• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0101025 แม าใช โกงร านอ แต เธอไม ดว าส งท เธอทำทำให ตเธอจะจบแบบน part2

admin79 by admin79
December 29, 2025
in Uncategorized
0
N0101025 แม าใช โกงร านอ แต เธอไม ดว าส งท เธอทำทำให ตเธอจะจบแบบน part2

เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุกตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย ปี 2566 เปิดตัว 8 รุ่นใหม่ เน้น EV 3 รุ่น พร้อม EQB 250 AMG Line ประเดิมราคา 3.02 ล้านบาท

บทนำ

ในวงการยานยนต์ระดับพรีเมียมปี 2566 ถือเป็นอีกปีที่น่าจับตาสำหรับแบรนด์ดาวสามแฉกอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ซึ่งเตรียมยกระดับการแข่งขันในตลาดประเทศไทย ด้วยการประกาศแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 8 รุ่น โดยไฮไลท์สำคัญคือการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ถึง 3 รุ่น ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนของแบรนด์ การเปิดตัว EQB 250 AMG Line รุ่นใหม่ล่าสุดในราคา 3.02 ล้านบาท ถือเป็นก้าวแรกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยรถรุ่นนี้ได้รับการนำเข้าแบบ CBU (Complete Built Up) จากต่างประเทศ พร้อมด้วยระยะทางวิ่งสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) และจะเริ่มเปิดให้จับจองอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show ครั้งที่ 44 ก่อนส่งมอบในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ภาพรวมตลาดและทิศทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหารคนใหม่ของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจในปี 2565 โดยยอดขายรถยนต์ Passenger Cars ทั่วโลกอยู่ที่ 2,043,900 คัน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดขายภายใต้แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-EQ มีจำนวนถึง 117,800 คัน โดยรุ่น EQA และ EQB เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

สำหรับตลาดประเทศไทย ในปี 2565 บริษัทมียอดจดทะเบียนสะสมรวม 13,182 คัน โดยมีกลุ่มรถยนต์ Dream Cars ที่เติบโตถึง 28% ตามด้วยรถยนต์ SUV ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลุ่ม Contemporary Luxury อย่าง C-Class, E-Class, และ S-Class ที่เติบโตขึ้น 12% ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่ม Top-end Luxury อย่าง Mercedes-Maybach ก็แสดงศักยภาพด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2564

แผนการดำเนินงานปี 2566: กลยุทธ์ที่เน้นการเปลี่ยนแปลง

สำหรับปี 2566 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้วางแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยตั้งเป้าหมายเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่รวม 8 รุ่น โดย 3 รุ่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง

EQB 250 AMG Line: จุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้า SUV

รุ่นที่ประเดิมการเปิดตัวในปีนี้คือ EQB 250 AMG Line ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยวในสไตล์ AMG Line มาพร้อมราคา 3,020,000 บาท โดยรถรุ่นนี้เป็นรถนำเข้าสำเร็จรูป (CBU) จากต่างประเทศ และจะวางจำหน่ายผ่านเครือข่ายดีลเลอร์ 32 แห่งทั่วประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการบริการหลังการขายจาก Mercedes-Benz

สำหรับลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของ EQB 250 AMG Line จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม เช่น Mercedes-Benz Wallbox Home รุ่น 2.0 ที่มาพร้อมระบบป้องกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP55/IK10 และยังสามารถควบคุมการชาร์จ รวมถึงอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me ได้แบบ Over-the-Air (OTA)

สมรรถนะและเทคโนโลยีของ EQB 250 AMG Line

ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า (FWD) ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: ขนาด 66.5 kWh
ระยะทางวิ่ง: สูงสุด 460 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
อัตราเร่ง: 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 160 กม./ชม.
การชาร์จ:
DC Quick Charge (10-80%): ใช้เวลา 32 นาที
AC Normal Charge (0-100%): ใช้เวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที

การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน

EQB 250 AMG Line โดดเด่นด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่ของรถ SUV ที่มีความยาว 4,687 มม. ความกว้าง 2,020 มม. ความสูง 1,667 มม. และระยะฐานล้อ 2,829 มม. มาพร้อมราวหลังคาอะลูมิเนียมสไตล์รถอเนกประสงค์ และล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมจอแสดงผลแบบ Hyperscreen ระบบ MBUX เจเนอเรชันใหม่ ระบบไฟหน้า Digital Light ที่ส่องสว่างได้ไกลกว่า 600 เมตร และแพ็กเกจระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง รวมถึงระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง (Rear Axle Steering) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่

โอกาสในการสัมผัสและสั่งจอง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมเปิดรับยอดจอง EQB 250 AMG Line ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ณ บูธ A19 ในฮอลล์ 1 ของอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 ก่อนจะเริ่มส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าภายในครึ่งแรกของปี 2566

นอกจาก EQB 250 AMG Line แล้ว ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้นำรถยนต์ครบทุกไลน์การผลิตมาจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-EQ, รถยนต์สมรรถนะสูง Mercedes-AMG, รถยนต์ระดับ Top-end Luxury อย่าง Mercedes-Maybach รวมถึงยนตรกรรมระดับตำนานอย่าง SL และ G-Class

วิสัยทัศน์ระยะยาว: สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อบรรลุเป้าหมายองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2582 ปัจจุบันมีรถยนต์ทำตลาดในไทยประมาณ 25-30 รุ่น โดยเป็นรถยนต์ EV 2 รุ่น และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ EV ให้เป็น 50% ภายใน 5 ปีข้างหน้า

บทวิเคราะห์เชิงลึก: การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดไทย

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังเป็นเรื่องที่ใหม่และจำกัดมากในแง่ของตัวเลือกและเทคโนโลยีที่ “ใช้งานได้จริง” อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวกระโดด รวมถึงการขยายตัวของโครงข่ายสถานีชาร์จ DC Fast Charge ทั่วประเทศ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ต้นทุนการเดินทางต่อกิโลเมตรที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปอย่างมีนัยสำคัญ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มเปิดใจรับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ส่งผลให้ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในงาน Motor Show 2022 ที่ผ่านมา “ถล่มทลาย” อย่างไม่น่าแปลกใจ

ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนและยุโรป การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้กลายเป็นเรื่องปกติแล้ว ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด การให้สิทธิพิเศษ หรือการจัดโซนพื้นที่เฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับโครงข่ายสถานีชาร์จที่เข้าถึงง่าย ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นในนอร์เวย์ รถยนต์ไฟฟ้ามียอดจำหน่ายสูงกว่ารถยนต์สันดาปแล้ว

จุดประสงค์หลักของการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องความประหยัดต้นทุนในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ “ไม่ปล่อยมลพิษเรี่ยราด ไร้การควบคุม” โดยตรงจากการขับขี่ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง แม้ว่าการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาพลังงานฟอสซิล แต่การจำกัดมลพิษให้อยู่ในโรงไฟฟ้าที่มีระบบบำบัดที่ดีกว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการปล่อยมลพิษจากรถยนต์สันดาปโดยตรง และที่สำคัญ พลังงานไฟฟ้ายังสามารถผลิตได้จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น ลม น้ำ และโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นทิศทางที่ทั่วโลกกำลังมุ่งไป

BMW iX3: รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่เข้าถึงได้

ในฝั่งคู่แข่งอย่าง BMW ก็ได้กระโดดเข้าสู่สมรภูมิยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยเริ่มต้นจาก BMW i3 และต่อด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง BMW iX สำหรับ BMW iX3 นั้น ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษา DNA ความเป็น BMW ไว้ได้อย่างครบถ้วน

BMW iX3 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มของ BMW X3 ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมของแบรนด์ โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลายถึง 4 รูปแบบ ทั้งดีเซล เบนซิน ปลั๊กอินไฮบริด และไฟฟ้า ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม

ในตลาดประเทศไทย BMW X3 Series มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่:
BMW iX3 M Sport: รถยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 3,399,000 บาท
BMW X3 xDrive20d M Sport: เครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 3,699,000 บาท
BMW X3 xDrive30e M Sport: เครื่องยนต์เบนซิน PHEV ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 3,799,000 บาท

BMW iX3 M Sport: ความคุ้มค่าที่มาพร้อมออปชั่นจัดเต็ม

โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ยุโรปในประเทศไทยมักมีราคาสูงกว่าในต่างประเทศถึง 2-3 เท่าตัว แต่สำหรับ BMW iX3 M Sport นั้น ด้วยราคา 3,399,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาในประเทศเยอรมนีที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท ถือเป็นส่วนต่างราคาที่ “เข้าใจได้” เนื่องจาก iX3 ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน ทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่งผลให้ BMW ประเทศไทย สามารถตั้งราคาที่น่าดึงดูดใจได้อย่างมาก

สิ่งที่ทำให้ BMW iX3 M Sport ยิ่งน่าสนใจคือ เป็นรถยนต์ X3 Series ที่มีราคาถูกที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้งมีออปชั่นที่เหนือกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีงบประมาณในพิกัดนี้

ดีไซน์ภายนอกของ BMW iX3 M Sport

BMW iX3 M Sport ยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก BMW X3 Platform ตัวถังเดียวกับเวอร์ชันเครื่องยนต์สันดาป แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ที่ปิดทึบตามสไตล์รถ EV พร้อมช่องดักอากาศด้านล่าง โลโก้ BMW ขอบสีฟ้าบ่งบอกความเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ไฟหน้า Adaptive LED ที่ทำงานอัตโนมัติและสามารถปรับการส่องสว่างได้อย่างชาญฉลาด

ด้านข้างมาพร้อมล้ออัลลอย M Aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว ด้านท้ายรถมีการปรับดีไซน์ไฟท้าย LED ใหม่ และมีดิฟฟิวเซอร์เพื่อช่วยตัดลม โดยไม่ปรากฏท่อไอเสียแต่อย่างใด ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันเตะเปิด และมีพื้นที่เก็บสัมภาระ 510 ลิตร ซึ่งสามารถเพิ่มได้ถึง 1,560 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง

ภายในห้องโดยสารที่เน้นความพรีเมียมและเทคโนโลยี

ภายในห้องโดยสารตกแต่งตามสไตล์ BMW ที่เน้นความพรีเมียม ด้วยหน้าจอมัลติมีเดียระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ BMW OS7 ที่แสดงข้อมูลการขับขี่และความบันเทิงครบครัน รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อม Head-up Display หน้าจอเรือนไมล์ TFT แสดงข้อมูลการขับขี่ครบถ้วน เบาะนั่งสปอร์ตสไตล์ BMW M ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบอุ่นเบาะ สามารถบันทึกค่าได้ 2 โปรไฟล์

เบาะนั่งด้านหลังหุ้มหนัง มาพร้อมที่พักแขน ช่องแอร์ และช่องเสียบ USB-C 2 ช่อง เพดานห้องโดยสารโปร่งโล่งด้วยหลังคา Panoramic Sunroof

ระบบความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก

BMW iX3 M Sport มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น เซ็นเซอร์เตือนการชนรอบคัน กล้องรอบคัน ระบบ Blind Spot ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ABS ระบบช่วยเสริมแรงเบรก ไฟเบรกฉุกเฉิน ระบบป้องกันการชนคน สัตว์ และสิ่งของ ระบบป้องกันการกระแทกด้านข้าง และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน

สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ กระจกลดเสียงรบกวน หลังคา Panoramic เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า BMW Connected Drive ระบบ Gesture Control เครื่องเสียง Harman & Kardon แท่นชาร์จไร้สาย ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทางไกล Adaptive Cruise Control พร้อม Stop & Go ช่วงล่าง Adaptive ปรับตามโหมดการขับขี่ Head-up Display ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Parking Assistant Plus ไฟหน้า BMW Adaptive LED ระบบปรับอากาศ 3 โซน และกระจกมองข้างตัดแสงอัตโนมัติ

แนวโน้มตลาดรถยนต์พรีเมียมในต่างประเทศ

จากข้อมูลยอดขายประจำปี 2021 ในสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นถึงความนิยมของรถยนต์หลากหลายประเภท โดย BMW 3 Series ยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มซีดานหรู Nissan Qashqai นำในกลุ่ม SUV ขนาดเล็ก Toyota Yaris ครองใจตลาด Sub-Compact Volkswagen Polo เป็นแชมป์ยอดขายประจำเดือนกรกฎาคม Kia Sportage และ Ford Puma ก็เป็นที่นิยมในกลุ่ม SUV Crossover เช่นกัน Mercedes A-Class ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในกลุ่ม Hatchback Compact ส่วน Volkswagen Golf ก็ยังคงความนิยมในยุโรป Ford Fiesta แม้จะมีประเด็นในไทย แต่ยังคงขายดีในอังกฤษ และ Vauxhall Corsa กลายเป็นรถที่ขายดีที่สุดในปี 2021

BMW Group ประเทศไทย: การเฉลิมฉลอง 50 ปี BMW M และก้าวสู่อนาคต

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จัดงาน BMW Xpo 2022 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ BMW M ตอกย้ำจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต พร้อมเปิดตัวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุด

อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า BMW ครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ BMW ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 ถึง 9,317 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 41.7%

BMW ยังคงมุ่งมั่นสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า โดยมีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 4 รุ่นทำตลาดในประเทศไทย ได้แก่ BMW iX3, BMW iX, BMW i4 และ MINI Cooper SE รวมถึงการเปิดตัว BMW iX xDrive40 ในปี 2022 โดยตั้งเป้าจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในทุกเซกเมนต์ และร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ

ในงาน BMW Xpo 2022 ยังได้มีการเปิดตัว BMW M4 CSL, BMW M240i xDrive, BMW 220i Gran Coupé (M Performance Edition) และ BMW iX xDrive40 รวมถึงกิจกรรม M Fan Day เพื่อแฟนๆ BMW M

สำหรับ BMW Motorrad ได้เปิดตัว 3 โทนสีใหม่ของ BMW R18 และ R18 Classic รวมถึง BMW R 1250 GS Adventure ในเฉดสีใหม่

ไฮไลท์จาก BMW M Performance Parts

ภายในงาน BMW Xpo 2022 ยังมีบูธ BMW M Performance Parts ที่นำเสนอ BMW Advance Car Eye 3.0 กล้องบันทึกเหตุการณ์ขณะขับรถรุ่นใหม่ พร้อมวางจำหน่ายชุดแต่ง BMW M Performance Parts สำหรับรถยนต์ BMW ในราคาพิเศษ และสินค้า BMW Lifestyle Collection 2022

ข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน BMW Xpo 2022

ลูกค้าที่จองรถยนต์ BMW ภายในงาน BMW Xpo 2022 และส่งมอบรถภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 จะได้รับข้อเสนอพิเศษ เช่น เซ็ทของขวัญเฉลิมฉลอง 50 ปี BMW M, หูฟังไร้สาย Bowers & Wilkins สำหรับการจอง BMW X3, X4, X5, X6, X7 หรือนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ Garmin Venu 2S สำหรับการจอง BMW X1

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่เลือกใช้บริการทางการเงินกับ BMW Financial Services ประเทศไทย จะได้รับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม

Mercedes-Benz GLA: การตีความใหม่ของ Compact SUV

ในอดีต เมื่อพูดถึง Mercedes-Benz คนส่วนใหญ่มักนึกถึงรถยนต์ Sedan ระดับหรูอย่าง S-Class, E-Class หรือ C-Class ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมมาอย่างยาวนาน แต่หลังจากปี 1996 Mercedes-Benz ได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้ปัจจุบันรถยนต์ในตระกูล SUV กลายเป็นรุ่นที่ทำรายได้ให้กับแบรนด์ได้อย่างมหาศาล

การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เช่น A-Class, CLA-Class, GLA-Class และ GLB-Class บนแพลตฟอร์ม MFA (Modular Front-wheel Architecture Platform) เป็นการเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตหลังยุค 1990 โดยหวังให้เป็น Mercedes-Benz คันแรกของพวกเขา

สำหรับตลาดประเทศไทย แนวโน้มการซื้อรถยนต์ Premium ในระดับราคาที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ D-Segment จากญี่ปุ่น ได้เชื้อเชิญให้ลูกค้าจำนวนมากหันมาสนใจรถยนต์ยุโรปมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทรนด์รถยนต์ SUV ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

Mercedes-Benz GLA-Class: ประวัติศาสตร์และการพัฒนา

Mercedes-Benz เริ่มมีแนวคิดในการสร้าง Crossover SUV บนแพลตฟอร์ม MFA เจเนอเรชันแรก เพื่อเติมเต็มกลุ่มรถยนต์ GL ให้ครบทุกขนาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ใต้ท้องสูง การเปิดตัว Mercedes-Benz Concept GLA ในงาน Shanghai Auto Show 2013 และรุ่นจำหน่ายจริง Mercedes-Benz GLA รุ่นแรก (X156) ในงาน Frankfurt Motor Show 2013 ถือเป็นการเข้าสู่ตลาด Compact SUV อย่างเป็นทางการ

GLA รุ่นแรกมาพร้อมตัวถังที่ยาว 4,443 มม. กว้าง 1,804 มม. สูง 1,483 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,700 มม. ในประเทศไทย เปิดตัวด้วยรุ่นนำเข้าสำเร็จรูป GLA 200 Urban ราคา 2,440,000 บาท ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นประกอบในประเทศ GLA 200 Urban ในราคาที่ถูกลง และรุ่น GLA 250 AMG Dynamic

GLA รุ่นปรับโฉม Facelift ในปี 2017 มีการปรับปรุงดีไซน์ภายนอก เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย และในประเทศไทยก็รีบปรับตามอย่างทันท่วงที

GLA เจเนอเรชันที่ 2 (W177): การก้าวข้ามสู่ความเป็น SUV ที่สมบูรณ์แบบ

แม้ GLA เจเนอเรชันแรกจะประสบความสำเร็จในการดึงดูดลูกค้า แต่ก็ยังมีเสียงสะท้อนว่าดีไซน์ยังขาดความเป็น SUV ที่ชัดเจน และภายในห้องโดยสารยังไม่สบายเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้ Mercedes-Benz GLA เจเนอเรชันที่ 2 (W177) จึงถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีกลิ่นอายความเป็น SUV มากขึ้น ด้วยความสูงของแนวหลังคาที่เพิ่มขึ้น กระจกหน้าต่างแบบ 6 Windows และมิติตัวถังที่กว้างขึ้น ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและโปร่งโล่งกว่าเดิม

GLA เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวทั่วโลกในรูปแบบ Digital World Premier เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2019 และในประเทศไทย Mercedes-Benz (Thailand) ได้ตัดสินใจนำ GLA ใหม่ มาขึ้นสายการผลิต ณ โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ (TAAP) ตั้งแต่ล็อตแรก โดยประเดิมด้วยรุ่น GLA 200 ในรูปแบบ AMG Dynamic สนนราคา 2,399,000 บาท

ต่อมา ได้มีการเปิดตัว Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC เพื่อเสริมทัพรถยนต์ AMG และตอบสนองลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะและความแรง ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

GLA (MY 2022): การปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อเพิ่มคุณค่า

วันที่ 3 ธันวาคม 2021 Mercedes-Benz (ประเทศไทย) ได้ปรับปรุงอุปกรณ์ให้กับ GLA (MY 2022) โดยเพิ่มหน้าจอ All Digital Instrument Display ขนาด 10.25 นิ้ว, Ambient Light 64 สี และระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบเปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน Hand-free, Blind Spot Assist, Exit Warning, Active Lane Keeping Assist, Adaptive Highbeam Assist, Wireless Charger รวมถึงการปรับราคาขึ้นเล็กน้อย แต่มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างคุ้มค่า

มิติตัวถัง Mercedes-Benz GLA (GLA 200 AMG Dynamic)

GLA 200 AMG Dynamic เวอร์ชันไทย มีมิติตัวถังภายนอก ยาว 4,410 มม. กว้าง 1,834 มม. สูง 1,611 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,729 มม. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม (X156) จะพบว่ารุ่นใหม่สั้นลงแต่กว้างขึ้นและสูงขึ้นอย่างชัดเจน

เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่าง BMW X1 (F48), Volvo XC40 และ Lexus UX จะพบว่า GLA ใหม่ มีขนาดมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสูงของแนวหลังคาที่อยู่ในอันดับต้นๆ เป็นรองเพียง XC40 เท่านั้น

รูปลักษณ์ภายนอกของ Mercedes-Benz GLA

ดีไซน์ภายนอกของ GLA 200 AMG Dynamic มาพร้อมการตกแต่งแบบ AMG Bodystyling กระจังหน้า Diamond Grille สัญลักษณ์ดาวจม ชุดไฟหน้า LED High Performance พร้อมฟังก์ชัน Adaptive Highbeam Assist ดีไซน์ด้านข้างเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน ด้วยกระจกหน้าต่างแบบ 6-Windows และแนวหลังคาที่สูงขึ้น ให้ความเป็น Crossover SUV มากขึ้น บั้นท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ทรง Freeform 2 ชิ้น และชุดแต่ง AMG พร้อมท่อไอเสียหลอก ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว

ความแตกต่างภายนอกระหว่าง Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC และ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ประกอบด้วยกระจังหน้า AMG-Specific Radiator Grille, สัญลักษณ์ TURBO 4MATIC, สัญลักษณ์ AMG, สปอยเลอร์หลัง AMG, ท่อไอเสีย AMG Exhaust System, ล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว และกุญแจรีโมทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ AMG

ภายในห้องโดยสาร: ผสมผสานความเรียบง่ายและความหรูหรา

ภายในห้องโดยสารของ GLA เน้นการผสมผสานความเรียบง่ายเข้ากับความอลังการของจอแสดงผลและช่องแอร์แบบ Jet Turbine ตามสไตล์ Mercedes-Benz ยุคใหม่ หน้าจอแสดงผลกลาง 10.25 นิ้ว และหน้าจอชุดมาตรวัด 10.25 นิ้ว ถูกนำเสนอในรูปแบบ MBUX Hyperscreen ที่ล้ำสมัย

การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างคุ้นตาในรถยนต์ตระกูล A-Class และ B-Class ไฟ Ambient Light 64 เฉดสี สร้างบรรยากาศหรูหรา แต่ในรุ่นปัจจุบัน หลังคากระจก Panoramic Glassroof ที่เคยมีในรุ่นก่อนหน้า ได้ถูกแทนที่ด้วยแผงสวิตช์ควบคุมไฟส่องสว่าง และอุปกรณ์อื่นๆ

การควบคุมและฟังก์ชันต่างๆ

แผงควบคุมบริเวณบานประตูฝั่งคนขับ ประกอบด้วยสวิตช์กระจกไฟฟ้า ระบบป้องกันการหนีบ สวิตช์ปรับและพับกระจกมองข้าง ในรุ่น AMG GLA 35 จะมีสวิตช์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้ามาให้ มือจับเปิดประตูพร้อมสวิตช์ Central Lock สวิตช์ปรับเบาะนั่งไฟฟ้าพร้อม Memory Seat 3 ตำแหน่ง สำหรับเบาะคนขับ และสวิตช์ปรับดันหลัง Lumbar Support 4 ทิศทาง

ใต้ช่องแอร์เป็นสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมฟังก์ชัน Auto Brake Hold และสวิตช์ควบคุมระบบไฟหน้า พวงมาลัยแบบ 3 ก้านท้ายตัด พร้อมสวิตช์ Multi-function ควบคุมหน้าจอมาตรวัดและระบบ Cruise Control รวมถึงหน้าจอกลาง

เทคโนโลยี MBUX และการแสดงผล

ชุดมาตรวัดเป็นหน้าจอ All-digital Instrument Display ขนาด 10.25 นิ้ว สามารถเลือกปรับ Theme การแสดงผลได้ 4 รูปแบบ คือ Classic, Sport, Progressive และแบบเรียบง่าย โดย Layout หน้าจอแบ่งเป็น 3 ส่วน คือวงกลมฝั่งขวา ซ้าย และหน้าจอส่วนกลาง ซึ่งแต่ละส่วนสามารถปรับค่าการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย ผ่านสวิตช์ Touchpad บนพวงมาลัย

การขับขี่และประสบการณ์หลังพวงมาลัย

เบาะนั่งคู่หน้าของทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาให้มีความกระชับ นั่งแล้วให้ความรู้สึกแข็งแต่มีความนุ่มในระยะยุบตัวช่วงแรก ปีกเบาะแข็งแรง ช่วยล็อกตัวผู้ขับขี่ขณะเข้าโค้งได้ดี การปรับอิริยาบถทำได้หลากหลาย ตอบโจทย์การขับขี่ทางไกลได้ดี

เบาะนั่งด้านหลังออกแบบมาให้มีมุมเอนกำลังดี พื้นที่วางขาเหลือเฟือ และพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แม้ว่าอาจจะไม่ใช่เบาะที่นั่งสบายที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรุ่น แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง

สรุป

เมอร์เซเดส-เบนซ์ กำลังเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต การเปิดตัว EQB 250 AMG Line ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV พรีเมียมในประเทศไทยให้คึกคักยิ่งขึ้น พร้อมกับการคงไว้ซึ่งจุดแข็งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และความหรูหราตามแบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์

สำหรับผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีแห่งอนาคต และกำลังมองหารถยนต์ SUV พรีเมียมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเดินทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในปี 2566 นี้

อย่าพลาดโอกาสสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษของ Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือเยี่ยมชมโชว์รูมเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใกล้บ้านท่าน เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและทดลองขับ เพื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งยานยนต์แห่งอนาคตไปพร้อมกับเรา

Previous Post

N0101023 แม านเห นไรบางอย างในเค เธอจะสามารถช วยเหล อช ตเด กคนน ไว ได ไหม part2

Next Post

N0101012 ดการบ งค บเด กเส ฟแต งต วเซ กซ เขาทำแบบน เขาต องการอะไร part2

Next Post
N0101012 ดการบ งค บเด กเส ฟแต งต วเซ กซ เขาทำแบบน เขาต องการอะไร part2

N0101012 ดการบ งค บเด กเส ฟแต งต วเซ กซ เขาทำแบบน เขาต องการอะไร part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0201042 ญค ณท เคยได ตอบกล บด วยส งท part2
  • N0201053 วใจท กส นคลอน เพราะเค กช นน part2
  • N0201037 เส ยงเต อนจากคนแปลกหน part2
  • N0201041 กามเทพต วน อย ตามมาคอยส อร part2
  • N0201051 ปากด แต เร อง part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.