ที่สุดแห่งความเร็ว: ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า จากรถยนต์ที่เน้นการประหยัดพลังงาน มาสู่ “ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า” ที่สามารถทำความเร็วได้เหนือกว่ารถยนต์น้ำมันสมรรถนะสูงหลายเท่าตัว เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้น การออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย และความเข้าใจในหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้ปี 2025 เป็นปีทองของ รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก ที่กลายเป็นจริงแล้ว
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของ สุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเร็ว แต่ยังสะท้อนถึงนวัตกรรม ความหรูหรา และอนาคตของการขับเคลื่อน เราจะสำรวจรถยนต์เหล่านี้อย่างละเอียด โดยเน้นที่สมรรถนะจริง ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีที่ทำให้พวกมันโดดเด่นเหนือใคร ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ในกรุงเทพมหานคร หรือกำลังศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจซื้อ รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด ในกลุ่มรถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า ผมมั่นใจว่าข้อมูลนี้จะให้มุมมองที่ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
วิวัฒนาการแห่งความเร็ว: จากรถยนต์ไฟฟ้าสู่ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า
เมื่อไม่นานมานี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังถูกมองว่าเป็นแค่ตัวเลือกที่เน้นความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่กาลเวลาได้เปลี่ยนภาพลักษณ์นั้นไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยแรงบิดมหาศาลที่ส่งตรงจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (หรือ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้ในเวลาอันสั้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนหลายครั้งแซงหน้ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นราชาแห่งความเร็ว
ลองนึกย้อนไปเมื่อปี 2017 ที่ Tesla Model S Performance P100D เปิดตัวด้วยอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในประมาณ 2.4 วินาที ซึ่งในเวลานั้นถือว่าน่าทึ่งมาก แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมา Tesla ได้เปิดตัว Model S Plaid ที่มาพร้อมพละกำลัง 1,006 แรงม้า และทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ต่ำกว่า 2 วินาทีอย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงความก้าวหน้าอันรวดเร็วของเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง
ความสำเร็จนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงค่าย Tesla เท่านั้น ค่ายรถยนต์ชั้นนำและสตาร์ทอัพด้านยานยนต์ไฟฟ้าต่างมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายที่จะท้าทายขีดจำกัดของสมรรถนะและความเป็นไปได้ในโลกยานยนต์
สุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงปี 2025: ตัวเลือกที่เหนือกว่า
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมได้รวบรวมและวิเคราะห์ รถยนต์ไฟฟ้าเร็วที่สุด 2025 ที่มีจำหน่ายแล้วหรือกำลังจะเปิดตัว โดยจะเรียงลำดับตามอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (หรือ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง) เพื่อให้เห็นภาพความเร็วที่ชัดเจนที่สุด
McMurtry Spéirling: นักล่าสถิติบนเขา
เริ่มต้นด้วยรถยนต์ที่คุณอาจไม่สามารถซื้อได้ แม้จะมีเงินมากก็ตาม McMurtry Spéirling คือรถแข่งไฟฟ้าขนาดเล็กแบบที่นั่งเดียว ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำลายสถิติการแข่งขันขึ้นเขา Goodwood Festival of Speed ปี 2022 โค่นแชมป์เก่าอย่าง Volkswagen ID. R ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 1.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สิ่งที่ทำให้ Spéirling น่าทึ่งคือพละกำลัง 1,000 แรงม้าในตัวถังที่เบาหวิวราวกับ “ตะกร้าขนนก” นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีพัดลมสร้างแรงกด (Downforce) ที่ช่วยให้รถเกาะถนนได้อย่างเหลือเชื่อ พัดลมนี้สามารถสร้างแรงกดได้ถึง 2,000 กิโลกรัม ขณะที่รถจอดนิ่ง ซึ่งหมายความว่ามันสามารถยึดติดกับเพดานอุโมงค์ได้โดยไม่ขยับ แม้ว่า Spéirling จะเป็นรถแข่ง แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงศักยภาพสูงสุดของ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง
Aspark Owl: เจ้าแห่งการออกตัว
Aspark Owl ยังคงครองตำแหน่ง รถยนต์ที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดในโลก สำหรับรถที่วิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย แม้จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 แต่ก็ยังไม่มีรถรุ่นใดที่จำหน่ายทั่วไปสามารถเอาชนะการออกตัวของมันได้ (ยกเว้น Spéirling ที่เป็นรถแข่ง)
Owl ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ขนาด 64 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ให้กำลังรวมเกือบ 2,000 แรงม้า ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนัก ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 1.69 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เพื่อเปรียบเทียบ Ferrari 296 GTB รถซูเปอร์คาร์น้ำมันรุ่นล่าสุด ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเกือบ 3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Aspark ยังเคลมระยะทางวิ่ง 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แม้ว่าเราจะสงสัยว่าต้องขับขี่อย่างไรจึงจะทำได้ถึงระยะทางดังกล่าว แต่รูปลักษณ์ที่เพรียวบางและหลังคาที่ต่ำเป็นพิเศษก็มีส่วนช่วยอย่างแน่นอน Aspark Owl เป็นคำนิยามที่แท้จริงของ รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด ที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ (หากมีเงินมากพอ)
Rimac Nevera: เทคโนโลยี EV ชั้นนำ
Rimac Nevera คือรถยนต์คันที่สองจาก Rimac ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากโครเอเชีย ซึ่งเป็นมากกว่าของเล่นสำหรับคนรวย แต่ยังเป็นโครงการการตลาดที่แสดงถึงศักยภาพทางเทคโนโลยีของแบรนด์ หลังจากเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show ปี 2018 Rimac ได้ร่วมมือกับ Aston Martin, Koenigsegg และ Pininfarina ในการพัฒนาระบบไฟฟ้า และต่อมาได้ร่วมทุนกับ Porsche และ Bugatti ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นต่อไป
Nevera มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ให้กำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 1,739 ปอนด์-ฟุต ประกอบกับระบบ Launch Control อันชาญฉลาด ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 1.85 วินาที Rimac เคลมว่า Nevera สามารถทำความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 4.3 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 11.8 วินาที ที่สนาม Drag Strip สามารถทำระยะ 1/4 ไมล์ได้ใน 9.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 415 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 403 ไมล์ (ประมาณ 648 กิโลเมตร) แต่แน่นอนว่าราคาของ Nevera นั้นสูงถึงประมาณ 2 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 90 ล้านบาท) ทำให้เป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้าหรูหราและเร็วที่สุด ที่มีอยู่
Tesla Roadster: สปอร์ตคาร์ไฟฟ้าในตำนาน (ที่ยังไม่มาถึง)
Tesla Roadster รุ่นที่สองถูกเปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 โดยมีกำหนดการวางจำหน่ายในปี 2020 แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เข้าสู่สายการผลิต Elon Musk CEO ของ Tesla ได้กล่าวว่ารถยนต์รุ่นนี้จะเริ่มผลิตในปี 2025 ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาเคยให้ไว้หลายครั้งแล้ว ทำให้เรายังคงมีความกังวล
อย่างไรก็ตาม Musk ก็ไม่เคยหยุดที่จะโฆษณาประสิทธิภาพของ Roadster เขาอ้างว่ารถยนต์รุ่นนี้จะสามารถเร่งความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 2 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งจะทำให้มันเป็นหนึ่งใน รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ได้อย่างแน่นอน Musk ยังคาดการณ์ว่าระยะทางวิ่งสูงสุดจะอยู่ที่ 620 ไมล์ (ประมาณ 998 กิโลเมตร) ด้วยแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 200 kWh
Tesla ไม่ได้ต้องการแค่ความเร็วเท่านั้น แต่ต้องการที่จะ “บดขยี้” คู่แข่ง โดยอ้างว่า Roadster จะสามารถเร่งความเร็ว 0-100 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 4.2 วินาที และทำระยะ 1/4 ไมล์ได้ใน 8.8 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera เสียอีก Roadster จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และหลังคาแบบถอดได้ เช่นเดียวกับ Roadster รุ่นแรก ราคาสำหรับรุ่น Founders Series ที่จำกัดจำนวน จะเริ่มต้นที่ประมาณ 189,000 ปอนด์ (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ทำให้มันเป็น รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วและคุ้มค่า หากทำได้ตามที่กล่าวอ้าง
Deus Vayanne: ผู้ท้าชิงที่ไม่เปิดเผยตัวตน
Deus Vayanne คือการปรากฏตัวอย่างน่าประหลาดใจของแบรนด์สตาร์ทอัพจากออสเตรีย ในงาน New York Auto Show ปี 2022 ที่สร้างความฮือฮาด้วยการอ้างถึงสมรรถนะอันน่าเหลือเชื่อ หาก Vayanne สามารถทำได้ตามคำกล่าวอ้าง ก็จะทำให้ Tesla และ Rimac ต้องกังวล
Deus วางตำแหน่ง Vayanne ให้เป็นคู่แข่งกับ Lotus Evija และ Aspark Owl แต่ในแง่ของพละกำลัง Vayanne เหนือกว่าอย่างชัดเจน Deus สัญญาว่า Vayanne จะมีพละกำลังมากกว่า 2,200 แรงม้า และแรงบิด 1,475 ปอนด์-ฟุต โดยเคลมว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ “น้อยกว่า 2 วินาที” และมีความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 399 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
การส่งมอบรถยนต์คาดว่าจะเริ่มในปี 2025 ดังนั้นผู้ที่สนใจจะต้องรอคอยสักพัก Deus วางแผนผลิตเพียง 99 คันเท่านั้น ทำให้เป็น รถยนต์ไฟฟ้าหายากและเร็วที่สุด
Tesla Model S Plaid: พลังที่น่าเหลือเชื่อในรถครอบครัว
Tesla Model S เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมายาวนานตั้งแต่ปี 2012 แต่ Tesla ก็ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงรุ่น Plaid ที่เป็น “ราชาแห่งสายพันธุ์” รุ่นปัจจุบัน
Model S Plaid ให้กำลัง 1,006 แรงม้า ซึ่งเพียงพอที่จะทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ต่ำกว่า 2 วินาที รถเก๋งคันนี้มีพละกำลังมากกว่า McLaren P1 และเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้เร็วกว่า Ferrari LaFerrari
Tesla เคยอ้างว่า Model S Plaid สามารถวิ่งรอบ Nürburgring ได้ในเวลาเพียง 7.5 นาที ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อจำหน่าย แต่เวลาดังกล่าวไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
แม้จะมีน้ำหนักกว่า 2 ตัน แต่ตัวเลขสมรรถนะของ Plaid ก็ยังคงน่าประทับใจ Tesla ยังเคลมระยะทางวิ่ง 396 ไมล์ (ประมาณ 637 กิโลเมตร) และทำระยะ 1/4 ไมล์ได้ใน 9.23 วินาที น่าเสียดายที่ปัจจุบันในสหราชอาณาจักรไม่สามารถซื้อรถใหม่ได้อีกแล้ว ต้องนำเข้าแบบพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น
Automobili Pininfarina Battista: ความเร็วจากดีไซน์ระดับตำนาน
Automobili Pininfarina Battista เป็นรถยนต์ที่ชนะรางวัล “ชื่อรถยนต์ที่มีพยางค์มากที่สุด” จาก CAR magazine และเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดบนท้องถนน เนื่องจาก Pininfarina มีชื่อเสียงด้านการออกแบบมากกว่าวิศวกรรม บริษัทจึงได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ และนำแบตเตอรี่ 120 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวของ Rimac Nevera มาใช้
ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Pininfarina ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานเช่น Ferrari F40, Ferrari Enzo และ Ferrari 458 ทำให้ Battista มีรูปลักษณ์ของซูเปอร์คาร์คลาสสิก โดยมีส่วนหน้าสั้น ท้ายยาว หลังคาเตี้ย และฐานล้อกว้าง
สมรรถนะของ Battista ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวให้กำลังรวม 1,877 แรงม้า และ Pininfarina กล่าวว่าจะสามารถเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาไม่ถึง 2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 217 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 349 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) หากขับขี่อย่างนุ่มนวล จะสามารถวิ่งได้ 280 ไมล์ (ประมาณ 450 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จ แต่มีเพียง 150 คันเท่านั้นที่จะถูกผลิตขึ้น และแต่ละคันมีราคาสูงถึงประมาณ 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 90 ล้านบาท)
Volkswagen ID.R: นักล่าสถิติจากเยอรมนี
Volkswagen ID.R ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นรถแข่งไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ และเมื่อเปิดตัวก็สร้างความประทับใจอย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันจะมีรถยนต์ที่วิ่งบนถนนได้ที่เร็วกว่าในทางตรง แต่นี่ก็ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ID.R ให้กำลัง 671 แรงม้า แต่ด้วยน้ำหนักที่เบามาก ทำให้สามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 2.25 วินาที ด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างเหลือเชื่อ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ID.R ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อสร้างสถิติหลายรายการ รวมถึงสถิติรถยนต์ไฟฟ้าที่ Nürburgring, Goodwood และ Tianmen Mountain ในประเทศจีน จนถึงขณะนี้ มีเพียง McMurtry Spéirling เท่านั้นที่สามารถทำลายสถิติของมันได้
Faraday Future FF91: SUV ไฟฟ้าดีไซน์โฉบเฉี่ยว
Faraday Future เป็นสตาร์ทอัพ EV ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการนำรถยนต์ออกสู่ตลาด แต่ FF91 ที่เปิดตัวก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านสมรรถนะ FF91 เป็น SUV ที่มีขนาดใกล้เคียงกับ Tesla Model X แต่มาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและที่นั่งสไตล์ Business Class
FF91 ถูกออกแบบมาให้มีความเร็วสูง โดย Tesla Model X-sized SUV ที่มีพละกำลัง 1,050 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 2.2 วินาที แบตเตอรี่ขนาด 142 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน EPA ที่ 381 ไมล์ (ประมาณ 613 กิโลเมตร) ในบรรดารถยนต์เหล่านี้ FF91 อาจดูไม่แพงนัก โดยมีราคาประมาณ 90,000 ถึง 170,000 ปอนด์ (ประมาณ 4 – 7.5 ล้านบาท) ขึ้นอยู่กับออปชัน
Lucid Air: ความสง่างามและความเร็วจากอเมริกา
Lucid Air เป็นคู่แข่งจากอเมริกาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าซีดาน โดยรุ่น Sapphire Edition ที่มีสมรรถนะสูงสุด ให้กำลัง 1,234 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 1.89 วินาที ซึ่งเร็วกว่า McLaren 720S เกือบหนึ่งวินาที
ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 205 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และแบตเตอรี่ขนาด 118 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 427 ไมล์ (ประมาณ 687 กิโลเมตร) ตามมาตรฐาน EPA แม้ว่าตัวเลขระยะทางวิ่งอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อได้รับการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป แต่ Lucid Air ก็เป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้าหรูหรา ที่มีสมรรถนะน่าประทับใจ
Tesla Model X Plaid: SUV ที่ทรงพลังเกินคาด
Tesla ไม่ได้จำกัดเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กเท่านั้น แม้แต่ SUV ขนาดใหญ่และมีน้ำหนักถึง 2.5 ตันอย่าง Model X Plaid ก็ยังสามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้เพียง 2.5 วินาที ส่วนใหญ่เป็นเพราะใช้ระบบส่งกำลังมอเตอร์สามตัวเช่นเดียวกับ Model S Plaid ซึ่งให้กำลัง 1,006 แรงม้า ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 163 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 262 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ด้วยขนาดของ SUV ทำให้ Model X Plaid มีความอเนกประสงค์มากกว่า Model S มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ และสามารถรองรับผู้โดยสารได้เจ็ดคน ระยะทางวิ่งสูงสุด 333 ไมล์ (ประมาณ 536 กิโลเมตร) เพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ประตูหลังแบบ Falcon Wing ก็เป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจเสมอ
Nio EP9: ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าจากจีน
Nio เป็นที่รู้จักในวงการ Formula E และ EP9 ก็เป็นผลผลิตจากประสบการณ์การแข่งขันของพวกเขา ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ให้กำลังรวม 1 เมกะวัตต์ หรือ 1,341 แรงม้า ทำให้สามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 2.7 วินาที
ตัวเลขสมรรถนะอื่นๆ ที่น่าประทับใจคือ 0-125 ไมล์ต่อชั่วโมง ใน 7.1 วินาที และความเร็วสูงสุดเกือบ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) Nio อ้างว่า EP9 สามารถวิ่งได้ 265 ไมล์ (ประมาณ 426 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หากขับขี่อย่างนุ่มนวล
EP9 เคยครองสถิติรถยนต์ไฟฟ้าที่ Nürburgring ในปี 2017 ด้วยเวลา 6:45.9 นาที ก่อนที่ Volkswagen ID.R จะทำลายสถิติลงไป
Porsche Taycan Turbo GT: ปรัชญาแห่งความเร็วของ Porsche
Porsche Taycan Turbo GT แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องไร้ชีวิตชีวา แม้จะมีน้ำหนักถึง 2.2 ตัน แต่รุ่น Turbo GT ก็มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 2.3 วินาที ด้วยพละกำลังสูงสุด 1,093 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และแบตเตอรี่ 105 kWh
Taycan มีเกียร์สองสปีด ซึ่งเกียร์แรกใช้สำหรับการออกตัวที่รวดเร็วที่สุด และเกียร์สองใช้ในการขับขี่ปกติ Taycan ใช้สถาปัตยกรรม 800 โวลต์ ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 33 นาทีในการชาร์จจาก 10% เป็น 80% ที่สถานีชาร์จ DC 320kW แม้จะมีสมรรถนะที่ดุเดือด แต่ระยะทางวิ่งสูงสุดของ Turbo GT อยู่ที่ 345 ไมล์ (ประมาณ 555 กิโลเมตร) ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้าครอบครัวที่ดีที่สุด
Lotus Evija: ม้าศึกจาก Hethel
Lotus Evija เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก โดย Lotus อ้างว่ามีกำลัง 2,011 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 70 kWh ที่พัฒนาโดย Williams Advanced Engineering
แม้ Lotus จะเคลมอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง “น้อยกว่า 3 วินาที” และความเร็วสูงสุด “มากกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง” แต่เราเชื่อว่าตัวเลขจริงอาจจะน่าประทับใจกว่านี้ โดยอาจเข้าใกล้ 2 วินาที และความเร็วสูงสุดอาจสูงถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
Lotus เน้นการออกแบบที่ “เพิ่มความเบา” ทำให้ Evija มีน้ำหนักเพียง 1,680 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเบามากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ระยะทางวิ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 250 ไมล์ (ประมาณ 400 กิโลเมตร)
Rivian R1T / R1S: รถกระบะไฟฟ้าที่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
Rivian R1T รถกระบะไฟฟ้า และ R1S SUV บนแพลตฟอร์มเดียวกัน จะมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 3.0 วินาที และผ่าน 100 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 7 วินาที
ตัวเลขเหล่านี้เป็นของรุ่นสูงสุดที่ใช้แบตเตอรี่ 135 kWh ให้ระยะทางประมาณ 310 ไมล์ (ประมาณ 499 กิโลเมตร) และกำลังรวม 753 แรงม้า Rivian ยังมีตัวเลือกแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 180 kWh สำหรับระยะทางที่ไกลขึ้น แต่ให้กำลังน้อยกว่า (700 แรงม้า)
ทั้งสองรุ่นจำหน่ายแล้วในสหรัฐอเมริกา โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ Rivian วางแผนที่จะนำรถยนต์เหล่านี้เข้ามาจำหน่ายในยุโรป ซึ่งอาจทำให้พวกมันเป็น รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วและใช้งานได้จริง ที่น่าสนใจ
Tesla Model 3 Performance: สมรรถนะที่เข้าถึงได้
Tesla ได้ปรับปรุง Model 3 Performance ครั้งใหญ่ โดยเพิ่มกำลังขึ้น 32% และแรงบิดสูงสุด 16% ทำให้สามารถเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 163 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 262 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
แม้ว่ารถสำหรับตลาดอเมริกาจะมีกำลัง 503 แรงม้า แต่สำหรับตลาดสหราชอาณาจักรจะมีกำลัง 454 แรงม้า แม้กำลังจะน้อยลง แต่ Tesla ระบุว่าสมรรถนะหลักจะไม่เปลี่ยนแปลง
จุดเด่นของ Model 3 Performance ไม่ใช่แค่ความเร็วทางตรง แต่ยังรวมถึงความสามารถในการเข้าโค้งด้วยระบบช่วงล่างแบบ Adaptive Suspension และโหมดการขับขี่ใหม่ที่สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ เช่น ABS และการ Regenerative Braking เพื่อให้รถวิ่งได้เร็วขึ้นในสนามแข่ง ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 59,990 ปอนด์ (ประมาณ 2.7 ล้านบาท) นี่คือ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงราคาคุ้มค่า ที่หาคู่แข่งได้ยาก
Audi RS e-tron GT: ทางเลือกที่สมเหตุสมผล
Audi e-tron GT ใช้แพลตฟอร์ม J1 เดียวกันกับ Porsche Taycan แต่เน้นกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยเน้นการเดินทางไกลและให้ความสบายมากกว่าสมรรถนะสูงสุด การส่งกำลังจะค่อยๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้กระชากทันทีทันใด
อย่างไรก็ตาม อย่าให้ลักษณะที่นุ่มนวลหลอกตา เพราะ e-tron GT ยังคงเป็นรถยนต์ที่เร็วอย่างมาก ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 155 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 283 ไมล์ (ประมาณ 455 กิโลเมตร)
อนาคตของความเร็ว: รถยนต์ไฟฟ้ายังคงพัฒนาต่อไป
การเดินทางของ รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด ยังคงดำเนินต่อไป เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าขึ้น การพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการออกแบบที่เน้นอากาศพลศาสตร์ จะทำให้เราได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าทึ่งยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นรถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าสุดหรู หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความคุ้มค่าพร้อมสมรรถนะที่น่าประทับใจ ตลาดปัจจุบันมีตัวเลือกที่หลากหลายเกินกว่าจะจินตนาการได้
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต ที่ผสมผสานความเร็ว ความหรูหรา และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ลองพิจารณา รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด 2025 ที่ได้กล่าวมาข้างต้น หรือหากคุณต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อรับคำปรึกษาที่ตรงจุดและแม่นยำที่สุด!
