• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0101013 กสาวมาร บจ อบ แต เจอแม อย บผ ชายในโรงแรม part2

admin79 by admin79
December 29, 2025
in Uncategorized
0
N0101013 กสาวมาร บจ อบ แต เจอแม อย บผ ชายในโรงแรม part2

Honda Civic Type R: วิวัฒนาการแห่งสมรรถนะและความเร้าใจ สู่ยุคใหม่แห่งการขับขี่

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาเกือบหนึ่งทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของรถยนต์สมรรถนะสูงอยู่เสมอ แต่มีบางรุ่นที่ยังคงยืนหยัดและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ Honda Civic Type R ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Type R ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ที่บริสุทธิ์ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและสุนทรียศาสตร์แห่งความเร็ว ทำให้มันกลายเป็นที่หมายปองของนักเลงรถทั่วโลก

การปรับโฉมที่สะท้อนถึงความตั้งใจ: Honda Civic Type R 2020

เมื่อพูดถึง Honda Civic Type R 2020 สิ่งแรกที่ผมสังเกตเห็นและกลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุด คือการปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกที่ดูดุดันและมีเอกลักษณ์มากขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่อาจจะดู “เทอะทะ” ขึ้นในสายตาบางคน แต่ในมุมมองของผม มันคือการออกแบบที่ชาญฉลาด เพื่อวัตถุประสงค์หลักสองประการ: หนึ่งคือการสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น สองคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของอากาศ เพื่อส่งตรงไปยังเครื่องยนต์ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ

แน่นอนว่าสีตัวถัง “Boost Blue” สีน้ำเงินสุดพิเศษที่ Honda มอบให้เป็นของขวัญแก่ Type R นั้น เป็นการตอกย้ำถึงความพิเศษของรุ่นนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความเร้าใจและความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในตระกูล Civic การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เพียงการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) อย่างจริงจัง เพื่อให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น

สมรรถนะที่เหนือกว่า: หัวใจของ Type R

ในแง่ของสมรรถนะ Honda ยังคงไว้ซึ่งแก่นแท้ที่ทำให้ Type R เป็นที่รักของแฟนๆ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังมหาศาลถึง 316 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 295 ปอนด์-ฟุต ยังคงเป็นหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งหลายคนยกย่องว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้การขับขี่ Type R นั้นดิบและเข้าถึงง่าย

สิ่งที่ Honda ปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2020 ที่แสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดและประสบการณ์การขับขี่ คือการปรับปรุงชุดเบรกให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และการปรับแต่งช่วงล่างที่มอบความสบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการบ้านที่ Honda ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าในรุ่นก่อนหน้า ปัญหาเรื่องเบรกหรือความสบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน จะไม่ใช่ข้อกังวลหลักสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Type R แต่การปรับปรุงเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า Honda เข้าใจถึงความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และพยายามตอบสนองทุกมิติ

สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา รวมถึงตลาดอื่นๆ Honda ได้ปรับปรุงอัตราทดเกียร์ให้สั้นลง และหุ้มพวงมาลัยด้วยหนัง Alcantara เช่นเดียวกับรุ่นที่จะวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มความรู้สึกพรีเมียมและความสปอร์ตให้กับห้องโดยสารมากยิ่งขึ้น

Mitsubishi Xpander Cross 2020: การผจญภัยบนท้องถนนที่คุ้นเคย

การมาถึงของ Mitsubishi Xpander Cross 2020 ในตลาดประเทศไทย ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ Xpander ซึ่งเป็นรถยนต์ Mini MPV ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในบ้านเรา ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความอเนกประสงค์ของ MPV เข้ากับภาพลักษณ์ที่บึกบึนของ SUV ทำให้ Xpander เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Mitsubishi Xpander Cross 2020 นี้ คือการยกระดับ Xpander ไปอีกขั้น โดยเพิ่ม “กล้ามเนื้อ” ที่ทำให้รถดูแข็งแกร่งและพร้อมสำหรับการผจญภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงการตกแต่ง แต่เป็นการปรับปรุงที่เห็นผลได้ชัดเจน ทำให้ Xpander Cross แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด Mini MPV อย่างชัดเจน

รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น: พร้อมลุยทุกสถานการณ์

สิ่งที่ทำให้ Xpander Cross สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น คือชุดแต่งรอบคันที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด กันชนหน้า-หลังที่ดุดันขึ้น กระจังหน้าที่ทันสมัย พร้อมไฟ LED ที่ส่องสว่างชัดเจน ทั้งไฟหน้าและไฟตัดหมอก คิ้วล้อสีดำที่เสริมความบึกบึน สัญลักษณ์ XPANDER CROSS บนฝากระโปรงหน้า เสาอากาศแบบครีบฉลามที่ช่วยให้การรับส่งสัญญาณดีขึ้น และที่สำคัญคือราวหลังคาที่เพิ่มเข้ามา ทำให้รถดูมีมิติและพร้อมสำหรับการบรรทุกสัมภาระ หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ

ล้ออัลลอยลายใหม่ 5 ก้าน สีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว ก็ช่วยเสริมความสปอร์ตและทันสมัยให้กับตัวรถได้อย่างลงตัว แต่สิ่งที่ทำให้ Xpander Cross เหนือกว่ารุ่นปกติอย่างแท้จริง คือการเพิ่มระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถถึง 20 มิลลิเมตร เป็น 225 มิลลิเมตร ทำให้รถดูสูงโปร่ง พร้อมลุยไปในทุกสภาพเส้นทางได้อย่างมั่นใจ

ภายในที่หรูหราและสะดวกสบาย: ความสบายที่มากกว่าเดิม

ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Xpander Cross 2020 ได้รับการยกระดับความหรูหราขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยการตกแต่งแบบ DUAL TONE สีน้ำตาล-ดำ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งบนแผงคอนโซลหน้า และชุดเบาะหนัง ซึ่งให้ความรู้สึกพรีเมียมและสบายตา หน้าจอระบบสัมผัสสำหรับระบบอินโฟเทนเมนท์ได้รับการอัปเกรดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จาก 6.2 นิ้ว เป็น 7 นิ้ว เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกและเต็มตายิ่งขึ้น

มิติตัวถังของ Xpander Cross เมื่อเทียบกับรุ่นปกติ ยังพบว่ามีความยาวเพิ่มขึ้น 25 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 50 มิลลิเมตร ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ภายในห้องโดยสารจะมีความโปร่งโล่งสบายมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการเดินทางไกลของครอบครัว

ขุมพลังที่คุ้นเคย แต่เพิ่มเติมประสิทธิภาพ: เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร MIVEC

สำหรับขุมพลัง Mitsubishi Xpander Cross 2020 ยังคงเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ MIVEC อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mitsubishi ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป และเมื่อจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 4 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ก็ให้การขับขี่ที่ราบรื่นและประหยัดน้ำมัน

แม้ว่ากำลังอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่การปรับปรุงช่วงล่างและระยะความสูงของ Xpander Cross ทำให้มันมีความสามารถในการขับขี่ที่หลากหลายมากขึ้น พร้อมรับมือกับสภาพถนนที่หลากหลายกว่าเดิม

New Mercedes-Benz E-Class 2020: ความสง่างามที่ได้รับการยกระดับ

Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 รหัส W213 ได้รับการปรับปรุงใหม่ในหลายๆ ด้าน ทั้งภายในและภายนอก เพื่อคงความแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์กลุ่ม Luxury Sedan และ Estate การมาถึงของ New Mercedes-Benz E-Class 2020 ในประเทศไทย ย่อมเป็นที่จับตามองของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

การออกแบบภายนอกที่เน้นความสง่าและพลศาสตร์

ภายนอกของ New Mercedes-Benz E-Class 2020 ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ดาวสามแฉกไว้ได้อย่างดีเยี่ยม กระจังหน้ายังคงความสง่างาม พร้อมไฟหน้าแบบ All-LED ที่ให้ความสว่างชัดเจน และไฟท้ายที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัยยิ่งขึ้น การออกแบบกันชนหลังใหม่ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ

ล้ออัลลอยที่มีให้เลือกหลากหลายลาย รวมถึงลาย Aero ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านของอากาศโดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และเสริมภาพลักษณ์ที่สปอร์ตและทันสมัย เส้นสายตัวถังที่ดูมีมิติมากขึ้น ช่วยให้รถดูสง่างามและทรงพลังมากยิ่งขึ้น

ภายในที่หรูหราและล้ำสมัย: ประสบการณ์สุดพิเศษ

ภายในห้องโดยสารของ New Mercedes-Benz E-Class 2020 คือนิยามของความหรูหราและความสะดวกสบาย วัสดุตกแต่งที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี ให้ความรู้สึกพรีเมียม ทั้งหนัง, ลายไม้, คาร์บอนไฟเบอร์ และอลูมิเนียม ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองความชอบส่วนบุคคล

ระบบ ENERGIZING ที่ควบคุมการปรับแสง, อุณหภูมิ, และตำแหน่งเบาะนั่ง ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสบายที่สุดให้กับผู้โดยสาร พวงมาลัยมีให้เลือกถึงสามแบบ ทั้งแบบหุ้มหนังล้วน, แบบกึ่งหนัง-กึ่งไม้, และแบบ Supersport เพื่อให้เข้ากับสไตล์การขับขี่และบุคลิกของผู้ขับขี่

ระบบสั่งการด้วยเสียง MBUX ที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผลคู่ ขนาด 10.25 หรือ 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้สามรูปแบบ คือ Modern Classic, Sport, และ Progressive/Discreet ช่วยให้การควบคุมระบบต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดายและสะดวกสบาย

ขุมพลังหลากหลาย: ตอบสนองทุกความต้องการ

New Mercedes-Benz E-Class 2020 มาพร้อมกับขุมพลังที่หลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน, ดีเซล, และ Plug-in Hybrid รวม 7 รูปแบบ ตั้งแต่ 4 สูบ ไปจนถึง 6 สูบ ที่ให้พละกำลังตั้งแต่ 156 ถึง 367 แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 160 ถึง 330 แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

รุ่น E 350 ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 255 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC

สำหรับรุ่น E 350 4MATIC Plug-in Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 90kW และ ISG (Integrated Starter-Generator) ให้กำลังรวมสูงสุด 315 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ซึ่งให้ทั้งสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและความประหยัดน้ำมัน

สำหรับรุ่น AMG E 53 4MATIC+ มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 435 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ดีเซล ยังได้รับการปรับปรุงด้วยระบบ ISG และระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ เพื่อเพิ่มกำลังและแรงบิดให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งลดการปล่อยมลพิษ

Honda Jazz 2020: ความอเนกประสงค์ที่เหนือชั้น

Honda Jazz หรือที่รู้จักในชื่อ Honda Fit ในบางตลาด ได้รับการเปิดตัวโฉมใหม่ในปี 2020 ณ งาน Tokyo Motor Show โดยเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่เน้นทั้งความสปอร์ต ความทันสมัย และความอเนกประสงค์ที่ยังคงเป็นจุดเด่นของ Jazz มาโดยตลอด

ดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตและทันสมัย

Honda Jazz โฉมใหม่ ยังคงรูปแบบการออกแบบที่เน้นความสปอร์ต แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีความโมเดิร์นยิ่งขึ้น แม้ว่าภาพรวมของโครงรถจะยังคงมีความคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดที่สำคัญ โดยเฉพาะบริเวณเสา C (เสาท้ายรถ) ไปจนถึงช่วงท้ายรถ

ไฟหน้าแบบ LED พร้อม Daytime Running Light ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและทัศนวิสัยในการขับขี่ ส่วนไฟท้ายได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นแนวนอน และกินพื้นที่เข้าไปในฝากระโปรงหลังรถมากขึ้น ซึ่งอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ในตระกูลอย่าง Accord และ Civic

การเพิ่มราวหลังคาในบางรุ่นย่อย ช่วยเพิ่มความรู้สึกว่ารถมีขนาดใหญ่ขึ้น และเสริมความสามารถในการบรรทุกสัมภาระ ทำให้ Jazz มีความพร้อมสำหรับการเดินทางในทุกรูปแบบ

ภายในที่กว้างขวางและใช้งานง่าย

การเก็บภาพซูมเข้าไปถึงภายในห้องโดยสารของ Jazz โฉมใหม่ เผยให้เห็นการออกแบบห้องโดยสารและคอนโซลใหม่ ที่ยังคงเน้นความเรียบง่าย สะดวกสบาย และใช้งานง่าย แต่ก็มีความทันสมัยมากขึ้น การปรับปรุงมิติตัวถัง โดยเฉพาะความยาวที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และความกว้างที่มากขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้มีความโปร่งโล่งสบายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Jazz เป็นที่รักของคนเมืองและครอบครัวเล็กๆ

ขุมพลังที่ลงตัว: สมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัด

แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดขุมพลังทั้งหมดของ Honda Jazz 2020 ในบทความต้นฉบับ แต่จากแนวโน้มของ Honda ที่เน้นเทคโนโลยีเครื่องยนต์สมัยใหม่ เราคาดการณ์ได้ว่า Jazz โฉมใหม่นี้ จะมาพร้อมเครื่องยนต์ที่ให้ทั้งสมรรถนะที่ดีและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ Honda ในการพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Lamborghini Huracan EVO: สุนทรียศาสตร์แห่งความเร็วและการควบคุม

Lamborghini Huracan EVO คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า “ซูเปอร์คาร์” ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยการขับขี่ที่ยากลำบาก Huracan EVO ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่เร็ว แต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจอย่างแท้จริง

การออกแบบภายนอกที่เน้นอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง

ภายนอกของ Huracan EVO ได้รับการปรับปรุงในทุกรายละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ กระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมลิ้นหน้าทรงปีก ช่วยเพิ่มแรงกด (Downforce) และควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่องดักลมขนาดใหญ่ทรง Y ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini ยังคงความดุดันและน่าเกรงขาม ล้อดีไซน์ใหม่ และช่องดักลมด้านข้างตัวรถที่ออกแบบมาอย่างประณีต ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่คมเข้มและมีสไตล์

ด้านท้ายของรถได้รับการปรับปรุงให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ปลายท่อไอเสียคู่ที่ถูกย้ายตำแหน่งให้สูงขึ้นบนกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลังที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงกด ทำให้ Huracan EVO มีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูงได้อย่างยอดเยี่ยม การออกแบบตัวถังโดยรวม ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์เพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าเมื่อเทียบกับ Huracan รุ่นแรก

ห้องโดยสารสุดล้ำสมัย: การผสมผสานระหว่างความหรูหราและเทคโนโลยี

ภายในห้องโดยสารของ Huracan EVO คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราและความเป็นรถแข่ง เบาะนั่ง Alcantara และวัสดุหนังคุณภาพสูง พร้อมรายละเอียดที่เข้ากันกับสีตัวถังภายนอก เช่น สี Arancio Dryope ที่เข้ากับสี Arancio Xanto ของตัวรถ ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้วัสดุ Carbon Forged Composites และ Carbon Skin อันเป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini เพื่อเพิ่มความพิเศษและความเป็นส่วนตัว

ระบบไฟ Ambient Light ที่ปรับได้ ช่วยสร้างบรรยากาศที่หลากหลายภายในห้องโดยสาร และลูกค้ายังสามารถเลือกชุดแต่งเพิ่มเติมได้อีกมากมายผ่านโปรแกรม Ad Personam ของ Lamborghini

เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารนั้นล้ำสมัย ตั้งแต่หน้าจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว ในคอนโซลกลาง รองรับการสัมผัสแบบหลายนิ้ว พร้อมระบบ Apple CarPlay, ระบบสมาร์ทโฟนในตัว, การเชื่อมต่อดาวเทียม, วิทยุออนไลน์, ฮาร์ดดิสก์ความจุสูง และกล้องคู่แบบวัดระยะทาง

ขุมพลัง V10 อันทรงพลัง: สัมผัสประสบการณ์แห่งซูเปอร์คาร์

หัวใจของ Huracan EVO คือเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 631 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 442 ปอนด์-ฟุต ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 1,422 กิโลกรัม ทำให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าอยู่ที่ 2.22 กิโลกรัมต่อแรงม้า ส่งผลให้ Huracan EVO สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 2.9 วินาที และ 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 9.0 วินาที เท่านั้น

ระยะเบรคจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนรถหยุดนิ่ง อยู่ที่เพียง 31.9 เมตร และความเร็วสูงสุดสามารถทำได้มากกว่า 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เทคโนโลยี Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI): สมองกลอัจฉริยะ

จุดเด่นที่สำคัญของ Huracan EVO คือเทคโนโลยี Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกลางที่ควบคุมทุกมิติการทำงานของรถ โดยทำงานร่วมกับ Lamborghini Piattaforma Inzerziale (LPI) ซึ่งเป็นหน่วยควบคุมการเร่งและการติดตั้งเซ็นเซอร์ไจโรสโคป ช่วยให้รถสามารถปรับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง, ระบบควบคุมล้อทั้ง 4, ระบบช่วงล่างแบบ Magnetorheological ที่ปรับการทำงานได้, ระบบควบคุม Traction ที่ล้ำหน้า, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้รับการปรับปรุง, และการตอบสนองของพวงมาลัยที่เฉียบคม ล้วนทำงานร่วมกันภายใต้การควบคุมของ LDVI เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

Honda City e:HEV: ประสิทธิภาพและความประหยัดที่ลงตัว

Honda City e:HEV คือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ Eco Car ขนาด B-Segment ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Full Hybrid ซึ่งให้ทั้งสมรรถนะที่ดี อัตราการประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม City e:HEV มีให้เลือกทั้งในรูปแบบตัวถัง Sedan 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู ทำให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

e:HEV: เทคโนโลยี Sport Hybrid i-MMD หัวใจสำคัญ

e:HEV คือชื่อที่ Honda ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบ Sport Hybrid i-MMD ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวแรกทำหน้าที่เป็น Generator เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า และตัวที่สองทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ มอเตอร์ทั้งสองจะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน เพื่อให้ได้ทั้งความแรงและประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด

ระบบนี้ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา ซึ่งถูกพัฒนาให้เก็บประจุไฟฟ้าได้ดีและชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

โหมดการขับขี่อัจฉริยะ: ประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาวะ

ระบบ Sport Hybrid i-MMD ใน Honda City e:HEV สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้สมรรถนะและความประหยัดสูงสุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ แบ่งออกเป็น 6 โหมดหลัก:

EV Drive: ขณะรถหยุดนิ่ง เครื่องยนต์จะดับลง แต่ระบบปรับอากาศยังทำงาน โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ หากระดับไฟฟ้าไม่เพียงพอ เครื่องยนต์จะกลับมาทำงาน
Hybrid Drive: ขณะออกตัวและเพิ่มความเร็ว รถจะออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าก่อน เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเมื่อเพิ่มความเร็ว ระบบจะเข้าสู่โหมด Hybrid หากไฟฟ้าไม่เพียงพอ เครื่องยนต์จะเริ่มทำงาน
Engine Drive: ขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ-ปานกลางคงที่ รถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และสลับไปใช้โหมด Hybrid ตามระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่
Hybrid Drive (Acceleration): ขณะเร่งแซง เครื่องยนต์จะทำงานเต็มที่ เพื่อให้กำลังสูงสุดในการเร่งแซง
Engine Drive (Cruising): ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่ รถจะใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก และสลับไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 100% ตามระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่
Charging/Deceleration: ขณะลดความเร็ว พลังงานจากการเบรกจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับเข้าสู่แบตเตอรี่

ประสบการณ์การขับขี่: ความสมดุลระหว่างความสปอร์ตและความประหยัด

Honda City e:HEV ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ แม้จะเป็นรถ Eco Car แต่ให้ความรู้สึกที่เหนือกว่า ด้วยการตัดต่อพลังงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เนียนราบ ทำให้การขับขี่มีความลื่นไหล ไม่รู้สึกถึงการกระตุก การตอบสนองของคันเร่งทำได้ดี ค่อยๆ ไต่ระดับความแรงตามน้ำหนักที่กด ทำให้การขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบาย

ช่วงล่างของ City e:HEV มีความหนึบและเฟิร์มตามสไตล์ Honda ให้ความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่ แม้จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือเข้าโค้ง การบังคับควบคุมพวงมาลัยทำได้อย่างแม่นยำ เบา แต่ยังคงให้สัมผัสที่ดีในการขับขี่

อัตราการประหยัดน้ำมัน: ความโดดเด่นที่แท้จริง

สิ่งที่ทำให้ Honda City e:HEV เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คืออัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม จากการทดสอบพบว่าสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันได้สูงถึง 24.9 กม./ลิตร ในการขับขี่ในเมือง และ 23.01 กม./ลิตร ในการขับขี่นอกเมือง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ในพิกัดนี้

Honda City e:HEV มือสอง: ความคุ้มค่าที่น่าลงทุน

หากคุณกำลังมองหารถยนต์ Eco Car ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Hybrid ในราคาที่เข้าถึงได้ การพิจารณา Honda City e:HEV มือสอง ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง รุ่น Minor Change ปี 2024 มีราคาที่ปรับลดลงจากรุ่นเปิดตัวปี 2020 ทำให้ราคาขายต่อมีความน่าสนใจมากขึ้น และเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นใหม่ในระดับราคาใกล้เคียงกัน City e:HEV มือสอง จะมอบออปชันและเทคโนโลยีที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน

ด้วยการรับประกันจากผู้ผลิตสำหรับระบบ Hybrid และแบตเตอรี่ ทำให้ผู้ที่ซื้อรถมือสองไม่ต้องกังวลมากนักเกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาว

บทสรุป

การเดินทางผ่านโลกยานยนต์ของรถยนต์รุ่นต่างๆ ตั้งแต่ Honda Civic Type R ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะ, Mitsubishi Xpander Cross ที่ตอบโจทย์การผจญภัยของครอบครัว, New Mercedes-Benz E-Class ที่สะท้อนความหรูหราและเทคโนโลยี, Honda Jazz ที่มอบความอเนกประสงค์และความคุ้มค่า, Lamborghini Huracan EVO ที่เป็นสุดยอดแห่งซูเปอร์คาร์, ไปจนถึง Honda City e:HEV ที่ผสมผสานสมรรถนะและความประหยัดได้อย่างลงตัว สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์

แต่ละรุ่นที่กล่าวมา ล้วนมีจุดเด่นและความน่าสนใจในแบบของตนเอง แต่สิ่งที่เชื่อมโยงรถยนต์เหล่านี้ คือความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค

หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันต่อไปที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความเร้าใจบนท้องถนน, ความอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว, ความหรูหราสำหรับชีวิตประจำวัน, หรือประสิทธิภาพที่ประหยัดน้ำมัน เราขอเชิญชวนให้คุณศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองขับรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจ เพื่อค้นหา “คู่แท้” ที่จะพาคุณไปสู่ทุกจุดหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ.

Previous Post

N0101008 แกล งจ ดงานศพ เพ อด าม ใครบ างท กเขาจร และน อส งท เก ดข part2

Next Post

N0101009 าคนน ไปทำอะไรก บเด กน กเร ยนพวกน ไว ทำไมถ งโดนตามร งแกตลอด!! part2

Next Post
N0101009 าคนน ไปทำอะไรก บเด กน กเร ยนพวกน ไว ทำไมถ งโดนตามร งแกตลอด!! part2

N0101009 าคนน ไปทำอะไรก บเด กน กเร ยนพวกน ไว ทำไมถ งโดนตามร งแกตลอด!! part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0101001 ณหมอแอบแซบก บพยาบาล งๆท เขาก แฟนเป นพยาบาลเหม อนก part2
  • N0101017 แม านก บค ณนายม แฟนเป นคนเด ยวก แบบน จะทำไงต part2
  • N0101007 ให พน กงานใส แพมเพ สทำงาน และห ามใครไปเข าห องน part2
  • N0101015 กโทษหญ งหน ดวงซวยด นไปฉ หล งรถตำรวจ แต เธอขอไปเจอคนๆน part2
  • N0101006 ชายคนน เส ยความทรงจำ จนเขาไม าสองคนน ใครค อแฟนของเขา part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.