มอเตอร์เอ็กซ์โป 2568: ครึ่งทางสู่ปรากฏการณ์ยานยนต์ครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อ EV ครองบัลลังก์และสงครามราคาถึงจุดเดือด
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในแวดวงยานยนต์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมยืนยันได้เลยว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่ดำเนินมาถึงครึ่งทางนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแสดงรถยนต์ประจำปี แต่เป็นดัชนีชี้วัดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ตลาดรถยนต์ไทย ช่วง 8 วันแรกของการจัดงาน (28 พ.ย. – 5 ธ.ค. 2568) ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ได้เผยให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่เกินความคาดหมาย ด้วยยอดจองรถยนต์ที่พุ่งทะยานสู่ 36,174 คัน สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของตลาดที่กำลังเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาครอบครองพื้นที่ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการปรับตัวอย่างดุเดือดของค่ายรถทั้งจากจีนและญี่ปุ่น
ยอดจองถล่มทลาย: สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ตัวเลข 36,174 คันในครึ่งแรกของงาน Motor Expo 2025 ไม่ใช่เพียงแค่ยอดจองธรรมดา แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดรถยนต์ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่รวดเร็วและน่าตื่นเต้น จากการวิเคราะห์เชิงลึก ผมเห็นว่ายอดจองที่เติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจนี้ สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 30-45% เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่มาบรรจบกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์จีนที่นำเสนอรถยนต์คุณภาพดีในราคาเข้าถึงได้ รวมถึงมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลง ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เราคาดการณ์ว่าเมื่อจบงาน Motor Expo 2025 ยอดจองรวมจะสูงกว่าปีก่อนอย่างน้อย 30-40% ซึ่งปีที่แล้วมียอดจองรถยนต์รวม 54,513 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 7,982 คัน ด้วยโมเมนตัมที่เห็นนี้ ตลาดกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืน และการแข่งขันที่เข้มข้นจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค
EV ครองใจ: พลิกโฉมภูมิทัศน์ยานยนต์ไทย
สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือสัดส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า โดยกว่า 52% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) และรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ตามลำดับ นี่คือการยืนยันที่ชัดเจนว่าเทรนด์ รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่กระแสชั่วคราวอีกต่อไป แต่คือทิศทางหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจใน รถ EV มากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดจองทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในด้านเทคโนโลยี ระยะทางการวิ่ง สถานีชาร์จ และที่สำคัญที่สุดคือ ความคุ้มค่า ในระยะยาว
การเข้ามาของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ รถยนต์ไฟฟ้า มีระยะทางที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น ลดความกังวลเรื่อง Range Anxiety ที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ EV ที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปภายในอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องพลังงานและค่าบำรุงรักษา ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่อง ประหยัดพลังงาน และ สิ่งแวดล้อม
แบรนด์จีน: ผู้เล่นหลักในเกมแห่งการเปลี่ยนแปลง
บทบาทของ ค่ายรถจีน ในงาน Motor Expo 2025 ถือว่าโดดเด่นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้มาเพียงแค่เป็นผู้ท้าชิง แต่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาด ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงได้ ควบคู่กับเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ล้ำสมัย ค่ายรถอย่าง BYD, Omoda & Jaecoo, MG, GAC AION, Geely และ Deepal ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์เหล่านี้
BYD: ยังคงเป็นแชมป์ในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยยอดจองที่แข็งแกร่ง โดยมี BYD Atto3 เป็นโมเดลยอดนิยม และที่น่าสนใจคือการเปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษสำหรับ BYD SEAL ที่ให้ส่วนลดสูงสุดกว่า 525,000 บาท ทำให้รุ่น Dynamic มีราคาเหลือเพียง 799,000 บาท และรุ่น Premium ลดถึง 549,100 บาท นอกจากนี้ การมอบ การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน เป็นครั้งแรกสำหรับ BYD Dolphin และ BYD Atto 3 ยังเป็นการตอกย้ำความมั่นใจในคุณภาพและยกระดับมาตรฐานการแข่งขันในตลาด EV ขึ้นไปอีกขั้น
Omoda & Jaecoo: สร้างปรากฏการณ์ด้วย Jaecoo 5 EV ที่มียอดส่งมอบสะสมถึง 12,000 คันภายใน 10 เดือนแรกของปี 2568 และคาดว่าจะปิดยอดขายรวมที่ 14,000 คัน ซึ่งเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างแท้จริง การมอบ ราคาพิเศษ Jaecoo 5 EV สำหรับ 3,000 คันสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2568 ยิ่งเป็นการเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภค
MG: แม้จะเผชิญกับ สงครามราคา EV แต่ MG ก็ยังคงรักษาฐานลูกค้าและนำเสนอความคุ้มค่าผ่านรุ่นยอดนิยมอย่าง MG ZS EV และ MG EP PLUS ด้วย ข้อเสนอสุดพิเศษ ที่ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ที่ลดถึง 279,000 บาท แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการระบายสต็อกและกระตุ้นยอดขาย
GAC AION: จัดเต็มด้วยโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” สำหรับ AION V และ AION UT ที่มอบทั้งส่วนลดราคา ประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และของแถมสุดพรีเมียมอย่าง iPhone 17 สะท้อนถึงการแข่งขันที่ต้องนำเสนอมากกว่าแค่ราคา แต่รวมถึงแพ็คเกจความคุ้มค่าโดยรวม
Deepal (CHANGAN): เข้ามาสร้างสีสันด้วยเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจ ทั้งดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท พร้อม รับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน สำหรับ Deepal S05 แสดงถึงการแข่งขันที่มุ่งเน้นความยืดหยุ่นทางการเงินเป็นสำคัญ
แบรนด์ดั้งเดิม: การปรับตัวในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน
ขณะที่ ค่ายรถญี่ปุ่น และแบรนด์ดั้งเดิมก็ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่รักษาฐานลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยความแข็งแกร่งด้านชื่อเสียง บริการหลังการขาย และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
Toyota: ยังคงเป็นผู้นำด้วยยอดจอง 6,013 คัน โดยมี Toyota Yaris Cross เป็นรถยนต์ที่มาแรงที่สุด แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวสู่ตลาด รถยนต์ไฮบริด ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคที่ยังไม่พร้อมสำหรับ EV เต็มตัว มองว่า ไฮบริด คือทางเลือกที่สมดุลทั้งด้านประสิทธิภาพและการประหยัดน้ำมัน
Honda: HR-V e:HEV เป็นตัวชูโรง ด้วยยอดจอง 3,039 คัน ตอกย้ำถึงความสำเร็จของ Honda ในตลาด xEV ที่ผสมผสานเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปได้อย่างลงตัว
Geely: แม้จะประกาศไม่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมจากรัฐบาล แต่ Geely ก็สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Geely EX2 ใน ราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท สำหรับ 2,000 คันแรก ซึ่งเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการนำเสนอ รถ EV ราคาเข้าถึงได้ โดยไม่พึ่งพิงเงินอุดหนุนภาครัฐ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ราคาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก
Great Wall Motor: นายเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM ประเทศไทย ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า สงครามราคา EV ในปี 2568 นั้นรุนแรงมาก และคาดว่าในปี 2569 สถานการณ์อาจจะยังคงอยู่แต่ความรุนแรงจะลดลงตามเงื่อนไขมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล การที่ GWM จะปรับขึ้นราคา ORA Good Cat ในปี 2569 พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษ เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์จากราคาเพียงอย่างเดียวไปสู่การเพิ่มมูลค่าและประสบการณ์ลูกค้า
มาตรการ EV ภาครัฐ: แรงกระตุ้นสุดท้ายก่อนสิ้นสุด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันยอดจองให้พุ่งสูงขึ้นคือการใกล้จะสิ้นสุดมาตรการส่งเสริม รถยนต์ไฟฟ้า ของไทยในวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ตัดสินใจซื้อ รถยนต์ EV ในช่วงนี้จะยังคงได้รับเงินสนับสนุนส่วนลดคันละ 150,000 บาท ภายใต้มาตรการ EV3.0
แต่สำหรับปี 2569 ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.5 จะได้รับการสนับสนุนส่วนลดลดลงจาก 150,000 บาท เหลือเพียง 50,000 บาท และยังมีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตจาก 2% เป็น 10% การเปลี่ยนแปลงนี้กระตุ้นให้ค่ายรถยนต์เร่งระบาย รถยนต์ในสต็อก เพื่อลดภาระต้นทุน และกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อในทันทีเพื่อรับ ส่วนลดรถ EV สูงสุด นี่คือ โอกาสทอง สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า
ตลาดรถยนต์ไทย 2568-2569: ก้าวต่อไปที่ท้าทายและน่าจับตา
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทย 10 เดือนแรกของปี 2568 มีอัตราเติบโตราว 3% และคาดการณ์ว่าทั้งปีจะปิดตัวเลขยอดขายรวมของตลาดอยู่ที่ 600,000 คัน เติบโต 3-4% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ดีแม้จะมีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
ส่วนตลาด รถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะมียอดขายกว่า 100,000 คันในปี 2568 และเติบโตต่อเนื่องสู่ 120,000 คันในปี 2569 ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของ ตลาด EV ไทย อย่างชัดเจน ท่ามกลาง เทคโนโลยี EV ล่าสุด ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่า อนาคตยานยนต์ไทย จะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก พร้อมกับการแข่งขันด้านนวัตกรรมและบริการหลังการขายที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
บทสรุป: ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือวิถีชีวิตใหม่
Motor Expo 2025 ไม่ใช่แค่การจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ แต่เป็นเวทีที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และกลยุทธ์ที่พลิกแพลงของค่ายรถยนต์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองเห็นถึงอนาคตที่สดใสของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่ขับเคลื่อนด้วย รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์ไฮบริด ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การแข่งขันในตลาด รถ EV ที่ดุเดือดนี้ จะนำมาซึ่ง โปรโมชั่นรถยนต์ และ ราคา EV ที่คุ้มค่า มากยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค
หากคุณกำลังมองหา รถยนต์คันใหม่ หรือต้องการสัมผัสกับ ประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคต นี่คือช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาด โอกาสสุดท้ายในการคว้า ส่วนลดรถยนต์ไฟฟ้า สูงสุดจากการสนับสนุนภาครัฐกำลังจะหมดลงในสิ้นปีนี้ การตัดสินใจในตอนนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ทั้งต่อกระเป๋าเงินและต่อโลกของเรา มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านนี้ และค้นพบ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ ที่งาน Motor Expo 2025 วันนี้!
