• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1412069 โตมาก บอำนาจep2 part2

admin79 by admin79
December 10, 2025
in Uncategorized
0
N1412069 โตมาก บอำนาจep2 part2

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าสิบปี ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและน่าตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตลาดรถยนต์ในปี 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในอีกต่อไป แต่เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่พลังงานไฟฟ้า, การเชื่อมต่ออัจฉริยะ, และระบบขับขี่อัตโนมัติกลายเป็นหัวใจสำคัญ บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจภูมิทัศน์ยานยนต์แห่งอนาคต ที่ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำ และผู้บริโภคเองก็มีทางเลือกที่หลากหลายและซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าเดิม

มาตรฐานใหม่แห่งความเป็นเลิศ: ใครคือผู้นำในปี 2025? (แรงบันดาลใจจาก Consumer Reports)

หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน การจัดอันดับจากสถาบันอย่าง Consumer Reports มักเน้นไปที่ความน่าเชื่อถือทางกลไกและความพึงพอใจโดยรวมของผู้ใช้งาน แต่ในปี 2025 เกณฑ์การประเมินได้ขยายวงกว้างออกไปอย่างมาก ครอบคลุมถึงประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า, ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ, ประสบการณ์ผู้ใช้จากซอฟต์แวร์และระบบอินโฟเทนเมนต์, รวมถึงความก้าวหน้าของระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และความยั่งยืนของวัสดุที่ใช้ในการผลิต

แบรนด์หรูที่เพิ่งแจ้งเกิดอย่าง Genesis ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในด้านการมอบประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ไร้รอยต่อและเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ต่อยอดมาจากยุคแรกเริ่ม แต่ในปัจจุบัน Genesis ได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ EV พรีเมียมที่ผสานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เข้ากับแพลตฟอร์มไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง มอบทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าคู่แข่ง ขณะที่ Toyota ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความน่าเชื่อถือ ก็ยังคงรักษาจุดแข็งนี้ไว้ได้อย่างมั่นคง โดยขยายฐานความเชื่อมั่นไปสู่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดหลากหลายรุ่น ตั้งแต่กลุ่ม Mass-Market ไปจนถึง Luxury ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ทำให้ผู้บริโภคยังคงให้ความไว้วางใจในคุณภาพและบริการหลังการขายที่ไม่เป็นรองใคร

นอกจากนี้ เรายังเห็นผู้ท้าชิงรายใหม่จากฝั่งจีนที่เข้ามาร่วมวงการ โดยเฉพาะแบรนด์อย่าง BYD, Nio, หรือ Xpeng ที่ไม่ได้มาแค่ราคาที่แข่งขันได้ แต่ยังพกพาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยมาอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมต้องเร่งปรับตัวและลงทุนมหาศาลเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เหนือกว่าแค่ประเภทรถ: นิยามของ “สุดยอดรถยนต์แห่งปี” ในปี 2025

ในปี 2025 คำว่า “สุดยอดรถยนต์แห่งปี” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การประเมินรถยนต์ในแต่ละเซกเมนต์แบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่เรากำลังมองหาความโดดเด่นในมิติต่างๆ ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมและวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมยุคใหม่ ระบบเบรกอัตโนมัติและระบบเตือนการชนด้านหน้าได้กลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ และถูกยกระดับไปสู่ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2+ หรือแม้กระทั่งระดับ 3 ที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้น มาดูกันว่าในปีนี้ “สุดยอด” รถยนต์ที่เรากำลังพูดถึง มีนิยามอย่างไร:

ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนเมือง (Urban Mobility EVs): รถยนต์ขนาดเล็กกะทัดรัด ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มีระยะทางวิ่งที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันในเมืองใหญ่ ระบบเชื่อมต่อที่ครบครัน และอาจมาพร้อมโมเดลการใช้งานแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) ที่ยืดหยุ่น แบรนด์ที่โดดเด่นในกลุ่มนี้มักเป็นผู้ผลิตที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนเมือง และเน้นการออกแบบที่ใช้งานง่าย เช่น EQA จาก Mercedes-Benz หรือ Tesla Model 2 (ถ้าเปิดตัว)

รถ SUV หรูที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Sustainable Luxury SUVs): การผสมผสานระหว่างความหรูหรา ความอเนกประสงค์ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SUV กลุ่มนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก มีการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติในห้องโดยสาร พร้อมด้วยเทคโนโลยี ADAS ที่ล้ำสมัย และระบบ Infotainment ที่ปรับแต่งได้สูง ซึ่งแบรนด์ยุโรปชั้นนำอย่าง BMW iX หรือ Audi Q6 e-tron ต่างกำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด

รถยนต์สมรรถนะสูงพลังงานไฟฟ้า (Performance EVs): การเร่งความเร็วที่น่าทึ่งจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์กลุ่มนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและสมรรถนะสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น Porsche Taycan หรือ Hyundai Ioniq 5 N ที่ผสมผสานพละกำลังเข้ากับการควบคุมที่แม่นยำ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีจัดการแบตเตอรี่ขั้นสูงเพื่อการใช้งานในสนามแข่ง

รถยนต์ครอบครัวอัจฉริยะ (Smart Family Haulers): รถยนต์ MPV หรือ SUV ขนาดใหญ่ที่เน้นความปลอดภัยสูงสุด ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยเพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ และระบบ Infotainment ที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว ด้วยจอแสดงผลหลายจอ การเชื่อมต่อ 5G และระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง รวมถึงความจุแบตเตอรี่ที่เพียงพอสำหรับการเดินทางไกล

รถกระบะแห่งอนาคต (Next-Gen Pickups): รถกระบะไฟฟ้าที่ไม่ได้แค่ทรงพลัง แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการทำงานและการผจญภัย ด้วยแบตเตอรี่ที่สามารถจ่ายไฟให้เครื่องมือช่างหรือบ้านได้ (Bidirectional Charging) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าที่เหนือชั้น และความทนทานตามแบบฉบับรถกระบะ เช่น Ford F-150 Lightning หรือ Tesla Cybertruck ที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย

การกลับมาของซีดาน: รูปแบบที่เปลี่ยนไปสู่พลังงานไฟฟ้า

แม้ว่าในอดีต (ราวปี 2017) รถยนต์ซีดานจะเผชิญกับยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปนิยมรถกระบะ ครอสโอเวอร์ และ SUV กันมากขึ้น แต่ในปี 2025 เราได้เห็นการ “กลับมาเกิดใหม่” ของรถยนต์ซีดานในรูปแบบที่น่าตื่นเต้นและแตกต่างออกไป แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าทำให้ผู้ผลิตสามารถออกแบบรถซีดานที่มีเส้นสายแอโรไดนามิกยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ (เนื่องจากไม่ต้องมีอุโมงค์เกียร์) และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ทำให้การขับขี่มั่นคงและสนุกยิ่งขึ้น

รถซีดานไฟฟ้าอย่าง Mercedes-Benz EQE และ EQS, BMW i5 และ i7, หรือแม้แต่ Hyundai Ioniq 6 ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ารถซีดานสามารถมอบความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนได้ในคราวเดียวกัน รถเหล่านี้ไม่ได้แค่ขายได้ในจำนวนมาก แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ด้วยการผสานความสง่างามเข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคต ทำให้ซีดานยังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญของค่ายรถยนต์ที่ปรับตัวได้ทัน และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว สไตล์ และประสิทธิภาพที่ไม่เป็นรองใคร

การแข่งขันในตลาดรถหรู: เกมแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้า

ปี 2025 เป็นยุคที่ตลาดรถยนต์หรูมีการแข่งขันสูงยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะในสมรภูมิของรถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ดาวสามแฉกอย่าง Mercedes-Benz ยังคงยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำยอดขายรถยนต์หรูทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ EQ ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ EQA/EQB ไปจนถึง EQS และ EQG ที่กำลังจะเปิดตัว ตลาดหลักยังคงอยู่ที่จีน เยอรมนี และอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

BMW และ Audi ก็ไม่ยอมแพ้ โดยต่างเร่งเสริมทัพรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล i และ e-tron ของตนเองอย่างเต็มที่ การแข่งขันไม่ได้มีแค่เรื่องของระยะทางวิ่งหรือความเร็วในการชาร์จเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งในรถ ประสบการณ์ผู้ใช้งานของระบบอินโฟเทนเมนต์ และบริการดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างจีน ที่ยอดขายรถหรูไฟฟ้าพุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จในระดับโลก

นอกจากนี้ แบรนด์สมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG, BMW M และ Audi RS ต่างก็ปรับตัวเข้าสู่ยุคไฟฟ้า โดยนำเสนอรถยนต์สมรรถนะสูงที่ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจ แต่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก พร้อมด้วยเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ ให้พละกำลังและแรงบิดที่เหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในในอดีต และ Smart เองก็ยังคงเป็นแบรนด์สำหรับคนเมืองที่เน้นความกะทัดรัดและใช้งานง่าย โดยได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ

คุณค่าของแบรนด์ในยุคดิจิทัล: นิยามใหม่ของความมั่งคั่ง

ในยุค 2025 การประเมินมูลค่าของแบรนด์ยานยนต์ได้ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มูลค่าของแบรนด์ไม่ได้วัดกันแค่ที่ยอดขายหรือผลกำไรทางตรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม, ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม, การบูรณาการซอฟต์แวร์และระบบนิเวศดิจิทัล, และความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของแบรนด์นั้นๆ

Toyota ยังคงรักษาตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดในอุตสาหกรรม โดยมีรากฐานจากความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งมั่นในการพัฒนายนตรกรรมที่ใช้งานได้จริงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงเป็นผู้เล่นที่สร้างความปั่นป่วนในตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มมูลค่าแบรนด์อย่างก้าวกระโดด มูลค่าของ Tesla ไม่ได้มาจากแค่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า แต่มาจากวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งเป็นประสบการณ์การสร้างแบรนด์ที่ดึงดูดทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของรถและผู้ที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของให้เฝ้าจับตามอง

แบรนด์หรูจากเยอรมนีอย่าง BMW และ Mercedes-Benz ก็ยังคงแข็งแกร่ง โดยได้ลงทุนมหาศาลในการพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ภายในรถ เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมและรถยนต์สมรรถนะสูง การเติบโตของแบรนด์อย่าง Land Rover ก็ยังคงโดดเด่นจากความนิยมในกลุ่ม SUV ที่ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่มาพร้อมความสามารถในการบุกตะลุยแบบออฟโรด มูลค่าโดยรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนจำนวนมหาศาลที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องทุ่มเทเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นเจ้าของรถยนต์รูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีเชื่อมต่อในรถยนต์ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของการเดินทางอย่างสิ้นเชิง

ไฮเปอร์คาร์แห่งอนาคต: สุดยอดการผสมผสานพลังและเทคโนโลยี

สำหรับอภิมหาเศรษฐีผู้แสวงหาที่สุดของความพิเศษและความแรง ไฮเปอร์คาร์ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะราคาแพงระยับอีกต่อไป แต่คือผลงานศิลปะวิศวกรรมที่หลอมรวมเทคโนโลยีขั้นสูงสุดเข้ากับพละกำลังอันมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบหรือระบบไฮบริดสมรรถนะสูง วัสดุเบาพิเศษ และแอโรไดนามิกที่ซับซ้อน ไฮเปอร์คาร์แห่งอนาคตจะสร้างนิยามใหม่ของความเร็วและความหรูหรา ด้วยราคาที่อาจทะลุเพดานไปจนถึงหลักหลายร้อยล้านหรือพันล้านบาท นี่คือส่วนหนึ่งของขุมพลังแห่งความเร็วที่เราจะเห็นได้ในปี 2025:

Bugatti Tourbillon: ทายาทของ Chiron ที่ผสานเครื่องยนต์ V16 กับมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้พละกำลังรวมมากกว่า 1,800 แรงม้า ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Bugatti แต่มาพร้อมเทคโนโลยีแห่งอนาคต

Aston Martin Valhalla: ไฮเปอร์คาร์ลูกผสมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง F1 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบสมรรถนะการขับขี่ระดับสนามแข่งแต่ยังคงความหรูหราตามสไตล์ Aston Martin

Mercedes-AMG ONE: รถแข่ง F1 ที่ถูกนำมาวิ่งบนถนนได้อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด V6 เทอร์โบชาร์จเจอร์จากรถ Formula 1 ให้พละกำลังเกิน 1,000 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีแอโรไดนามิกที่ปรับเปลี่ยนได้

Pininfarina Battista: ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% จากอิตาลี ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ให้พละกำลังเกือบ 1,900 แรงม้า สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ด้วยดีไซน์ที่งดงามและหรูหรา

Rimac Nevera: ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าสัญชาติโครเอเชีย ที่ทำลายสถิติโลกมากมายในด้านความเร็วและอัตราเร่ง มอบพละกำลังมหาศาลถึง 1,914 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบควบคุมที่ล้ำสมัยที่สุด

Ferrari SF90 XX Stradale: ไฮเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้พละกำลังรวมกว่า 1,000 แรงม้า พร้อมชุดแต่งแอโรไดนามิกที่ดุดัน

McLaren Artura: ซูเปอร์คาร์ไฮบริดน้ำหนักเบาที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจและประหยัดพลังงาน

Koenigsegg Jesko: ไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนที่ออกแบบมาเพื่อความเร็วสูงสุดและแรงกดมหาศาล ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงถึง 1,600 แรงม้า (เมื่อใช้เชื้อเพลิง E85)

Gordon Murray Automotive T.50: รถยนต์ที่ยกย่องความบริสุทธิ์ของการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ V12 Naturally Aspirated ที่รอบสูง ผสานกับดีไซน์ที่เน้นแอโรไดนามิกแบบ Active Aerodynamics และน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ

Lucid Air Sapphire: แม้จะเป็นซีดาน แต่สมรรถนะอยู่ในระดับไฮเปอร์คาร์ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้พละกำลัง 1,234 แรงม้า สามารถเร่งความเร็ว 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลา 1.89 วินาที แสดงให้เห็นว่าขีดจำกัดของ EV นั้นไปได้ไกลเพียงใด

อนาคตยานยนต์ไทย: ภาพสะท้อนจากงานมอเตอร์โชว์ 2025

งาน Bangkok International Motor Show ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หรือยอดจองที่ถล่มทลายอีกต่อไป แต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มตัว การจัดงานในปีนี้จะเน้นไปที่เทคโนโลยี EV ที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปจนถึงรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดเล็กไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และแนวคิดของ Smart Mobility ที่จะเปลี่ยนโฉมการเดินทางในเมืองใหญ่

เราจะเห็นการแข่งขันของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าทั้งจากญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และจีน ที่นำเสนอแพลตฟอร์ม EV ล่าสุด พร้อมระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น และเวลาในการชาร์จที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงการแสดงระบบนิเวศของสถานีชาร์จ (Charging Infrastructure) ที่ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ รถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดเล็กไฟฟ้ายังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่มองหารถยนต์ที่มีต้นทุนการดำเนินงานต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากภาครัฐผ่านนโยบายและมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

งานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ยังเป็นภาพสะท้อนของการลงทุนมหาศาลในด้านการวิจัยและพัฒนาของทุกค่าย ที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ห้องโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ระบบ Infotainment ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการส่วนบุคคล และเทคโนโลยี Vehicle-to-Everything (V2X) ที่ทำให้รถยนต์สามารถสื่อสารกับโครงสร้างพื้นฐานและรถคันอื่นๆ ได้ การตอบรับจากผู้เข้าชมงานแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของตลาดที่พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง

Mercedes-Benz GLA ในยุค 2025: วิวัฒนาการสู่ยนตรกรรมไฟฟ้า (EQA/EQB)

ย้อนกลับไปในปี 2017 การเปิดตัว Mercedes-Benz The New GLA-Class Minor Change สร้างความฮือฮาในกลุ่ม Premium Compact SUV แต่ในปี 2025 ตระกูล GLA ได้วิวัฒนาการไปสู่ยุคไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยมี EQA และ EQB เป็นตัวแทนสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของตลาดครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด (Compact Electric SUV) ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์ของดีไซน์อันปราดเปรียวและสมรรถนะแบบสปอร์ต แต่ยกระดับสู่ความยั่งยืนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

EQA และ EQB ในปี 2025 มาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มอบระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นอย่างก้าวกระโดด (เกิน 500-600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP) และรองรับการชาร์จเร็วแบบ DC ที่ใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ดีไซน์ภายนอกยังคงความโฉบเฉี่ยว แต่มีการปรับปรุงแอโรไดนามิกให้ลู่ลมยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และยังคงโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT ที่สามารถฉายสัญลักษณ์เตือนบนพื้นถนนได้ และไฟท้ายแบบ LED ที่เชื่อมต่อกันเป็นเส้นเดียว

ภายในห้องโดยสารได้รับการยกระดับด้วยระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เจเนอเรชันล่าสุด ที่มาพร้อมหน้าจอ Hyperscreen ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแผงคอนโซล ระบบผู้ช่วยเสียง “Hey Mercedes” ที่ฉลาดล้ำยิ่งขึ้น และฟังก์ชันการเชื่อมต่อ 5G ที่รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-The-Air (OTA) เพื่อให้รถมีความทันสมัยอยู่เสมอ เบาะนั่งผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงความหรูหราและสัมผัสที่พรีเมียมไว้ได้อย่างลงตัว

ด้านระบบความปลอดภัย EQA และ EQB ในปี 2025 ได้ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่ได้รับการพัฒนาไปสู่ระดับ 2+ หรือใกล้เคียงระดับ 3 ซึ่งช่วยให้รถสามารถขับขี่กึ่งอัตโนมัติบนทางหลวงได้ในบางสถานการณ์ พร้อมด้วยระบบ Active Brake Assist ที่ได้รับการปรับปรุงให้แม่นยำยิ่งขึ้น ระบบ Parking Pilot อัตโนมัติ และกล้องรอบคัน 360 องศาที่ให้มุมมองเสมือนจริง

สำหรับรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG EQA 45 หรือ EQB 45 (สมมติว่ามีการเปิดตัว) ได้รับการปรับแต่งโดย AMG โดยเฉพาะ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังเกิน 400-500 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า AMG Performance 4MATIC และช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ที่ปรับได้ ทำให้รถสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 4 วินาที พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและเสียงสังเคราะห์จาก AMG Performance Sound Experience ที่จำลองเสียงเครื่องยนต์ทรงพลังเพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต ยานยนต์ในตระกูล EQA/EQB จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวิวัฒนาการจาก Premium Compact SUV สู่ Electric Compact SUV ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะ ความหรูหรา และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในยุค 2025

ก้าวสู่อนาคตแห่งการขับขี่ไปพร้อมกัน

ปี 2025 เป็นยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยนวัตกรรมที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงในอดีต การเลือกซื้อรถยนต์ในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตัดสินใจเลือกพาหนะ แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์หรูที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี หรือรถยนต์สมรรถนะสูงที่กระตุ้นอะดรีนาลีน ตลาดในปีนี้มีสิ่งที่น่าตื่นเต้นรอคุณอยู่เสมอ

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติยานยนต์ครั้งนี้! ค้นพบรถยนต์แห่งอนาคตที่ใช่สำหรับคุณได้ที่โชว์รูมใกล้บ้าน หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้ผลิตเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน!

Previous Post

N1412064 เจ านายคะ part2

Next Post

N1412074 าสงสารท แฟนแบบน part2

Next Post
N1412074 าสงสารท แฟนแบบน part2

N1412074 าสงสารท แฟนแบบน part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.