สุนทรียภาพแห่งยานยนต์: ย้อนรอยมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี 2561
การก้าวสู่ปี 2561 เป็นช่วงเวลาที่วงการยานยนต์ไทยได้เฉลิมฉลองกับมหกรรมสุดอลังการอย่าง “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2561 งานนี้ได้นำเสนอคอนเซ็ปต์ “Enjoyment of Automobiles” หรือ “สุนทรียภาพทางอารมณ์” ที่แตกต่างจากเทรนด์ยุคใหม่ที่เน้นพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีขับขี่กึ่งอัตโนมัติ งานนี้ได้ย้อนกลับไปสู่แก่นแท้ของการเป็นเจ้าของรถยนต์ นั่นคือความผูกพันระหว่างมนุษย์กับยานพาหนะคู่ใจ การเลือกสรรรถที่ใช่ การครอบครองรถที่ชอบ และการขับขี่ด้วยความสุขอย่างแท้จริง
ด้วยพื้นที่จัดแสดงกว่า 60,000 ตารางเมตร และการรวมตัวของ 30 ค่ายรถยนต์ชั้นนำ มหกรรมยานยนต์ 2561 ได้กลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่หลายคันไม่เคยปรากฏต่อสายตาสาธารณชนชาวไทยมาก่อน ถือเป็นแหล่งรวมนวัตกรรมและความล้ำสมัยของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกไฮไลท์เด่นของงาน พร้อมสัมผัสประสบการณ์การชมรถยนต์สุดพิเศษราวกับเป็นส่วนหนึ่งของโลกยานยนต์ชั้นนำ สำหรับท่านที่มาเป็นคู่ เป็นกลุ่ม หรือแม้กระทั่งมาเป็นสายลุยเดี่ยว ก็ขอให้มีความสุขกับการสำรวจโลกแห่งสี่ล้อนี้ และอย่าลืมติดตามข่าวสารเจาะลึกจาก Headlightmag บน Facebook ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในรายละเอียดของรถแต่ละรุ่นที่คุณอาจสนใจเป็นพิเศษ
หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศในรอบ VIP และสื่อมวลชน อาจมีการจัดวางรถที่แตกต่างจากรอบสาธารณะ โปรดเข้าใจหากพบการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของรถยนต์ที่ท่านชื่นชอบ
Aston Martin: ความสง่างามเหนือกาลเวลา สู่สมรรถนะสุดขีด
Aston Martin Bangkok ภายใต้การบริหารของ MGC-Asia ได้นำทัพยนตรกรรมสปอร์ตหรูจากอังกฤษมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ Rapide ซาลูนสี่ประตูที่เปี่ยมด้วยดีไซน์อันเฉียบคมราวซูเปอร์คาร์, Vanquish V12 ซูเปอร์คาร์ไร้เทอร์โบในตำนาน, ไปจนถึง V8 Vantage สปอร์ตขนาดเล็กที่มาพร้อมขุมพลัง 510 แรงม้าจากเครื่องยนต์ 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ และ DB11 สปอร์ตหรูขุมพลัง V12 ทวินเทอร์โบ 608 แรงม้า ที่มีทางเลือกเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร
ไฮไลท์สำคัญ คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ DBS Superleggera ซึ่งชื่อ “Superleggera” ได้รับแรงบันดาลใจจากบริษัทผู้สร้างตัวถังรถยนต์สัญชาติอิตาลี ผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนารถยนต์น้ำหนักเบาให้กับ Aston Martin ในช่วงยุค 60s-70s โดย DBS Superleggera มีพื้นฐานมาจาก DB11 แต่ได้รับการปรับปรุงใช้วัสดุน้ำหนักเบา ทำให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 70 กิโลกรัมเมื่อติดตั้งหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์
ภายใต้ฝากระโปรง DBS Superleggera บรรจุเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ขนาด 5.2 ลิตร (รหัส AE31) ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้รีดกำลังได้ถึง 715 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร นับเป็น Aston Martin ที่มีแรงบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะที่ติดตั้งไว้ท้ายรถ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.
แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างแท้จริง คือ Valkyrie AMR Pro รถยนต์ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็น “สุดยอดแห่งยนตรกรรม” ด้วยมูลค่าประเมินกว่า 300 ล้านบาทไทย ไม่ใช่เพียงแค่ความมั่งคั่งที่สามารถซื้อได้ แต่ยังต้องอาศัยบุญวาสนาและคอนเน็คชั่นอันดีเยี่ยมในการเป็นหนึ่งใน 25 ผู้โชคดีทั่วโลกที่จะได้ครอบครองรถคันนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด Valkyrie AMR Pro ถูกสร้างมาเพื่อลงสนามแข่งเท่านั้น ไม่สามารถขับขี่บนถนนสาธารณะได้
Valkyrie AMR Pro คือผลงานที่เกิดจากการผนึกกำลังของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจาก Aston Martin, Red Bull Racing, Cosworth, Rimac และอื่นๆ โดยทีมออกแบบนำโดย Marek Reichman และ Adrian Newey วิศวกร F1 ผู้เลื่องชื่อ การพัฒนามอเตอร์ V12 สูบ ขนาด 6.5 ลิตรที่ให้กำลังกว่า 1,100 แรงม้า พร้อมระบบ KERS แบบ F1 จาก Rimac โดยมีรอบสูงสุดถึง 11,000 รอบต่อนาที และมีน้ำหนักตัวเพียงประมาณ 1.1 ตันเท่านั้น
สำหรับรุ่น AMR Pro ที่เน้นสนามแข่งโดยเฉพาะ ได้รับการปลดข้อจำกัดด้านมลพิษทางเสียง ถอดระบบ Infotainment ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับรถแข่งโดยเฉพาะ ปรับช่วงล่างใหม่ ใช้เบรกคาร์บอน และล้อขนาด 18 นิ้ว เพื่อรองรับยางแข่ง Michelin เช่นเดียวกับรถคลาส LMP1 สามารถรับแรง G ขณะเข้าโค้งได้ถึง 3.3G และ 3.5G ขณะเบรกอย่างเต็มที่ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 360 กม./ชม.
หากคุณมีกำลังซื้อและสนใจรถคันนี้ ต้องขอบอกว่า Valkyrie นั้นได้ถูกขายหมดไปนานแล้ว และการพยายามซื้อต่อจากเจ้าของ 25 ท่านก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก Andy Palmer CEO เคยทวิตเตอร์เตือนว่า หากพบว่ามีการขายต่อเพื่อทำกำไร จะทำการขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ทันที ไม่สามารถซื้อรถรุ่นพิเศษของ Aston Martin ได้อีกต่อไป นี่คือโลกของยานยนต์มูลค่าหลายร้อยล้านบาทที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์เฉพาะตัว
Audi: นวัตกรรมสู่ยุคใหม่แห่งยนตรกรรม
Audi ภายใต้การนำของ Meister Technik สร้างความประทับใจด้วยการเปิดตัวรถใหม่ต่อเนื่อง และในงานนี้ก็มีหลากหลายรุ่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คาร์ R8, ตระกูล Avant อย่าง A4 และ A6 ที่ยกระดับรถสเตชั่นแวก้อนให้ดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น, หรือ SUV ตระกูล Q ที่มีทั้ง Q7 ขนาดใหญ่ และ Q8 SUV คูเป้ที่มาพร้อมขุมพลัง Mild Hybrid 3.0 ลิตร 340 แรงม้า
รุ่นใหม่ที่น่าจับตา คือ A7 Sportback 45TFSI quattro มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 245 แรงม้า เพื่อเป็นการตอบโต้ Mercedes-Benz CLS300d ที่ประกอบในประเทศและลดราคาลง Audi ได้ปรับกลยุทธ์โดยนำเสนอ A7 Sportback รุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบ ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น คือ 4,399,000 บาท แม้จะมีออพชั่นบางส่วนที่ลดลง เช่น ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen, ล้อ 19 นิ้ว, ชุดแต่ง S-line และกล้องรอบคัน แต่ยังคงไว้ซึ่ง Virtual Cockpit และดีไซน์ล้ำสมัย
Audi TT Minorchange ยังคงเป็นรถขายดีที่สุดของค่ายในไทย ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการแข่งขันด้านราคา ทำให้ลูกค้ามีงบเหลือไปปรับแต่งล้อตามสไตล์ของตนเอง TT Minorchange มาพร้อมกระจังหน้าใหม่, กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่, ชุดแต่ง S-Line ดีไซน์ใหม่ พร้อมออพชั่นเพิ่มเติมอย่างไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร, เซนเซอร์หน้า และกล้องมองหลัง โดยใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 230 แรงม้า คู่กับเกียร์ S-tronic 6 จังหวะ
Audi e-tron รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของ Audi ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการ ด้วยการเปิดตัวอย่างรวดเร็วและประกาศราคา 5,099,000 บาท ซึ่งมาก่อน Mercedes-Benz EQC ในตลาดไทย e-tron ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลัง 360 แรงม้า (เพิ่มเป็น 408 แรงม้าในโหมด Sport) เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 95 kWh วิ่งได้ไกล 417 กม. (WLTP) ด้วยขนาดตัวที่ยาว 4.9 เมตร จัดอยู่ในกลุ่มระหว่าง Q5 และ Q7
นวัตกรรมที่โดดเด่นใน e-tron คือกระจกมองข้างที่เปลี่ยนมาใช้กล้องแทน ทำให้ภาพปรากฏบนจอที่ติดตั้งบริเวณขอบประตู ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องเพิ่มเงิน แต่ก็ถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับอนาคต
Bentley: ฉลอง 100 ปีแห่งความหรูหราและสมรรถนะ
Bentley ใช้เวที Bangkok International Motor Show ในการเปิดตัว Continental GT Convertible W12 พร้อมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ รถเปิดประทุนสุดหรูคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ให้กำลัง 635 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. กลไกหลังคาผ้าใบได้รับการพัฒนาให้เปิด-ปิดได้ใน 19 วินาที ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น ช่องลมร้อนที่ผสานเป็นชิ้นเดียวกับเบาะนั่ง Comfort Seat, พวงมาลัย, เบาะ และที่พักแขนที่มีฮีตเตอร์ในตัว และไฮไลท์สำคัญคือ Bentley Rotating Display จอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถหมุนสลับระหว่างการแสดงผลเป็นหน้าจอ, มาตรวัดคลาสสิก หรือลายไม้
ราคาของ Continental GT Convertible W12 ตั้งไว้ที่ 23,800,000 บาท นอกจากนี้ยังมี Continental GT W12 ราคา 22,100,000 บาท และ Bentayga Petrol V8 SUV สมรรถนะสูง เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 550 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 21,500,000 บาท
BMW/MINI: ความเร้าใจในทุกมิติ
BMW นำเสนอรถยนต์ครบครันทุกรุ่นในไลน์อัพปกติ พร้อมด้วยรถตระกูล M ที่จัดจ้านหลายรุ่น ตั้งแต่ M2 Competition, M4CS ไปจนถึง M5 แต่ ไฮไลท์สำคัญ คือ X7 M50d รถ SUV ขนาดใหญ่ที่สุดของ BMW มาพร้อมกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์, ไฟหน้า BMW Laserlight และล้ออัลลอย BMW Individual ขนาด 22 นิ้ว ภายในตกแต่งหรูหราด้วยเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง หุ้มหนังแท้ Merino ห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่
X7 M50d ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ M Performance TwinPower Turbo 4 ตัว ให้กำลัง 400 แรงม้า แรงบิด 760 นิวตันเมตร พร้อมช่วงล่าง Executive Drive Pro ราคา 8,999,000 บาท
BMW Z4 (G29) สปอร์ตโรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง ดีไซน์ใหม่ หวนคืนสู่หลังคาผ้าใบที่เบาและประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น 50% เป็น 281 ลิตร มี 2 รุ่นย่อย คือ sDrive30i เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 258 แรงม้า ราคา 3,999,000 บาท และ M40i เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตรเทอร์โบ 340 แรงม้า ราคา 4,999,000 บาท ซึ่งมาพร้อมช่วงล่าง Adaptive M Suspension, ระบบเบรก M Sport และออพชั่นสปอร์ตเต็มพิกัด
BMW ซีรีส์ 3 ใหม่ (G20) ซีดานยอดนิยม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น แม้ขนาดตัวจะใหญ่ขึ้น แต่น้ำหนักกลับเบาลง 55 กิโลกรัม ด้วยการใช้วัสดุผสมและอะลูมิเนียม รุ่นแรกที่นำเข้ามาคือ 320d Sport ราคา 2,959,000 บาท เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 190 แรงม้า และ 330i M Sport ราคา 3,359,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ 258 แรงม้า พร้อมชุดแต่ง M Sport
MINI Cooper S 60 Years Edition รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปีของแบรนด์ โดดเด่นด้วยสีเขียว British Racing Green ตัดกับหลังคาและกระจกมองข้างสีขาว Pepper White พร้อมสัญลักษณ์ 60 ปี กระจายอยู่ทั่วคัน ภายในตกแต่งด้วยโลโก้ 60 ปี บนพวงมาลัยและเบาะ นั่งแบบ MINI Yours Leather Lounge สี Dark Maroon มาพร้อม 2 รุ่นย่อย คือ 3 ประตู ราคา 2,900,000 บาท และ 5 ประตู ราคา 2,940,000 บาท จำกัดจำนวนเพียง 17 คันในไทย
Chevrolet: เส้นทางใหม่สู่การเป็นผู้นำ
Chevrolet ประกาศกร้าวถึงทิศทางใหม่ “Find New Roads” โดยมุ่งเน้นการเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะ, SUV/PPV, ครอสโอเวอร์ และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก้าวแรกของการส่งสัญญาณคือการเปิดตัว Chevrolet Captiva รุ่นใหม่ ซึ่งจะมาทำตลาดในกลุ่ม B/C-SUV วางตำแหน่งให้เล็กกว่า CR-V แต่ใหญ่กว่า HR-V ราคาเริ่มต้นคาดว่าจะต่ำกว่า 1 ล้านบาท
Captiva ใหม่ ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่จะมีความแตกต่างจาก Baojun 530 ที่เป็นฝาแฝดในเรื่องการออกแบบแดชบอร์ด มีให้เลือกทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง พร้อมหลังคา Panoramic คาดการณ์ราคาขายจะอยู่ระหว่าง 9 แสนปลาย ถึง 1.3 ล้านบาท พร้อมจำหน่ายจริงในครึ่งหลังของปี
FOMM (EV): นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเมือง
FOMM One รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับคนเมือง มีความยาวเพียง 2,585 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยพวงมาลัยสไตล์นักบิน พร้อมคันเร่งบนพวงมาลัย ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก 2.96 kWh จำนวน 4 ก้อน ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ FOMM ยังนำเสนอเครือข่าย Battery Cloud ที่ลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เมื่อใกล้หมด เพื่อลดความกังวลเรื่องสถานีชาร์จ
FOMM One ชาร์จเต็มวิ่งได้ 160 กิโลเมตร (WLTC) ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. ราคา 599,900 บาท (สำหรับ 2,000 คันแรก) แม้ราคาสูงเทียบเท่ารถอีโคคาร์ แต่มีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารถเบนซินถึง 9 เท่า และสามารถลุยน้ำได้
Ford: ยนตรกรรมพันธุ์แกร่ง
Ford นำเสนอ Ranger Raptor กระบะพันธุ์แกร่ง ขุมพลัง 2.0 ลิตรดีเซล Compound Turbo 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์ 10 สปีด พร้อมโช้คอัพ Fox Racing Shox, ระบบ Terrain Management System และโหมด Baja แม้จะขาดออพชั่นหรูหราบางส่วนเมื่อเทียบกับ Wildtrak แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด
นอกจากนี้ ยังมี Ranger Raptor ที่ตกแต่งพิเศษ, Everest ที่แต่งสไตล์ดุดัน และ Mustang รุ่น 2.3 Ecoboost และ 5.0 GT ที่ได้รับการอัปเดตสปอยเลอร์หลังสำหรับรุ่น 2.3 ลิตร
Honda: ความสมดุลระหว่างสมรรถนะและดีไซน์
Honda Accord Gen.10 พระเอกของบูธ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ 190 แรงม้า 1 รุ่น และเครื่องยนต์ Hybrid 2.0 ลิตร 215 แรงม้า 2 รุ่น ดีไซน์ภายนอกดูทันสมัยล้ำยุคกว่า Civic ขึ้นไปอีกระดับ แม้บางจุดอาจดูขัดตาไปบ้าง เช่น ไฟท้าย แต่โดยรวมแล้ว Accord ยังคงความหรูหราแบบซีดาน D-Segment
ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม เน้นความทันสมัย แต่บางส่วนอาจดูเรียบง่ายลง ราคาคาดว่าจะเริ่มต้นไม่เกิน 1.5 ล้านบาทสำหรับรุ่นเทอร์โบ และไม่เกิน 1.8 ล้านบาทสำหรับรุ่น Hybrid TECH
Hyundai: ก้าวสู่ยุค EV อย่างแข็งแกร่ง
Hyundai สร้างความฮือฮาด้วยการนำ KONA electric เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการอย่างรวดเร็ว หลังจากที่โชว์ตัวในงาน Motor Expo Hyundai กลายเป็นผู้นำตลาด EV ในกลุ่มราคาที่เข้าถึงได้
KONA electric มี 2 รุ่นย่อย:
SE: ราคา 1,849,000 บาท มอเตอร์ 136 แรงม้า แบตเตอรี่ 39.2 kWh วิ่งได้ 312 กม. (WLTP)
SEL: ราคา 2,259,000 บาท มอเตอร์ 204 แรงม้า แบตเตอรี่ 64 kWh วิ่งได้ 482 กม. (WLTP) พร้อมอุปกรณ์พิเศษ เช่น HUD, เซนเซอร์หน้า, เบาะอุ่น
นอกจากนี้ Hyundai H-1 Limited III รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด 300 คัน มาพร้อมหลังคามูนรูฟคู่, ล้อ 17 นิ้ว, ภายในหนังและลายไม้สีเทา, ระบบ Cruise Control, Ambient Light, จอ 7 นิ้ว และจอหลังเบาะ 10.1 นิ้ว ราคา 1,679,000 บาท
Isuzu: ยนตรกรรมแห่งความแกร่ง ดุดัน และหรูหรา
Isuzu นำเสนอ MU-X The Onyx เวอร์ชั่นหรูพิเศษ เพิ่มสีแดง Etna Red, กระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว Flash Black Design, ซุ้มล้อและบันไดข้างสีดำ, ไฟท้ายรมดำ ภายในมี Ambient Light สีแดง, ถุงลมนิรภัย 6 ใบ และระบบ BOS ราคา 1,364,000 บาท (1.9 ลิตร) และ 1,409,000 บาท (3.0 ลิตร)
นอกจากนี้ ยังจัดแสดง D-Max V-Cross Max 4×4 ที่ตกแต่งสไตล์ออฟโรด พร้อมอุปกรณ์ ARB และล้อ Fuel Baja รวมถึง D-Max ที่ตกแต่งแบบ Safety Car ในการแข่งขันรุ่น 1.9 ลิตร ที่รีดกำลังได้ถึง 350 แรงม้า
Jaguar/Land Rover: ประวัติศาสตร์แห่งนวัตกรรมไฟฟ้า
Jaguar Land Rover นำเสนอ Jaguar I-PACE รถ SUV พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของค่าย ด้วยขนาดตัวไม่ใหญ่ (ยาว 4,682 มม.) แต่ห้องโดยสารกว้างขวาง และพื้นที่เก็บสัมภาระท้าย 686 ลิตร I-PACE ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 90 kWh ให้กำลังรวม 400 แรงม้า แรงบิด 696 นิวตันเมตร เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.8 วินาที วิ่งได้ไกล 470 กม.
มี 3 รุ่นย่อย: S ราคา 5,499,000 บาท, SE ราคา 6,299,000 บาท, และ HSE ราคา 6,999,000 บาท จำกัดโควต้าในปี 2561 เพียง 12 คัน
Kia: ยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่สมบูรณ์แบบ
Kia นำเสนอ Grand Carnival MPV ยอดนิยม 3 รุ่นย่อย:
2.2 D LX 8AT: 1,622,000 บาท
2.2 D EX 8AT: 1,991,000 บาท
2.2 SXL 8AT: 2,292,000 บาท
รุ่น EX และ SXL มาพร้อมระบบควบคุมการทรงตัว, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, และจอภาพผู้โดยสารขนาดใหญ่ขึ้น SXL เพิ่มความหรูหราด้วยซันรูฟคู่, หน้าปัด TFT, ระบบแจ้งเตือนจุดบอด, เบาะไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ และอื่นๆ อีกมากมาย
Lamborghini: พลังไร้ขีดจำกัด ความเร้าใจเหนือระดับ
Lamborghini นำ Huracan EVO รถสปอร์ตที่มาแทนที่ Huracan LP610-4 Coupe ด้วยเครื่องยนต์ V10 640 แรงม้า พร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนอัจฉริยะ LDVI (Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata) ครั้งแรกที่ Lamborghini ติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง ราคาเริ่มต้น 24.59 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมี Aventador SVJ รถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในสนาม Nurburgring ด้วยเวลา 6:44.97 นาที เครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร 770 แรงม้า ราคา 44.5 ล้านบาท และ Urus SUV สุดหรู เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร 650 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 23.42 ล้านบาท
Maserati: ศิลปะแห่งยนตรกรรมจากอิตาลี
Maserati นำเสนอ GranTurismo MY2019 ยนตรกรรมคูเป้ดีไซน์เหนือกาลเวลา ใช้เครื่องยนต์ V8 4.7 ลิตร 460 แรงม้า พร้อมระบบ Infotainment อัปเกรด ราคา 14.99 ล้านบาท
New Quattroporte รถซีดานประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีอิตาลี มาพร้อมไฟหน้า Adaptive Matrix LED รุ่น GTS เครื่องยนต์ V8 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ 530 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม.
Levante Vulcano Limited Edition SUV รุ่นพิเศษ ผลิต 150 คันทั่วโลก โดยไทยได้โควต้า 10 คัน โดดเด่นด้วยสีเทาด้าน Grigio Lava, ชุดแต่ง Nerrissimo Pack, คาลิปเปอร์เบรกสีแดง และล้อ 21 นิ้ว ภายในตกแต่งพิเศษพร้อมโลโก้ “One of 150” ใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 350 แรงม้า
Mazda: วิสัยทัศน์แห่งการออกแบบ KODO
Mazda จัดแสดง KAI Concept รถต้นแบบที่สะท้อนวิสัยทัศน์การออกแบบ KODO Ver 2.0 ด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น พร้อมเทคโนโลยีเครื่องยนต์ SKYACTIV-G และ SKYACTIV-X นวัตกรรมเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้การจุดระเบิดด้วยการอัดอากาศ
CX-3 Exclusive MODS รุ่นพิเศษ เพิ่มออพชั่นด้วยเบาะหนัง Nappa สีแดง, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบความจำ, รองรับ Apple CarPlay/Android Auto และล้อ 18 นิ้ว ราคา 1,110,000 บาท
McLaren: ความเร็วระดับซูเปอร์คาร์
McLaren 720S Spider เวอร์ชันเปิดหลังคาของ Super Series 720S ใช้เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ 720 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 341 กม./ชม. กลไกหลังคาเปิด-ปิดใน 11 วินาที ราคาเริ่มต้น 29.5 ล้านบาท
Mercedes-Benz: ความหรูหรา สู่ยุคแห่งไฟฟ้า
Mercedes-Benz นำเสนอ S 560 e AMG Premium รถยนต์ Plug-in Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตรทวินเทอร์โบ 367 แรงม้า ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า รวมกำลัง 476 แรงม้า ราคา 6,999,000 บาท
ฝั่ง Mercedes-AMG นำเสนอ E 53 4MATIC+ Coupe และ CLS 53 4MATIC+ ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง M256 พร้อมระบบไฟฟ้า 48V และ EQ Boost ให้กำลัง 435 แรงม้า CLS 53 ประกอบในประเทศ ราคา 5,350,000 บาท ส่วน E 53 Coupe นำเข้า ราคา 6,990,000 บาท
MG: ก้าวสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบที่ใช้มอเตอร์ 150 แรงม้า วิ่งได้ 335 กม. (NEDC) พร้อมดีไซน์ภายนอกและภายในที่ปรับปรุงให้ทันสมัย MG ประกาศพร้อมนำ ZS EV เวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาเข้าจำหน่ายในไทยในปีนี้
MG V80 รถตู้ขนาดใหญ่ 11 ที่นั่ง เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 136 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา (988,000 บาท) และเกียร์ SELEMATIC (1,038,000 บาท)
Mitsubishi: วิสัยทัศน์แห่งอนาคต
Mitsubishi จัดแสดงรถต้นแบบ e-Evolution Concept ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการมุ่งเน้น SUV/Crossover และพลังงานไฟฟ้า มาพร้อมมอเตอร์ 3 ตัว, ระบบ AYC และ AI ที่ฉลาด
Triton Absolute รถต้นแบบที่สะท้อนแนวคิด “Build-up Robustness” ตกแต่งสไตล์ออฟโรด พร้อมยาง Mud Terrain, ชุดกันชนหน้า-หลัง, ซุ้มล้อคาร์บอน และช่วงล่างยกสูง 50 มม. หากได้รับการตอบรับที่ดี อาจมีโอกาสผลิตจำหน่าย
Nissan: นวัตกรรมเพื่อการขับเคลื่อนอัจฉริยะ
Nissan X-Trail minorchange SUV อัจฉริยะ มาพร้อมระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด เช่น Intelligent Cruise Control, Intelligent Around View Monitor และ Intelligent Emergency Braking มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ Hybrid 2.0 ลิตร
Navara Black Edition II กระบะดีไซน์ดุดัน พร้อมชุดแต่งเฉพาะรุ่น กราฟิกส้ม, ซุ้มล้อสีดำ และล้อ 18 นิ้ว ภายในมี Cruise Control, Around View Monitor และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Nissan Connect
Porsche: สมรรถนะสูงสุดในทุกตารางนิ้ว
Porsche นำ All-New Porsche 911 (992) เผยโฉมครั้งแรกในเอเชีย รุ่นที่จำหน่ายมี Carrera S และ Carrera 4S มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 10.9 นิ้ว, เกียร์ PDK 8 จังหวะ และระบบช่วยเหลือการขับขี่ Wet mode ราคาเริ่มต้น 12,150,000 บาท (Carrera S)
อีกรุ่นที่น่าสนใจคือ 911 GT3RS รถเวอร์ชันไร้เทอร์โบที่ร้ายกาจที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร 520 แรงม้า และสามารถทำเวลาต่อรอบสนาม Nurburgring ได้ใน 6:56.4 นาที
Rolls-Royce: จุดสูงสุดแห่งความหรูหรา
Rolls-Royce Phantom เจเนอเรชั่นที่ 8 ยังคงความเป็นผู้นำสูงสุดด้านความหรูหราและงานฝีมือภายในห้องโดยสาร ใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ 6.75 ลิตร 563 แรงม้า มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ราคาตั้งแต่ 53.5 – 59.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังจัดแสดงครบทั้ง 5 รุ่น ได้แก่ Ghost, Wraith Black Badge, Dawn และ SUV รุ่นแรก Cullinan ที่มาพร้อมสีพิเศษ Infinity Black Metallic ตัดกับแถบสีส้ม Mandarin และการตกแต่งภายในสุดหรู
Subaru: ความแกร่งที่พร้อมลุย
Subaru XV GT Edition รุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกับ Giken และ มร. มาซาฮิโกะ โกบายาชิ ตกแต่งภายนอกด้วยชายกันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง, สปอยเลอร์หลังคา และชายกันชนหลัง ภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสีดำสลับขาว มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย: ล้อ 17 นิ้ว ราคา 1,338,000 บาท และล้อ 18 นิ้ว ราคา 1,358,000 บาท
Suzuki: ตำนานรถจี๊ปแห่งการผจญภัย
Suzuki Jimny (All-new) รถจี๊ปขนาดจิ๋วจากญี่ปุ่น นำเข้าทั้งคัน เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 102 แรงม้า ราคา 1,550,000 บาท (เกียร์ธรรมดา) และ 1,650,000 บาท (เกียร์อัตโนมัติ) แม้ราคาจะสูง แต่กลับได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
Suzuki Ertiga 2019 MPV ที่ใช้โครงสร้าง HEARTECT เหมือน Swift เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 105 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคาตัวท็อป 695,000 บาท
Toyota/Lexus: ตำนานที่กลับมาพร้อมนวัตกรรม
Toyota Supra A90 รถสปอร์ตในตำนานที่กลับมาอีกครั้ง พัฒนาร่วมกับ BMW Z4 ใช้เครื่องยนต์ 3 แบบ (2.0 เทอร์โบ 184 แรงม้า, 2.0 เทอร์โบ 258 แรงม้า, 3.0 เทอร์โบ 340 แรงม้า) คาดการณ์ราคาจะสูงกว่า BMW Z4 M40i
Toyota Commuter ใหม่ รถตู้ขนาดใหญ่ ยาว 5,915 มม. ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN-Turbo 177 แรงม้า คาดว่าจะเปิดตัวกลางปี
Lexus UX250h Hybrid ครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูตามแนวคิดของคุณ Chika Kako วิศวกรโครงการหญิง ใช้เครื่องยนต์ Hybrid 2.0 ลิตร 184 แรงม้า มี 3 รุ่นย่อย: Luxury (2.49 ล้านบาท), Grand Luxury (2.69 ล้านบาท), และ F-Sport AWD (3.62 ล้านบาท)
Volvo: ความปลอดภัยเหนือระดับ สู่ยุคใหม่แห่งการขับขี่
Volvo นำเสนอแคมเปญ “Drive Your Desire” ที่ให้ลูกค้าสามารถ “อัปเกรด” รุ่นย่อยของรถที่สนใจได้ฟรีสูงสุดถึง 500,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าได้รับรถรุ่นที่สูงขึ้นในราคาเดิม
XC40 SUV ขนาดเล็ก มีรุ่น T4 Momentum (190 แรงม้า) และ T5 R-Design (252 แรงม้า) ราคาเริ่มต้น 2,090,000 บาท มาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน
ปิดท้าย: สุนทรียภาพที่ไร้ขีดจำกัด
มหกรรมยานยนต์ 2561 ในครั้งนี้ได้ตอกย้ำว่า ความหลงใหลในยานยนต์ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของผู้บริโภค การผสมผสานระหว่างดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะที่เร้าใจ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และความหรูหราเหนือกาลเวลา ได้ถูกนำเสนอผ่านยนตรกรรมหลากหลายแบรนด์ เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านที่หลงใหลในโลกของรถยนต์ได้ค้นพบ “สุนทรียภาพทางอารมณ์” ที่สมบูรณ์แบบ
หากคุณกำลังมองหายานพาหนะคู่ใจ หรือต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษ งานมหกรรมยานยนต์ คือจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ อย่ารอช้าที่จะมาค้นหา “คันที่ใช่” และก้าวเข้าสู่โลกแห่งความสุขบนสี่ล้อไปกับเรา!

