบเทียบ:
Eco Car อื่นๆ: ใกล้เคียง Honda Brio CVT, ดีกว่า Brio เกียร์ธรรมดา
Vios 1.5L 4AT: ประหยัดกว่า
Ford Fiesta 1.6L AT: ใกล้เคียง (16.4 กม./ลิตร)
สรุป: Vios 5 ประตู เครื่องเล็ก เกียร์ CVT แรงเท่าพี่ ประหยัดกว่า
Toyota Yaris ใหม่ คือผลงานภายใต้การประนีประนอมข้อจำกัดต่างๆ นำไปสู่รถยนต์ Eco Car Hatchback เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี ที่ทำอัตราเร่งได้ดีเกินคาด จน Vios 1,500 ซีซี ยังต้องอ้าปากหวอ
จุดเด่น:
สมรรถนะโดยรวมเหนือความคาดหมาย
พื้นที่ห้องโดยสารโอ่โถง นั่งสบาย วางของได้ดีกว่าคู่แข่ง
ช่วงล่างดีเทียบเท่า Suzuki Swift และดีกว่าในบางด้าน
เบรกจิกดี ประหยัดน้ำมันใช้ได้
ข้อที่ควรปรับปรุง:
พวงมาลัย: ควรปรับระยะใกล้-ห่าง, ลดบุคลิกไร้ชีวิตชีวา
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า: ควรปรับระดับสูง-ต่ำได้
การออกแบบ/ตกแต่งห้องโดยสาร: ยังมีจุดที่ควรปรับปรุง
ดีไซน์ด้านหน้าและไฟท้าย: ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องยอมรับ
การตัดสินใจเลือก: Yaris VS คู่แข่ง
Nissan March/Mitsubishi Mirage: ถูกมองข้ามเพราะขนาดตัวถังเล็กกว่า, สมรรถนะ, และการตอบสนองพวงมาลัย
Honda Brio: เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นที่ซื้อไปทำรถแข่ง
Suzuki Swift: เป็นคู่แข่งที่ตรงที่สุด โดยเฉพาะด้านสมรรถนะการควบคุม Yaris ทำได้ดี แต่ Swift ยังคงให้ความสนุกในการขับขี่มากกว่าเล็กน้อย Yaris ได้เปรียบเรื่องพื้นที่ห้องโดยสารและความประหยัดน้ำมัน (เทียบกับ Swift รุ่นท็อป Yaris ได้ออปชันเยอะกว่าในราคาที่ถูกกว่า)
Yaris VS Vios: พี่น้องที่ทับซ้อน?
ราคาขายปลีก Yaris ใหม่ (469,000 – 599,000 บาท) ทับซ้อนกับ Vios ใหม่ (559,000 – 734,000 บาท) อย่างน่าประหลาดใจ
Yaris 1.2G (599,000 บาท) เทียบกับ Vios 1.5J AT (589,000 บาท): Yaris จ่ายน้อยกว่า 10,000 บาท แต่ได้ออปชันเยอะกว่ามาก เช่น ล้ออัลลอย, แอร์อัตโนมัติ, Push Start/Smart Entry, จอ MID, พวงมาลัย Multi Function, ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลา, ABS/EBD
ประเด็นที่ต้องพิจารณา: หากไม่แคร์อัตราเร่งและบุคลิกของรถท้ายตัด Yaris กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า Vios J 4AT ในแง่ความคุ้มค่า
สรุปจาก J!MMY (ผู้เขียน):
“ไม่!” คำตอบสั้นๆ ของผม หากต้องเลือกรถคันนี้ เพราะรับไม่ได้กับการที่ต้องจ่ายเงินสำหรับชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น แต่กลับขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น เข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำไม่ได้ หรือพวงมาลัยที่ปรับระยะใกล้-ห่างไม่ได้
หาก Toyota สามารถแก้ไขจุดเหล่านี้ได้ Yaris จะกลายเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
ค้นหา Toyota Yaris ใหม่ หรือเปรียบเทียบกับรถยนต์ Eco Car รุ่นอื่นๆ ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมโตโยต้าใกล้บ้านคุณ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อรับข้อเสนอพิเศษและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม
