โตโยต้า ยาริส ใหม่: การกลับมาของ “อีโคคาร์” ที่ท้าทายทุกความคาดหวัง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ การได้เห็นพัฒนาการของรถยนต์แต่ละรุ่นเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นรถยนต์ที่เคยสร้างปรากฏการณ์และเป็นที่จับตามองอย่าง Toyota Yaris ซึ่งในเวอร์ชันใหม่นี้ ได้สร้างทั้งความประหลาดใจและความท้าทายต่อมุมมองเดิมๆ ของตลาดรถยนต์ Eco Car ในประเทศไทยอย่างแท้จริง
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน มีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ Yaris รุ่นใหม่ที่ค่อนข้างเหลี่ยมคม ดูสปอร์ต และมีการออกแบบกระจังหน้าที่ชวนให้นึกถึง Mitsubishi RVR หรือ ASX ผมเองก็เคยถอนหายใจกับแนวคิดนี้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นว่ารถยนต์ที่มีดีไซน์ดุดันเกินไป มักจะไม่ประสบความสำเร็จในตลาด Eco Car ที่กว่า 30-40% ของผู้ซื้อคือกลุ่มผู้หญิง ซึ่งมักนิยมรถยนต์ที่มีเส้นสายอ่อนช้อย น่ารัก
ภาพในหัวของผมคือ Yaris Hatchback 5 ประตู ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เสา A-pillar ร่วมกับ Vios รุ่นใหม่ (ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครได้เห็น) และภาพนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไปในความฝัน
ความจริงที่ปรากฏ: ความประหลาดใจจาก Auto Shanghai 2013
เช้าวันหนึ่งในเดือนเมษายน 2013 ความกังวลของผมก็กลายเป็นจริง เมื่อภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 เผยให้เห็น Yaris รุ่นใหม่ ด้านหน้าที่ดูคล้ายคลึงกับ Mitsubishi Lancer EX หรือแม้กระทั่ง “อาเหล่ากง” บวกกับชุดไฟท้ายที่ชวนให้นึกถึง “ก้อนน้ำมูก” ผมได้แต่คิดว่า “จบกัน…แบบนี้ ขายผู้ชายได้ แต่ขายผู้หญิงคงยาก มีทางเดียวคือการตลาดแบบ Colorful Marketing หาเฉดสีตัวถังสวยๆ มาดึงดูดเท่านั้น”
ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัว Yaris ใหม่นี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไทยกำลังเผชิญความผันผวนจากโครงการคืนภาษีรถคันแรกปี 2554-2555 ซึ่งแม้ผู้บริโภคจะได้รับอานิสงส์ แต่ผู้ผลิตกลับต้องเผชิญกับปัญหากำลังซื้อที่หดหายไปในปี 2556 รถค้างสต็อกจำนวนมาก และต้องงัดโปรโมชั่นสุดแรงเพื่อระบายสินค้า กลุ่ม B-Segment และ Eco Car ได้รับผลกระทบอย่างหนัก การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในช่วงนี้จึงเป็นเหมือนการเดิมพันครั้งใหญ่
Yaris เองก็หนีไม่พ้นชะตากรรมนี้ไปพร้อมกับ Vios ญาติร่วมแพลตฟอร์ม การเปิดตัว Yaris ในช่วงเวลาดังกล่าวดูเหมือนจะเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่ Toyota ต้องทำเพื่อรักษาตำแหน่งในตลาด Eco Car
กระแสตอบรับที่เบาบาง สู่การยอมรับที่ค่อยเป็นค่อยไป
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นคือ กระแสการพูดถึง Yaris ใหม่ ในโลกโซเชียลมีเดียบางตาอย่างน่าประหลาดใจ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ยิ่งเมื่อต้องมาเปิดตัวใกล้เคียงกับ Nissan Teana ที่เป็นรถคนละกลุ่มตลาด ก็ยิ่งถูกกลบกระแสไปจนเกือบหมด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มเห็น Yaris ใหม่ จำนวนมากขึ้นบนท้องถนน คำถามคือ คนไทยเริ่มยอมรับรถหน้าตา “ประหลาด” คันนี้แล้วจริงหรือ?
วันนี้ หลายคำถามยังคงค้างคาในใจของผู้บริโภค: อัตราเร่งจะอืดไหม? ประหยัดน้ำมันแค่ไหน? ขับดีหรือไม่? พวงมาลัยแก้ไขแล้วหรือยัง? ช่วงล่างเป็นอย่างไร? และที่สำคัญ “ควรซื้อหรือไม่?” หรือหากจะซื้อ “ควรเลือกรุ่นย่อยไหนดี?” บางคนอาจเปรียบเทียบ Yaris กับ Suzuki Swift แต่บางคนก็ไปไกลถึงขั้นว่าจะเปลี่ยนใจจาก Vios มา Yaris ดีไหม?
ผมไม่แน่ใจว่าคำตอบในบทความนี้จะยิ่งสร้างความกังขาให้ท่านผู้อ่านมากขึ้นหรือไม่ หากผมจะบอกว่า “อัตราเร่งของ Yaris ใหม่นั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่า Vios เลย แถมยังประหยัดน้ำมันกว่า Vios และให้พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่กว้างขวางกว่าอย่างเห็นได้ชัด!”
ไม่เชื่อใช่ไหมครับ? Yaris ยังคงทำหน้าที่เป็นรถยนต์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าทั่วโลกเสมอมา ทุกครั้งที่เปิดตัว เหมือนเช่นรุ่นแรกเมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้
Yaris: ประวัติศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์ และการปรับตัว
Toyota มีความพยายามที่จะบุกตลาด Sub-Compact Hatchback ในยุโรปมาอย่างยาวนาน เริ่มตั้งแต่การพัฒนารถตระกูล Publica สู่ Toyota Starlet ที่ทำตลาดมาเรื่อยๆ แต่ก็เริ่มดูน่าเบื่อสำหรับตลาดโลก
จึงเป็นที่มาของการมอบหมายให้ Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่ง แห่ง Toyota European Office of Creation (EPOC) สร้างสรรค์แนวทางใหม่ และในปี 1997 Toyota ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล “Fun” ทั้ง FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เป็นสัญญาณว่ารถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota จะมีเส้นสายที่พัฒนามาจากรถต้นแบบเหล่านี้ พร้อมโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)
ปี 1998 Yaris ก็ได้เผยโฉมครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป เป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้ Toyota หันกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ชื่อ “Yaris” นั้น มีที่มาจากการผสมคำว่า “Ya” (ภาษาเยอรมัน แปลว่า “ใช่”) และ “Charis” (เทพีแห่งความงามในตำนานกรีก)
ในตลาดญี่ปุ่น Yaris เปิดตัวด้วยชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะขยายไปสู่ตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในชื่อ ECHO ส่วนรุ่น Sedan 2 และ 4 ประตู ขายในญี่ปุ่นชื่อ Platz และในตลาดอื่นๆ ก็ใช้ชื่อ ECHO เช่นกัน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่ารุ่น Hatchback ที่ขายดีถล่มทลาย
Yaris รุ่นแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น จนคว้ารางวัล European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งเป็นรางวัลที่ปกติจะมีแต่รถยุโรปเท่านั้นที่ครองบัลลังก์
รุ่นที่ 2 (NCP90) สู่ตลาดไทย: การเปิดตัวครั้งแรกและการปรับตัว
รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2005 ภายใต้รหัสโครงการ 351L เวอร์ชันไทยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 ถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย แม้จะทำตลาดได้ดีทั่วโลก แต่ในไทย ช่วงแรกยอดขายไม่ดีนัก เนื่องจากตั้งราคาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ Toyota Motor Thailand ต้องออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย
รุ่นที่ 3: การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สู่ตลาด Eco Car
รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 22 ธันวาคม 2010 Toyota เลือกทำตลาดรุ่นนี้ในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างนัก
ในช่วงแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรปนี้ จะเข้ามาผลิตขายในไทย แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง อันเป็นผลมาจากการที่ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Eco Car ของภาครัฐ
คำถามสำคัญ: รถรุ่นใดจะมาทำตลาด Eco Car?
ภายใต้ข้อจำกัดของโครงการ Eco Car ที่กำหนดให้ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ไม่เคยออกจำหน่ายมาก่อนในประเทศใด การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะผลิตในญี่ปุ่นและยุโรปมาพัฒนาต่อ จึงเป็นไปไม่ได้
การนำ Aygo รถยนต์ที่พัฒนาร่วมกับ PSA Peugeot Citroen ก็ดูจะเล็กเกินไปสำหรับตลาดไทย ที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทางสังคมมาก และยังมีข้อตกลงกับ PSA ว่าผลิตได้เฉพาะในสาธารณรัฐเช็ก และขายได้เฉพาะในยุโรปเท่านั้น
ทางเลือกเดียวที่เหลือ คือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดจีนที่ต้องการรถ Hatchback ขนาดเล็ก แต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป โดยใช้ Platform และวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios
TakeShi Matsuda: Chief Engineer ผู้พัฒนา Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า “ความตั้งใจแรกของผมคือการทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็น Full Model Change สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดไทยกำหนดให้ทำ Yaris เป็น Eco Car จึงต้องหาทางออกให้กับข้อจำกัดมากมาย และผลลัพธ์ก็คือ Yaris อย่างที่เห็นกันอยู่นี้”
Dear Qin: ต้นแบบแห่งอนาคต
หนึ่งปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota ได้สร้างรถยนต์ต้นแบบในชื่อ Toyota Dear Qin Hatchback สีเขียว ควบคู่กับ Dear Qin Sedan สีแดงเลือดหมู ในงาน Beijing Automotive Show 2012 รถต้นแบบทั้งสองคันนี้ เผยให้เห็นถึงแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก Dear Qin คันสีเขียวนี้ เป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ ที่จะเปิดตัวในอีกหนึ่งปีต่อมา เพื่อสื่อสารว่ารถคันนี้ออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนเป็นตลาดเป้าหมายหลัก
การเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ และก้าวสู่ตลาดไทย
เมื่อเป้าหมายหลักคือตลาดจีน จึงไม่น่าแปลกใจที่ Yaris รุ่น “ประหลาด” นี้จะเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2013
สำหรับตลาดจีน GAC-Toyota เริ่มปล่อยข้อมูลตัวรถและส่ง Yaris-L ขึ้นโชว์รูมในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2013
ประเทศไทย เป็นประเทศลำดับที่ 2 ที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่ โดยมีงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World
TakeShi Matsuda: Chief Engineer ผู้รับผิดชอบโครงการ Vios และ Yaris สำหรับตลาดเอเชีย กล่าวว่า “ในตอนแรก เขาตั้งใจสร้างรถคันนี้ให้เป็น B-Segment Hatchback ในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันของ Yaris สำหรับตลาดเอเชีย โดย ‘ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก’ “
ทว่าเมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดให้ Yaris ต้องทำตลาดในไทยฐานะ Eco Car ทำให้เกิดข้อจำกัดมากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น
Matsuda-san เลือกที่จะไม่ประนีประนอมกับประเด็นเรื่องเส้นสาย เขาให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายใน ให้มีความสบาย ไม่เบียดเสียดกัน ขณะเดียวกันก็ยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร และการเกาะถนนให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
ดีไซน์ภายนอก: ความเฉียบคมที่แตกต่าง
Yaris ใหม่ มีมิติตัวถังที่ยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (4,115 มม.) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน (3,800 มม.) ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่วางขาผู้โดยสารด้านหลังที่ยาวถึง 663 มม. และพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถที่เพิ่มขึ้นเป็น 326 ลิตร
เส้นสายภายนอกมาในสไตล์เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน พร้อมกระจังหน้าที่คล้าย Mitsubishi RVR / ASX หรือ Lancer EX แต่เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินแบบ “หนวดปลาดุก” ทำให้ผมอยากตั้งฉายาให้รถคันนี้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!”
รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ เช่น ครีบรีดอากาศที่เสาขอบประตู หรือมือจับประตู
ส่วนบั้นท้าย การออกแบบชุดไฟท้ายทรงประหลาด ที่ใช้กรอบท่อนล่างของ Vios ลากเส้นขึ้นไปยาวๆ ทำให้ดูไม่เหมือนใคร แต่ก็ทำลายความลงตัวของงานออกแบบฝาประตูหลัง จนทำให้บั้นท้ายดูแปลกประหลาด น่าเสียดายยิ่ง เหมือนมีใครเอาก้อนเลือดกำเดาไหลไปแปะอยู่กับไฟท้ายของ Vios
ภายในห้องโดยสาร: ความคุ้นเคยที่มาพร้อมความสะดวกสบาย
เมื่อเสา A-pillar, กรอบช่องประตูคู่หน้า และเสา B-pillar ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ การเข้า-ออกเบาะนั่งคู่หน้าจึงเหมือนกันเป๊ะ! การเข้า-ออกอาจต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อย เนื่องจากเสา A-pillar ค่อนข้างลาดเอียง
แผงประตูออกแบบให้ตำแหน่งวางแขนเหมาะสม วัสดุตกแต่งผสมผสานระหว่างพลาสติกสีเงินเมทัลลิกและพลาสติกสีดำลายฝีเย็บหลอกๆ มือจับประตูออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือชั่วคราวได้
เบาะนั่งคู่หน้า เป็นเบาะผ้าสีดำยกมาจาก Vios ใหม่ เปลี่ยนแค่ลายผ้าตรงกลางจากสีน้ำเงินเป็นสีส้ม พร้อมตะเข็บเย็บสีส้มเพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต
โครงสร้างเบาะนั่งปรับเลื่อนได้มากขึ้น เบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบด้านหลังเบาะให้มีส่วนเว้าเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า
สิ่งที่น่าตำหนิคือ เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด ที่ปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ ซึ่งพบใน Vios ก็ยังโผล่มาให้เห็นใน Yaris ด้วย ถือเป็นการลดต้นทุนที่น่าเกลียดมาก
พื้นที่เหนือศีรษะไม่ต่างจาก Vios ใหม่ ให้ความโปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อนอย่างชัดเจน
พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง: จุดเด่นที่เหนือกว่าใคร
การลุกเข้า-ออกประตูคู่หลัง แม้ช่องทางจะกว้างขึ้น แต่ก็ยังต้องก้มหัวลงพอสมควรเพื่อหลีกเลี่ยงการโขกกับขอบประตู
จุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ คือเบาะหลังที่มีพื้นที่กว้างใหญ่และโอ่อโถงที่สุดในบรรดา Eco Car ทุกคันที่ผลิตขายในประเทศไทยจนถึงปี 2016! เบาะหลังรองรับแผ่นหลังและช่วงไหล่ได้สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี พนักศีรษะใช้งานได้จริง แต่พนักศีรษะตรงกลางรูปตัว L คว่ำ ควรจะถอดออกหากไม่จำเป็น
พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้ที่มีส่วนสูง 171 ซม. ยังเหลือให้สอดนิ้ว 3 นิ้วได้พอดี
พื้นที่วางขากว้างขวาง สะใจมาก แม้จะปรับเบาะคนขับในระดับปกติ ผู้ที่มีรูปร่างใหญ่ก็ยังสามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย
ความปลอดภัย: ครบครันแต่ยังขาดจุดสำคัญ
เหนือประตูทั้ง 4 บาน มีมือจับยึดเหนี่ยวจิตใจมาให้ครบ แต่กลับไม่มีเข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำได้
เข็มขัดนิรภัยแถวหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ทุกที่นั่ง แต่สำหรับผู้โดยสารตรงกลาง ถูกออกแบบมาในลักษณะเฉพาะตัว เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนและข้อจำกัดในการติดตั้ง
มีจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX มาให้ที่เบาะหลัง
พนักพิงเบาะหลังรุ่น G และ E สามารถพับแยกส่วน 60:40 ได้ แต่รุ่น J และ J Eco ต้องพับทั้งแผงลงมาเป็นก้อนเดียว
ห้องเก็บสัมภาระ: กว้างขวางจุใจ
ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลังใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อสัญญาณกับรีโมทกุญแจ Keyless Entry
รอบกรอบช่องทางเข้าห้องเก็บของด้านหลังบุพลาสติกมาเรียบร้อย ต่างจาก Eco Car หลายรุ่นที่ปล่อยเปลือย
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีความยาว 734 มม. ปริมาตรความจุ 326 ลิตร (VDA) สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าใบเล็กอีก 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุเยอะสุดในบรรดา Eco Car Hatchback ในไทยขณะนั้น
แผงหน้าปัดและระบบความบันเทิง: ความคุ้นเคยจาก Vios
แผงหน้าปัดยกชุดมาจาก Vios ใหม่ เหมือนกันทุกอย่าง ตั้งแต่แนวตะเข็บเส้นด้ายลายหลอกๆ ไปจนถึงวัสดุตกแต่ง
ชุดเครื่องเสียงเป็นวิทยุ AM/FM พร้อมช่องใส่แผ่น CD/MP3/WMA 1 แผ่น และช่องเสียบ USB และ AUX รุ่น G และ E มีลำโพง 4 ชิ้น ส่วนรุ่น J และ J Eco มีเพียง 2 ชิ้น คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์พอฟังได้
สวิตช์เครื่องปรับอากาศรุ่น G เป็นแบบหน้าจอ Digital มาจาก Vios เช่นกัน แต่การใช้งานยังคงสร้างความสับสนได้ โดยเฉพาะสวิตช์ฝั่งซ้ายสุดที่รวมการเลือกพัดลม ทิศทางลม และอุณหภูมิไว้ในสวิตช์หมุนชุดเดียวกัน
ช่องวางโทรศัพท์มือถือใต้สวิตช์เครื่องปรับอากาศด้านหลังคันเกียร์ ยังคงปรากฏตัวให้เห็นใน Yaris ซึ่งผมมองว่าเป็นการออกแบบที่พยายามเอาใจลูกค้า แต่ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง
กล่องเก็บของหน้ารถ Glove Compartment ยกมาจาก Vios ดูภายนอกเหมือนจะใหญ่ แต่ใส่คู่มือและเอกสารก็เต็มครึ่งพื้นที่แล้ว
สมรรถนะเครื่องยนต์และเกียร์: ECO Car ที่แรงเกินคาด
Toyota ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่ ลงมาสู้ในกลุ่ม Eco Car 1,200 ซีซี ทำให้ต้องลดขนาดเครื่องยนต์จาก 1NZ-FE บล็อก 1,497 ซีซี เป็น 3NR-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,197 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร (11.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน Eco Car
การส่งกำลังมีเพียงทางเลือกเดียวคือ เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน Super CVT-i โดยไร้เงารุ่นเกียร์ธรรมดา Toyota อ้างว่าความต้องการเกียร์ธรรมดาในตลาด Eco Car ไทยมีไม่ถึง 5%
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ!
การทดลองจับเวลาอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 12.4 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ที่ 8.8 วินาที ซึ่งไม่ต่างจาก Toyota Vios 1.5 ลิตร 4AT เลย! นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมและทีมงานอ้าปากหวอ Yaris 1.2 ลิตร CVT คันนี้ ทำตัวเลขได้เร็วและแรงที่สุดในตลาด Eco Car ไทยในขณะนั้น
สาเหตุที่เป็นไปได้มาจาก:
อุณหภูมิที่เย็น: การทดสอบทำในคืนที่อากาศเย็น ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota ทดเฟืองท้ายให้ Yaris ใหม่ที่ 5.833:1 ซึ่งสูงมาก ทำให้รถออกตัวได้จัดจ้าน
ความเร็วสูงสุด: ค่อยเป็นค่อยไป
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 165 กม./ชม. ซึ่งต้องใช้แรงส่งจากเนินช่วยดัน และใช้เวลานานพอสมควรในการไต่ระดับความเร็ว
การขับขี่: สมดุลระหว่างความนุ่มนวลและความมั่นใจ
อัตราเร่งที่ได้ถือว่าเพียงพอและแรงเกินคาดหมาย การไต่ความเร็วให้แรงดึงและความว่องไวใกล้เคียงกับ Vios 1.5 ลิตร การขับขี่ทั่วไป การเหยียบคันเร่งอย่างนุ่มนวลจะให้การออกตัวที่ราบรื่น แต่หากต้องการเร่งแซง การเหยียบคันเร่งจมมิดจะตอบสนองอย่างทันอกทันใจ
เกียร์ S ช่วยให้เครื่องยนต์พร้อมสำหรับการเร่งแซง ส่วนเกียร์ B ใช้ในการขึ้น-ลงเขา
การเก็บเสียง: ดีกว่าที่คิด
การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีกว่าที่คิด ในช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. แทบไม่ต้องเพิ่มเสียงพูดของตนเองเลย
พวงมาลัย: ปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ยังขาดชีวิตชีวา
พวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) มีการปรับปรุงให้หน่วงมือมากขึ้นกว่า Vios เล็กน้อย แม้จะยังขาดชีวิตชีวาในแบบพวงมาลัยไฟฟ้าทั่วไป แต่ก็ดีขึ้นกว่า Yaris เดิมอย่างชัดเจน
ช่วงล่าง: จุดเด่นที่น่าประทับใจ
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม ยกชุดมาจาก Vios แต่มีการปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลและเพิ่มเสถียรภาพ
ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างอาจจะแข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อย แต่การซับแรงสะเทือนทำได้ดี ในความเร็วเดินทาง การทรงตัวทำได้ดี และให้ความนุ่มนวล ลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล
การเข้าโค้งทำได้ดีเกินคาด สามารถเข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้อย่างนิ่งและสบาย น่าประหลาดใจที่ Yaris สามารถทำได้ดีเทียบเคียงกับ Suzuki Swift และบางด้านยังดีกว่า Swift ด้วยซ้ำ
ระบบห้ามล้อ: ไว้ใจได้
ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์-หลังดรัม พร้อม ABS, EBD และ BA การตอบสนองของเบรกทำได้ดี เบรกจิกๆ หน่วงความเร็วได้ดี มั่นใจได้ในการขับขี่ในเมือง
โครงสร้างตัวถังและความปลอดภัย: มาตรฐาน Toyota
โครงสร้างตัวถังใช้เทคโนโลยี GOA ที่ดูดซับแรงปะทะได้ดี และใช้เหล็ก High Strength Steel เป็นส่วนประกอบหลัก
อุปกรณ์ความปลอดภัย: ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS, พนักศีรษะ WIL, เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ (แต่ยังปรับสูง-ต่ำไม่ได้) และ ISOFIX
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ประหยัดได้ใจ
การทดลองอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16.64 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าทำได้ดีในกลุ่ม Eco Car และประหยัดกว่า Vios 1.5 ลิตร อย่างชัดเจน
สรุป: Yaris ใหม่ – Eco Car ที่เหนือความคาดหมาย
Vios 5 ประตู เครื่องเล็กกว่า เกียร์ CVT แต่แรงเท่ากัน แถมประหยัดกว่า
Toyota Yaris ใหม่ อาจไม่ใช่ผลงานที่ไร้ที่ติ แต่เป็นการประนีประนอมข้อจำกัดต่างๆ จนออกมาเป็น Hatchback ที่มีสมรรถนะเหนือความคาดหมาย อัตราเร่งที่ทำได้ดีเกินคาด จน Vios 1.5 ลิตร ยังต้องอ้าปากหวอ
จุดเด่น:
สมรรถนะโดยรวม: อัตราเร่งดีเยี่ยม เกาะถนนมั่นใจ
พื้นที่ห้องโดยสาร: กว้างขวางโอ่โถง นั่งสบาย โดยเฉพาะเบาะหลัง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ประหยัดตามมาตรฐาน Eco Car
ช่วงล่าง: เซ็ตมาได้ดี เทียบเท่า Suzuki Swift และบางด้านดีกว่า
จุดที่ควรปรับปรุง:
พวงมาลัย: ควรมีชุดปรับระยะใกล้-ห่าง และเพิ่มชีวิตชีวา
เข็มขัดนิรภัย: ควรปรับระดับสูง-ต่ำได้
การออกแบบ: ด้านหน้าและไฟท้ายอาจไม่ถูกใจทุกคน
ออปชัน: ควรเพิ่มความคุ้มค่าในบางจุด
การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง:
Yaris ใหม่ มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Toyota Vios Sedan 1.5 ลิตร มากกว่า Eco Car รุ่นอื่นๆ ซึ่งไม่แปลกเมื่อพิจารณาจากราคาขายและออปชันที่ใกล้เคียงกัน
ราคา:
Yaris 1.2J ECO CVT: 469,000 บาท
Yaris 1.2J CVT: 519,000 บาท
Yaris 1.2E CVT: 549,000 บาท
Yaris 1.2G CVT: 599,000 บาท
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่า สมรรถนะที่ดีเกินคาด และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง Toyota Yaris ใหม่ คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง
คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ Toyota Yaris?
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับขี่สนุก ประหยัดน้ำมัน และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับครอบครัว ลองแวะไปสัมผัสและทดลองขับ Toyota Yaris รุ่นใหม่ ได้ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ เพื่อค้นหาว่า Yaris คันนี้ จะเป็นคำตอบสำหรับความต้องการของคุณหรือไม่.

