นิยามใหม่แห่งความเร็ว: สุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดประจำปี 2025
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำอย่างไม่หยุดยั้ง อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้พลิกโฉมหน้าของวงการรถยนต์สมรรถนะสูงไปอย่างสิ้นเชิง ยานยนต์ไฟฟ้าที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ปัจจุบันได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านความเร็ว แซงหน้าคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปอย่างขาดลอย สำหรับผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์ที่มีประสบการณ์กว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่า ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่เราจะได้เห็น สุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด ทะยานสู่ท้องถนน พร้อมนิยามใหม่แห่งอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด
พลังไฟฟ้าเหนือจินตนาการ: เมื่อ EV ท้าชน F1
การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบบริหารจัดการพลังงาน ได้ปลดปล่อยศักยภาพที่น่าทึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าออกมาอย่างเต็มที่ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ให้พละกำลังที่มหาศาลเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับแรงบิดที่ส่งมอบได้ทันทีทันใดตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งนั้นรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ จนอาจกล่าวได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาที่ใกล้เคียงหรือแม้กระทั่งเร็วกว่ารถแข่ง Formula 1 ในทางตรง
เมื่อต้นทศวรรษ 2020 รถยนต์ที่เร็วที่สุดในตลาดส่วนใหญ่ยังคงเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล แต่ปัจจุบัน แม้แต่รถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่พละกำลังสูง ก็สามารถรีดสมรรถนะแซงหน้ารถซูเปอร์คาร์ชั้นนำได้สบายๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Tesla ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของรถยนต์สมรรถนะสูงที่ใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างยอดเยี่ยม
ย้อนกลับไปในปี 2017 Tesla Model S Performance P100D ถือเป็นรถที่เร็วอย่างบ้าคลั่ง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในราว 2.4 วินาที ซึ่งถือว่าน่าประทับใจอย่างยิ่งในยุคนั้น แต่เมื่อ Elon Musk เปิดตัว Model S Plaid ในปี 2021 ด้วยพละกำลัง 1,006 แรงม้า และเคลมว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 2 วินาที ก็เป็นการยกระดับมาตรฐานความเร็วของรถยนต์ไฟฟ้าไปอีกขั้น
รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025: การจัดอันดับจากผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อสะท้อนถึงวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง เราได้รวบรวม สุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด 2025 โดยเน้นที่รถยนต์ที่วางจำหน่ายแล้วหรือกำลังจะวางจำหน่ายในอนาคตอันใกล้ พร้อมทั้งได้รวบรวมรถยนต์ต้นแบบบางรุ่นที่มีตัวเลขสมรรถนะอันน่าประทับใจ แม้จะยังไม่สามารถซื้อหาได้ก็ตาม การจัดอันดับนี้จะพิจารณาจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (หรือ 0-60 ไมล์/ชม.) เป็นหลัก
McMurtry Spéirling: ตำนานแห่งเนินเขา Goodwood (รถต้นแบบ)
จุดเด่น: ความเร็วสูงสุดในประวัติศาสตร์, แรงกดอากาศมหาศาล, เทคโนโลยีสุดล้ำ
ข้อจำกัด: ไม่สามารถซื้อขายได้, ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
เราเริ่มต้นการจัดอันดับด้วย McMurtry Spéirling รถยนต์ไฟฟ้าแบบที่นั่งเดี่ยวที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยการทำลายสถิติเวลาการไต่เขา Goodwood Festival of Speed ในปี 2022 เอาชนะรถที่เคยทำสถิติไว้อย่าง Volkswagen ID. R ได้อย่างราบคาบ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 1.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 240 กม./ชม.
ความเร็วอันน่าทึ่งนี้มาจากพละกำลัง 1,000 แรงม้า ผนวกกับน้ำหนักที่เบาราวกับขนนก หัวใจสำคัญที่ทำให้ Spéirling เร็วขนาดนี้ คือระบบพัดลมรีดอากาศ (Fan Downforce) อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำงานคล้ายกับระบบที่ใช้ในรถแข่ง Brabham BT46B Formula 1 ยุคก่อน พัดลมนี้สามารถสร้างแรงกดอากาศได้ถึง 2,000 กก. แม้รถจะหยุดนิ่ง ซึ่งเท่ากับน้ำหนักตัวรถถึงสองเท่า! นั่นหมายความว่า รถคันนี้สามารถยึดติดกับพื้นผิวถนนได้อย่างมั่นคงในทุกสภาวะ
Aspark Owl: เจ้าแห่งอัตราเร่งบนท้องถนน
จุดเด่น: ความเร็วดุจสายฟ้า, ระยะทางวิ่งที่เหมาะสม, ถูกกฎหมายบนท้องถนน!
ข้อจำกัด: ผลิตจำนวนจำกัดมาก, ราคาสูงลิ่ว
Aspark Owl เปิดตัวในปี 2020 พร้อมคำเคลมอันน่าตื่นเต้นว่าเป็นรถยนต์ที่อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก และจนถึงปัจจุบัน มีเพียง Aspark เท่านั้นที่สามารถสร้างรถยนต์ที่ทำลายสถิตินี้ได้ (โดยไม่นับรถแข่ง) Owl ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ขนาด 64 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ให้กำลังรวมเกือบ 2,000 แรงม้า ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์จึงมีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.69 วินาที, 0-300 กม./ชม. ใน 10.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 400 กม./ชม.
เพื่อเปรียบเทียบ Ferrari 296 GTB ซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นล่าสุด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. Aspark เคลมว่า Owl สามารถวิ่งได้ระยะทาง 450 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งน่าสนใจว่าต้องขับขี่อย่างนุ่มนวลเพียงใดจึงจะทำได้ตามนั้น
Rimac Nevera: ผู้นำเทคโนโลยี EV ระดับโลก
จุดเด่น: เทคโนโลยี EV ล้ำสมัย, สถิติด้านความเร็ว, ขับสนุก
ข้อจำกัด: น้ำหนักค่อนข้างมาก, ราคาสูงมาก
Nevera เป็นรถยนต์รุ่นที่สองจาก Rimac ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติโครเอเชีย ไม่เพียงแต่เป็นของเล่นสุดหรูสำหรับเศรษฐี แต่ยังเป็นโปรเจกต์การตลาดที่แสดงถึงเทคโนโลยีอันยอดเยี่ยมของแบรนด์ หลังจากเปิดตัวต้นแบบในปี 2018 Rimac ได้ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Aston Martin, Koenigsegg และ Automobili Pininfarina ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง และต่อมาได้ร่วมกับ Porsche และ Bugatti เพื่อพัฒนารถยนต์ EV ยุคใหม่
Rimac Nevera มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ให้กำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,356 นิวตันเมตร ผนวกกับระบบ Launch Control ที่ซับซ้อน ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.85 วินาที นอกจากนี้ Rimac เคลมว่า Nevera สามารถทำความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ใน 4.3 วินาที, 300 กม./ชม. ใน 11.8 วินาที และควอเตอร์ไมล์ได้ใน 9.1 วินาที สำหรับการวิ่งบนทางตรงยาวๆ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 415 กม./ชม.
ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 120 kWh Nevera มีระยะทางวิ่งประมาณ 640 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่ราคาก็สมน้ำสมเนื้อกับสมรรถนะ โดยอยู่ที่ราว 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 90 ล้านบาท)
Tesla Roadster: สมรรถนะที่รอคอยจากผู้บุกเบิก EV
จุดเด่น: อัตราเร่งสุดโหด, ระยะทางวิ่งที่ไกลมาก, หลังคาแบบ Targa
ข้อจำกัด: ยังไม่เข้าสู่สายการผลิต, สมรรถนะยังไม่ได้รับการพิสูจน์
Tesla ได้เปิดตัว Tesla Roadster เจเนอเรชันที่สองในปี 2017 พร้อมคำมั่นว่าจะวางจำหน่ายในปี 2020 แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เข้าสู่สายการผลิต CEO Elon Musk กล่าวในเดือนพฤษภาคม 2024 ว่ารถจะเริ่มการผลิตในปี 2025 แต่ด้วยคำสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้เรายังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
แม้จะมีความล่าช้า แต่ Musk ก็ไม่หยุดยั้งที่จะเปิดเผยตัวเลขสมรรถนะที่คาดหวัง รถคันนี้จะสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 400 กม./ชม. ทำให้เป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะวิ่งได้ระยะทางถึง 1,000 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ด้วยแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 200 kWh
Tesla ยังตั้งเป้าที่จะทุบสถิติคู่แข่ง โดยเคลมว่า Roadster จะทำอัตราเร่ง 0-160 กม./ชม. ใน 4.2 วินาที และควอเตอร์ไมล์ใน 8.8 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera ทั้งสองรายการ
Deus Vayanne: การท้าทายจากแบรนด์สตาร์ทอัพ
จุดเด่น: ดีไซน์สวยงาม, สมรรถนะสูง, พลังมากกว่า Veyron ถึงสองเท่า
ข้อจำกัด: แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก, ผลิตจำนวนจำกัด
Deus Vayanne เปิดตัวอย่างเซอร์ไพรส์ในงาน New York Auto Show ปี 2022 โดยผู้ผลิตสัญชาติออสเตรียรายนี้ได้ตั้งเป้าให้ Vayanne เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Lotus Evija และ Aspark Owl แต่ในแง่ของพละกำลัง Deus ได้ก้าวนำคู่แข่งไปไกล ด้วยการเคลมพละกำลังมากกว่า 2,200 แรงม้า และแรงบิด 1,999 นิวตันเมตร Deus อ้างว่า Vayanne จะสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา “ต่ำกว่า 2 วินาที” และทำความเร็วสูงสุดได้ 400 กม./ชม.
การส่งมอบล็อตแรกคาดว่าจะเริ่มในปี 2025 ซึ่งหากคุณมีกำลังทรัพย์มากพอ ก็ยังคงต้องรออีกสักพัก Deus วางแผนผลิตเพียง 99 คันเท่านั้น
Tesla Model S Plaid: รถครอบครัวพลังสูง
จุดเด่น: การขับขี่ที่นุ่มนวล, เทคโนโลยีความปลอดภัยที่น่าประทับใจ, การชาร์จที่รวดเร็ว
ข้อจำกัด: ระบบพวงมาลัยที่แปลกตา, คุณภาพงานประกอบที่ยังไม่สม่ำเสมอ
Tesla Model S เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2012 และตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วิศวกรของ Tesla ได้ปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และ Model S Plaid คือที่สุดของความแรงในปัจจุบัน ด้วยพละกำลัง 1,006 แรงม้า ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 2 วินาที
สมรรถนะของรถซีดานขนาดใหญ่คันนี้ ยังมากกว่า McLaren P1 และเร็วกว่า Ferrari LaFerrari ในการออกตัว Tesla อ้างว่า Model S Plaid สามารถวิ่งได้ระยะทาง 637 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และทำควอเตอร์ไมล์ได้ใน 9.23 วินาที อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Tesla Model S Plaid ไม่ได้มีจำหน่ายเป็นทางการในตลาดสหราชอาณาจักร ต้องนำเข้าแบบพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น
Automobili Pininfarina Battista: ความเร็วสง่างามจากอิตาลี
จุดเด่น: ดีไซน์สุดหรู, ชื่อชั้นจากอิตาลี, ขับสนุก
ข้อจำกัด: เหมาะกับถนนกว้าง, ผลิตจำนวนจำกัด
Automobili Pininfarina Battista เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องเชื่องช้า และไม่น่าเบื่อ Pininfarina ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบ ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม โดยใช้แบตเตอรี่ 120 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวเช่นเดียวกับ Rimac Nevera
ด้วยพละกำลังรวม 1,877 แรงม้า Battista สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 349 กม./ชม. แม้บริษัทจะเคลมระยะทางวิ่ง 450 กม. ต่อการชาร์จ แต่ด้วยราคาประมาณ 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 90 ล้านบาท) และการผลิตเพียง 150 คัน ทำให้เป็นรถยนต์สำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษอย่างแท้จริง
Volkswagen ID. R: นักล่าสถิติแห่งสนามแข่ง (รถต้นแบบ)
จุดเด่น: เจ้าของสถิติหลายรายการ, น้ำหนักเบา, เข้าโค้งได้อย่างเฉียบคม
ข้อจำกัด: ไม่สามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้
Volkswagen ID. R เปิดตัวในปี 2018 ในฐานะรถแข่งไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และสร้างความประทับใจด้วยตัวเลขสมรรถนะอันน่าทึ่ง แม้จะมีรถยนต์ที่วางจำหน่ายจริงหลายรุ่นที่เร็วกว่าในทางตรง แต่ ID. R ยังคงเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยพละกำลัง 671 แรงม้า และน้ำหนักที่เบามาก ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.25 วินาที ด้วยระบบอากาศพลศาสตร์อันชาญฉลาด ทำให้รถคันนี้สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างน่าทึ่ง ID. R ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำลายสถิติรถยนต์ไฟฟ้าที่สนาม Nürburgring, Goodwood และ Tianmen Mountain ในประเทศจีน
Faraday Future FF91: SUV ไฟฟ้าที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
จุดเด่น: ดีไซน์เพรียวบาง, ภายในหรูหรา, ความเร็วสูง
ข้อจำกัด: สถานะทางการเงินของบริษัทไม่แน่นอน
Faraday Future เผชิญกับความท้าทายมากมายในการนำรถยนต์คันแรกออกสู่ตลาด แต่ FF91 ก็เป็น EV ที่น่าจับตามอง FF91 เป็น SUV ขนาดใกล้เคียง Tesla Model X แต่มาพร้อมดีไซน์ที่เพรียวบาง และภายในที่หรูหราสะดวกสบาย FF91 ถูกออกแบบมาให้มีความเร็วสูง โดยคาดว่าจะทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.2 วินาที
สมรรถนะนี้มาจากพละกำลัง 1,050 แรงม้า ที่ป้อนจากแบตเตอรี่ขนาด 142 kWh ซึ่ง Faraday Future เคลมว่าให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 613 กม. (ตามมาตรฐาน EPA) เมื่อพิจารณาในกลุ่มนี้ FF91 ไม่ได้มีราคาสูงจนเกินไปนัก โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 90,000 ถึง 170,000 ปอนด์
Lucid Air Sapphire: ซาลูนหรูจากอเมริกาที่เร็วเหนือชั้น
จุดเด่น: สร้างได้ดีกว่า Maybach และเร็วกว่า Lamborghini
ข้อจำกัด: ยังไม่มีรุ่นพวงมาลัยขวาในตลาด
Lucid Air Sapphire Edition เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันที่มุ่งมั่นจะท้าชน Porsche Taycan รุ่นท็อปอย่าง Sapphire Edition มาพร้อมพละกำลัง 1,234 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 1.89 วินาที ซึ่งเร็วกว่า McLaren 720S เกือบหนึ่งวินาที
ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 330 กม./ชม. และแบตเตอรี่ขนาด 118 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 687 กม. (ตามมาตรฐาน EPA) แม้ตัวเลขระยะทางอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อได้รับการรับรองมาตรฐาน WLTP ของยุโรป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Lucid Air เป็นซาลูนหรูที่มอบสมรรถนะเหนือความคาดหมาย
Tesla Model X Plaid: SUV อเนกประสงค์ที่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
จุดเด่น: ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์, เทคโนโลยีล้ำสมัย, พื้นที่กว้างขวาง
ข้อจำกัด: ประตูสไตล์ปีกนกที่โดดเด่น, คุณภาพการประกอบที่ยังเป็นที่ถกเถียง
สมรรถนะอันน่าทึ่งของ Tesla ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รถยนต์ขนาดเล็กเท่านั้น แม้แต่ Tesla Model X Plaid SUV ขนาดใหญ่ที่หนักกว่า 2.5 ตัน ก็สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.5 วินาที ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากพละกำลัง 1,006 แรงม้า จากระบบส่งกำลังแบบสามมอเตอร์เช่นเดียวกับ Model S Plaid
ด้วยความเป็น SUV ขนาดใหญ่ Model X Plaid จึงมีความอเนกประสงค์มากกว่า Model S มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ และสามารถรองรับผู้โดยสารได้เจ็ดที่นั่ง พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุด 536 กม. ประตูสไตล์ Falcon Wing ด้านหลังยังคงเป็นจุดเด่นที่สร้างความตื่นตาตื่นใจเสมอ
Nio EP9: ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าจากจีนที่น่าจับตา
จุดเด่น: การเข้าโค้งราวรถแข่ง, แบตเตอรี่เปลี่ยนได้รวดเร็ว, อัตราเร่งที่ทรงพลัง
ข้อจำกัด: ช่วงล่างแข็งกระด้าง, แรง G สูง
Nio เป็นที่รู้จักในวงการ Formula E และ EP9 คือผลลัพธ์จากการนำความเชี่ยวชาญด้านการแข่งขันมาสู่รถยนต์ที่ใช้งานบนถนนได้จริง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ให้กำลังรวม 1,341 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.7 วินาที
สถิติสมรรถนะอื่นๆ ที่น่าประทับใจ ได้แก่ การทำ 0-200 กม./ชม. ใน 7.1 วินาที และความเร็วสูงสุดเกือบ 320 กม./ชม. Nio อ้างว่า EP9 สามารถวิ่งได้ระยะทาง 426 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเคยทำสถิติสนาม Nürburgring สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโปรดักชันด้วยเวลา 6:45.9 นาที
Porsche Taycan Turbo GT: พิสูจน์ว่ารถไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องไร้ชีวิตชีวา
จุดเด่น: ระบบช่วงล่างสุดล้ำ, การบังคับเลี้ยวที่ยอดเยี่ยม, ความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
ข้อจำกัด: น้ำหนัก 2.2 ตัน, เบรกที่อาจรู้สึกไวเกินไป
Porsche Taycan Turbo GT คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจได้เช่นกัน ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.3 วินาที จากพละกำลังสูงสุด 1,093 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และแบตเตอรี่ 105 kWh Taycan มีระบบเกียร์สองสปีดที่ไม่เหมือนใคร โดยเกียร์แรกใช้สำหรับการออกตัวที่เร็วที่สุด และเกียร์สองใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไป
Taycan ทำงานบนสถาปัตยกรรม 800 โวลต์ ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว การชาร์จ DC กำลังสูง 320kW สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาประมาณ 33 นาที แม้จะมีสมรรถนะที่ดุดัน แต่ระยะทางวิ่งสูงสุดของ Turbo GT อยู่ที่ 555 กม. ซึ่งถือว่าน่าประทับใจ
Lotus Evija: สุดยอด Hypercar ไฟฟ้าจากอังกฤษ
จุดเด่น: สายเลือดมอเตอร์สปอร์ต, วิศวกรรมน้ำหนักเบา, ดีไซน์โดดเด่น
ข้อจำกัด: ยังไม่เข้าสู่สายการผลิต, ระยะทางวิ่งจำกัด
Lotus Evija เป็นอีกหนึ่ง Hypercar ไฟฟ้าที่อยู่ในกลุ่ม “ต่ำกว่า 3 วินาที” Lotus อ้างว่ามีพละกำลัง 2,011 แรงม้า จากมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่แต่ละมุมรถ แต่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 70 kWh ที่พัฒนาโดย Williams Advanced Engineering
ด้วยพละกำลังมหาศาลนี้ เราคาดว่าตัวเลข 0-100 กม./ชม. “ต่ำกว่า 3 วินาที” และความเร็วสูงสุด “มากกว่า 320 กม./ชม.” เป็นเพียงการประมาณการที่สงวนท่าทีเท่านั้น เราไม่แปลกใจหากตัวเลขจริงจะเข้าใกล้ 2 วินาที และความเร็วสูงสุดใกล้ 400 กม./ชม. Lotus เน้นย้ำปรัชญา “Adding Lightness” ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 1,680 กก. ซึ่งถือว่าเบามากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และคาดว่าจะมีระยะทางวิ่งประมาณ 400 กม.
Rivian R1T / R1S: รถกระบะและ SUV ไฟฟ้าที่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
จุดเด่น: ความเร็วสูงสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์, ราคาที่สมเหตุสมผล
ข้อจำกัด: ยังไม่เปิดตัวในบางตลาด, ขนาดใหญ่เกินไปสำหรับถนนบางแห่ง
Rivian ตั้งเป้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดด้านขนาดและสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า R1S SUV และ R1T Pick-up Truck จะมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.0 วินาที และทำความเร็ว 160 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 7 วินาที
ตัวท็อปจะมาพร้อมแบตเตอรี่ 135 kWh ให้ระยะทางวิ่งประมาณ 500 กม. และพละกำลังรวม 753 แรงม้า Rivian จะมีตัวเลือกแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 180 kWh ซึ่งเน้นระยะทางวิ่งเป็นหลัก ด้วยระยะทาง 660 กม. และพละกำลัง 700 แรงม้า รถทั้งสองรุ่นมีจำหน่ายแล้วในสหรัฐอเมริกา และมีแผนขยายตลาดไปยังยุโรปในเร็วๆ นี้
Tesla Model 3 Performance: ประสิทธิภาพที่เข้าถึงง่าย
จุดเด่น: ช่วงล่างอัจฉริยะ, พละกำลังที่เพิ่มขึ้น, แอโรไดนามิกที่ดีขึ้น
ข้อจำกัด: ข้อบกพร่องที่แทบจะไม่มี
Tesla ได้ปรับปรุง Model 3 Performance ครั้งใหญ่ โดยเพิ่มกำลังถึง 32% และแรงบิดสูงสุด 16% ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 262 กม./ชม. (สำหรับรุ่นพวงมาลัยขวา)
แต่จุดเด่นที่แท้จริงของรถคันนี้ไม่ได้อยู่ที่ความเร็วทางตรงเพียงอย่างเดียว Tesla ได้ปรับปรุงให้ Model 3 Performance เป็นรถที่เน้นการขับในสนามแข่งมากขึ้น ด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive Suspension และโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับแต่งระบบต่างๆ ได้อย่างละเอียด ด้วยราคาเริ่มต้นที่น่าสนใจ ทำให้ Model 3 Performance มอบสมรรถนะที่คุ้มค่าเกินราคาอย่างยิ่ง
Audi RS e-tron GT: ทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้ซื้อ
จุดเด่น: ความสบายในการเดินทางไกล, ความนุ่มนวลที่ยอดเยี่ยม, พละกำลังที่ต่อเนื่อง
ข้อจำกัด: สนุกน้อยกว่า Taycan, รุ่น RS รู้สึกไม่สมดุล
Audi e-tron GT ใช้แพลตฟอร์ม J1 ร่วมกับ Porsche Taycan แต่เน้นตลาดที่แตกต่างกัน โดยเน้นการเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าสมรรถนะดิบๆ มอบพละกำลังที่ค่อยเป็นค่อยไป และให้ความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม อย่าให้ลักษณะที่นุ่มนวลหลอกตาไปได้ e-tron GT ยังคงเป็นรถยนต์ที่เร็วอย่างมาก โดยทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 455 กม.
ปี 2025 คือบทพิสูจน์อันยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสมรรถนะไปอย่างสิ้นเชิง รถยนต์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะ แต่คือวิศวกรรมสุดล้ำที่ผสมผสานความเร็ว ความล้ำสมัย และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน
หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และต้องการสัมผัสกับอนาคตของยานยนต์สมรรถนะสูง รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด 2025 เหล่านี้ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม
พร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งความเร็วแล้วหรือยัง? ติดต่อผู้จำหน่ายที่คุณไว้วางใจวันนี้ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและเตรียมพร้อมสำหรับการทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์!
