• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0301051_วงแค นพ นธนาการ ตอน เธอกำล งวางก บด กให กคนเด นเข ามา เพ อเอาค นพวกคนช_part2

admin79 by admin79
December 31, 2025
in Uncategorized
0
N0301051_วงแค นพ นธนาการ ตอน เธอกำล งวางก บด กให กคนเด นเข ามา เพ อเอาค นพวกคนช_part2

ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย ปี 2024: ยอดจดทะเบียน บทสรุป และอนาคตที่สดใสกว่าที่คิด

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาเกือบหนึ่งทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในตลาดรถยนต์ไทย แต่สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แม้ว่าอัตราการขยายตัวของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะยังไม่แซงหน้ารุ่นพี่อย่างรถยนต์ไฮบริด (HEV) ไปเสียทีเดียวในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยเปิดใจให้กับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ย้อนกลับไปเพียง 4-5 ปีที่แล้ว การพบเห็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) บนท้องถนนยังคงเป็นเรื่องที่น่าแปลกตา แต่ในวันนี้ ภาพนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใหม่ที่ขายออกไปคิดเป็นสัดส่วนถึง 15% ของตลาดรถใหม่ทั้งหมด นั่นหมายความว่าการครอบครอง รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตยุคใหม่

ตลอด 10 เดือนแรกของปี 2024 นี้ เราได้เห็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลากหลายรุ่น หลากหลายแบรนด์ การวิเคราะห์ข้อมูลยอดจดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ประเทศไทย จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าค่ายไหน รุ่นใด ทำผลงานได้น่าประทับใจที่สุดในปีนี้

ปัจจัยขับเคลื่อนและอุปสรรคของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย

โอกาสในการเติบโตของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยนั้น มีศักยภาพสูงกว่านี้มาก หากไม่เผชิญกับปัจจัยลบจากวิกฤตเศรษฐกิจและสินเชื่อที่ส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงปี 2023 ยอดขายที่เคยร้อนแรงกลับชะลอตัวลงในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นจริง และอีกส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การเร่งขายเพื่อปิดยอดของบางค่าย ประกอบกับการคาดการณ์ว่าราคา รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะปรับสูงขึ้นในปี 2024 ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนเร่งตัดสินใจซื้อตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023

จึงไม่น่าแปลกใจที่บางรุ่นที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูง กลับดูซบเซาลงในปีนี้ อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่ว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นเพียงกระแสแล้วจะหายไปนั้น ผมขอค้านอย่างหนักแน่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน เพราะผู้ที่เลือกใช้ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีสองกลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและความแปลกใหม่ และกลุ่มที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อกิโลเมตร สำหรับกลุ่มหลังนี้ หากไม่เจอกับปัญหาคุณภาพรถที่แย่ หรือบริการหลังการขายที่น่าผิดหวัง พวกเขาจะไม่มีวันหวนกลับไปใช้รถยนต์สันดาปภายในอีกแน่นอน โอกาสการเติบโตของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงยังมีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จะเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ช้าหรือเร็วเท่านั้น

เปิดโผ 10 อันดับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยอดนิยมในไทย ปี 2024 (ยอดสะสม ม.ค. – ต.ค.)

ข้อมูลที่เรานำเสนอในบทความนี้ เป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ยอดจดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากแหล่งที่น่าเชื่อถือในวงการ ซึ่งจะสะท้อนถึงภาพความเป็นจริงของตลาด ณ ปัจจุบัน

อันดับ 10: MG EP (ยอดจดสะสม 1,643 คัน)

MG EP ถือเป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นบุกเบิกที่ช่วยขยายฐานผู้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย ก่อนที่แบรนด์จากจีนจะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยรูปทรงแบบสเตชั่นแวกอนที่ดูใหญ่ นั่งสบาย และการจัดอุปกรณ์ที่เน้นความคุ้มค่า ทำให้ EP เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้กล้าที่ยอมรับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในยุคแรกๆ แม้ในช่วงหลังจะมีคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกันเพิ่มขึ้น แต่การปรับลดราคาครั้งล่าสุดจาก 771,000 บาท เหลือ 671,000 บาท ประกอบกับการส่งมอบรถ 2,000 คันให้กับ Autodrive EV เพื่อนำไปใช้เป็น Grab รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ยอดจดทะเบียนของ EP ยังคงทรงตัวได้ แม้จะเข้าสู่ช่วงปลายของอายุตลาด

อันดับ 9: ORA Good Cat (ยอดจดสะสม 1,835 คัน)

ยอดจดทะเบียนเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงรถที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งแล้ว ไม่ใช่ยอดขายหรือยอดจองโดยตรง จึงอาจไม่สะท้อนสถานการณ์ตลาดปัจจุบันทั้งหมด แม้ในช่วงหลังของการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร GWM ประเทศไทย และการประกาศลดราคารถหลายรุ่นในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน แต่ก่อนหน้านั้น ORA Good Cat ก็ทำยอดจดทะเบียนได้ดีพอสมควร การเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศพร้อมแบตเตอรี่ใหม่ที่สเป็คเดียวกันทุกรุ่นย่อย แม้ราคาจะลดลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นประกอบจีน และไม่น่าดึงดูดใจเท่าโปรโมชั่นของ BYD แต่จุดเด่นด้านดีไซน์แบบ Retro-futuristic ทำให้ ORA Good Cat ยังคงมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเฉพาะตัว และยอมจ่ายเพื่อรูปลักษณ์ที่ต้องการ แม้จะไม่ใช่รถที่ทำยอดขายถล่มทลาย แต่ก็มียอดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับนโยบายราคาของ GWM ในช่วงแรกที่เน้นความมั่นคง ไม่แข่งสงครามราคา ทำให้ลูกค้าบางส่วนเชื่อมั่นว่าจะไม่เจอปัญหา “ดอย” (การซื้อรถแล้วราคาตกลงอย่างรวดเร็ว) อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์เหล่านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงไตรมาสสาม และเราคงต้องรอต้นปีหน้าเพื่อประเมินผลลัพธ์ของ GWM ในยุคที่ยอมเข้าสู่สงครามราคา

อันดับ 8: Tesla Model 3 (ยอดจดสะสม 2,718 คัน)

Tesla Model 3 ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในปีนี้ ในขณะที่ปีก่อนๆ Model Y ทำยอดขายได้ดีกว่า เหตุผลหลักน่าจะมาจากการปรับโฉม (Refresh) ใหม่ของ Model 3 ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในขณะที่ Model Y เป็นเพียงการอัปเกรดฮาร์ดแวร์จาก 3.0 เป็น 4.0 และปรับปรุงกล้องบางส่วน ปัจจัยความสำเร็จของ Model 3 ยังคงอยู่ที่การนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม และดีไซน์ภายนอกที่สวยงามเหมือนรถคอนเซ็ปต์ การมีราคาเริ่มต้นใกล้เคียงกับรถยนต์น้ำมันอย่าง Toyota Camry หรือ Honda Accord รุ่นกลางๆ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่น่าสนใจ หากต้องการสมรรถนะที่เหนือกว่า ก็มีรุ่น Performance ที่มอบอัตราเร่งที่เร้าใจในราคาเทียบเท่า BMW 3 Series รุ่นเริ่มต้น ประกอบกับความเชื่อมั่นในแบรนด์ Tesla ที่ผู้บริโภคมองว่ามีการคิดและพัฒนามาอย่างดี และผลการทดสอบความปลอดภัยที่ได้รับคะแนนสูง

อันดับ 7: Aion Y Plus (ยอดจดสะสม 3,452 คัน)

Aion Y Plus เปิดตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค ด้วยการปรับเปลี่ยนราคาถึง 4 รอบตั้งแต่ต้นปี และมีการเปิดรุ่นย่อยใหม่แต่ฟังก์ชันบางอย่างกลับใช้งานไม่ได้ ท่ามกลางความสับสนเหล่านี้ Aion Y Plus กลับทำตัวเลขยอดจดทะเบียนได้ไม่น้อย จากการปรับกลยุทธ์ด้านราคาที่แข่งขันได้ และตัวรถเองก็ไม่ได้มีข้อด้อยมากนัก แม้บางครั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command) อาจมีปัญหาบ้าง แต่เมื่อขับเคลื่อนจริง หลายคนยอมรับว่า Aion Y Plus เป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีนที่ขับขี่ดี ภายในกว้างขวาง เบาะนั่งสบาย โดยเฉพาะรุ่น 410 Premium ที่เปิดตัวในช่วง Motor Show ในราคาประมาณแปดแสนกลางๆ ทำให้ยังคงสร้างยอดจองได้ต่อเนื่อง และถือเป็นตัวเลือกที่สร้างการยอมรับในแบรนด์ GAC Aion ในไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อันดับ 6: ChangAn Deepal S07 (ยอดจดสะสม 4,153 คัน)

สูตรสำเร็จของ Deepal S07 คือการนำเสนอดีไซน์ SUV ที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการ แต่หาได้ยากในตลาด มาจำหน่ายในราคาที่ใกล้เคียงกับ Honda CR-V รุ่นย่อยเริ่มต้น เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในงาน Motor Expo 2023 บูธของ ChangAn แทบจะระเบิด เพราะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จุดที่สามารถติได้มีเพียงระบบไฟ 400V ที่อาจดูเก่าไปบ้าง และช่วงล่างที่อาจมีอาการย้วยเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากราคา ลูกค้าส่วนใหญ่ยอมรับได้ เพราะได้รถที่สวย หรู ขนาดใหญ่ และมีออปชันครบครัน ยอดขายจึงดีตั้งแต่เปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคไทยมีความเฉลียวฉลาดพอที่จะสังเกตเห็นความแตกต่างของกลยุทธ์การตั้งราคาของแบรนด์จีนในตลาดบ้านเกิดเทียบกับตลาดไทย เมื่อราคาบวกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเข้าใกล้ช่วงปลายปี ยอดขายเริ่มแผ่วลง จนล่าสุดต้องงัดแคมเปญ “Big Surprise Deal” ซึ่งไม่ใช่การลดราคาโดยตรง แต่หากซื้อสดจะได้รับส่วนลดถึงสองแสนกว่าบาท เพื่อหวังดันยอดขายช่วงปลายปีให้พุ่งขึ้นอีกครั้ง แต่แคมเปญนี้มีกำหนดระยะเวลาจำกัด เราคงต้องรอดูหลังปีใหม่ว่าข้อเสนอนี้จะยังคงมีอยู่หรือไม่

อันดับ 5: BYD Seal (ยอดจดสะสม 4,746 คัน)

BYD Seal ประสบความสำเร็จด้วยการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เคยคาดหวังจากรถซีดานขนาดกลางอย่าง Honda Accord หรือ Toyota Camry แต่ค่ายรถเหล่านั้นกลับไม่สามารถตอบโจทย์ได้ Seal เป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่ให้พละกำลังที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน แม้การเซ็ตช่วงล่างอาจทำให้บางคนนึกถึง “วัว” มากกว่า “รถ” แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาโดยรวมเมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ สมรรถนะ และออปชัน รวมถึงดีไซน์ที่ BYD ยังคงมีปุ่มควบคุมจริงสำหรับฟังก์ชันที่จำเป็น ทำให้ผู้บริโภคที่ไม่ชอบการควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสเพียงอย่างเดียวตัดสินใจเลือก Seal ยอดขายช่วงปลายปีที่แล้วบูมมากจนเกิดกระแสคาดการณ์ว่า Accord และ Camry อาจจะถึงจุดจบ แต่แท้จริงแล้วเป็นผลจากการที่ผู้บริโภคกลัวราคาจะปรับขึ้นเมื่อเข้าสู่ปีใหม่ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด และเมื่อเข้าใกล้ปลายปี ยอดขายกลับแผ่วลงอีกครั้ง จากตัวเลขยอดขายนี้ ทำให้เราเชื่อได้ว่า Accord และ Camry ยังคงไม่ถึงจุดจบเสียทีเดียว Seal มีจุดเด่นมากมายและไม่มีข้อบกพร่องร้ายแรงที่ส่งผลกระทบระยะยาว แต่ผู้บริโภคอาจลังเลที่จะซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาล้านกลางๆ จากแบรนด์นี้ เพราะความกังวลเรื่อง “ดอย” หรือไม่

อันดับ 4: MG 4 ELECTRIC (ยอดจดสะสม 4,828 คัน)

MG 4 ELECTRIC มีข้อได้เปรียบที่แตกต่างจาก MG ZS EV อย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่าแบบยกคันอาจเลือกไปหา BYD กลุ่มที่สนใจ MG 4 คือกลุ่มที่ไม่ได้ชื่นชอบรถหลังคากระจก แต่ต้องการรถที่มีช่วงล่างดี ขับสนุกโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม การเปิดตัวรุ่นประกอบในไทย ทั้งรุ่น D, X และ V Long Range พร้อมการปรับปรุงหน้าจอสัมผัสกลาง และซอฟต์แวร์ที่จดจำการตั้งค่าระบบความปลอดภัยได้ตามที่ลูกค้าเคยร้องเรียน และที่สำคัญคือราคาที่ถูกลงมาก ทำให้ MG 4 เป็นรถที่ขายได้ไม่เยอะ แต่ขายได้อย่างต่อเนื่อง มีผู้ซื้อเข้ามาเรื่อยๆ ประกอบกับภาพลักษณ์ของ MG ที่อยู่ในตลาดไทยมากว่า 10 ปี ทำให้ผู้บริโภคมองว่ามีความมั่นคงสูง ไม่น่าจะประสบปัญหาการทิ้งตลาด นอกจากนี้ การลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถในไทยยังเพิ่มความเชื่อมั่นในระยะยาวให้กับลูกค้า

อันดับ 3: NETA V/VII (ยอดจดสะสม 5,870 คัน)

NETA V เป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาประหยัดรุ่นแรกๆ ในไทยที่สามารถรองรับผู้โดยสาร 4 คนได้อย่างไม่แออัด ทำให้ผู้ที่มีงบประมาณใกล้เคียงกับรถ Eco Car มีทางเลือกใหม่ที่เป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญที่ขับรถในระยะทางไม่ไกลในแต่ละวัน ในช่วงต้นปี NETA ได้เปิดตัวรุ่น V II ที่ปรับปรุงดีไซน์ด้านท้ายให้สวยงามขึ้น และเพิ่มออปชันมากขึ้น สามารถดึงดูดลูกค้าไปได้จำนวนมาก ก่อนที่จะประกาศลดราคาถึงแสนกว่าบาทในเดือนกรกฎาคม ทำให้ยอดจดทะเบียนรวม 10 เดือนออกมาดี แม้ในช่วงต้นปีที่กระแสเริ่มซาลง ก็มีการเปิดตัว V II และเมื่อ V II เริ่มแผ่ว ก็มีการลดราคา ทำให้ตัวเลขยอดจดทะเบียนมีการขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่ากังวลในระยะยาวคือความไม่แน่นอนของอนาคตแบรนด์ NETA จากข่าวสถานะทางการเงินที่ดูไม่มั่นคงเท่าที่ควร แต่ก็ต้องรอดูว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายช่วงปลายปีหรือไม่

อันดับ 2: BYD Atto 3 (ยอดจดสะสม 7,245 คัน)

ปัจจัยความสำเร็จของ BYD Atto 3 คือการเป็นรถยนต์ที่อยู่ในขนาดที่คนไทยชื่นชอบ โดยเฉพาะในรูปแบบ SUV ที่เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทย รูปลักษณ์ภายนอกดูสวยงาม แม้การตกแต่งภายในจะเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล พละกำลังเหลือเฟือ ออปชันครบครัน ทั้งหมดนี้มาในราคาที่แบรนด์อย่าง Honda และ Toyota ทำได้เพียงฝันถึง ยิ่งในปีนี้มีการเปิดตัวรุ่น 2024 ประกอบกับการปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีที่มีการลดราคา MY2023 กลางปีมีการลดราคา MY2023 ซ้ำอีกครั้ง จนส่วนลดรวมเทียบกับวันเปิดตัวสูงถึง 340,000 บาท และรุ่น 2024 ก็มีการลดราคาไปเป็นแสนบาท กลยุทธ์การลดราคาประกอบกับตัวรถที่ถูกจริตคนไทยส่วนใหญ่ ทำให้ยอดขายไม่มีจุดตก มีแต่ขายดี และดีโคตรๆ ในบางเดือน จากจุดนี้ไป สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ การลดราคาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในแบรนด์นี้ และมูลค่าส่วนลดที่ทำให้ลูกค้าเก่าบางส่วนรู้สึกไม่พอใจ ในขณะที่ลูกค้าใหม่บางส่วนอาจชะลอการตัดสินใจเพราะกังวลเรื่อง “ดอย” ดังนั้นจึงต้องรอดูผลยอดจดทะเบียนช่วงปลายปี BYD น่าจะเป็นแบรนด์ที่ครองตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หากนับเฉพาะ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ในภาพรวมยอดขายทั้งหมด ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับ BYD คือตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคชาวไทยจะยังคงให้โอกาสพวกเขามากน้อยเพียงใด

อันดับ 1: BYD Dolphin (ยอดจดสะสม 11,323 คัน)

แม้ว่า BYD Dolphin จะไม่ใช่รถยนต์ในรูปแบบ SUV ที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องการ แต่ด้วยขนาดตัวรถที่ไม่เล็กจนเกินไป มีให้เลือกทั้งรุ่น 95 แรงม้า และ 204 แรงม้า และที่สำคัญคือราคาที่ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ประกอบกับเบาะหลังที่ผู้โดยสารสูง 6 ฟุตสามารถนั่งได้อย่างสบายศีรษะไม่ติดเพดาน รูปทรงการออกแบบที่ไม่ได้ฉีกแนวเหมือน ORA Good Cat แต่เน้นดีไซน์ที่กลางๆ เพื่อให้ถูกใจคนหมู่มาก ออปชันที่ครบครันกว่า MG เมื่อเทียบในรุ่นเดียวกัน และการใช้งานที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ใช้เมื่อเทียบกับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีนเจ้าอื่นๆ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ Dolphin กลายเป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยอดนิยมอันดับ 1 ในประเทศไทย ด้วยยอดขายที่ร้อนแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัว เมื่อยอดขายเริ่มมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย ก็มีการปรับลดราคาทันที โดยครั้งแรกก่อนงาน Motor Show ต้นปี และครั้งใหญ่ช่วงกลางปีเพื่อระบายสต็อกก่อนเปิดตัวรุ่นประกอบไทย ซึ่งจะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นและรุ่น Standard ที่รองรับ Fast Charge ได้เร็วขึ้น รูปแบบรถ ขนาดรถ ราคา และการสร้างกระแสอย่างต่อเนื่อง คือปัจจัยที่ทำให้ Dolphin สามารถว่ายนำคู่แข่งเจ้าอื่นไปได้ และเป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นเดียวที่มียอดจดทะเบียนสะสมเกิน 10,000 คันในปี 2024 นี้ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จดทะเบียนในปีนี้

บทสรุปและทิศทางตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคต

นี่คือภาพรวมของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยวัดจากยอดจดทะเบียนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 ทั้งนี้ ยังไม่รวม NETA X ซึ่งเพิ่งเริ่มมียอดจดทะเบียนเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่เพียงเดือนเดียวก็สามารถทำได้ถึง 570 คัน ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ทางบริษัท NETA ประเทศไทย ดูจะภูมิใจกับตัวเลขนี้ แต่ผมกลับมองว่าแทนที่จะเน้นพูดถึงยอดจดทะเบียนเพียงเดือนแรก อยากให้ NETA ไทยออกมาแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทแม่ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ หากไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็ควรจะสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับทราบ เพื่อคลายความกังวล

สำหรับข้อมูลยอดจดทะเบียนของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นอื่นๆ ที่อยู่อันดับ 11 เป็นต้นไป รวมถึงข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ท่านสามารถติดตามได้ที่ AutolifeThailand.tv ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมายที่อาจทำให้คุณประหลาดใจ ยกตัวอย่างเช่น คุณทราบหรือไม่ว่าในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มี Porsche Taycan จดทะเบียนไปมากกว่า GWM ORA Lumin เกือบเท่าตัว? หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ลองเข้าไปอ่านบทวิเคราะห์ของ “น้องหมู” จาก AutolifeThailand.tv ซึ่งผมขอนำผลงานของน้องมาใช้ พร้อมทั้งขอประชาสัมพันธ์ผลงานของน้องในฐานะตอบแทน

อนาคตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย

จากการวิเคราะห์ยอดจดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปี 2024 นี้ ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ใช่เพียงกระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดรถยนต์ไทยอย่างแท้จริง แม้จะยังมีปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจและข้อจำกัดบางประการ แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น และความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่จะผลักดันให้ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการ ผมมองว่าการแข่งขันในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในปีต่อๆ ไป แบรนด์ที่สามารถนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม จะเป็นผู้ที่สามารถคว้าชัยในตลาดนี้ไปครอง

หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนมาใช้ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้นศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ และทำความเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแบรนด์ การลงทุนใน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในวันนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าในระยะยาว จากการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่ยังเป็นการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอนาคตยานยนต์ที่ยั่งยืนอีกด้วย

อย่าพลาดโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง! ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้คุณได้พบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตได้แล้ววันนี้

Previous Post

N0301031 งสองคนแต งงานก นเพ อเอาต วรอด แต วใจกล บไม ยอมทำตามเหต ผล part 2

Next Post

N0301033 เพ อนข ระแวง ตอน ระหว าง โดนด ดไปเอง อะไรทำลายม ตรภาพมากกว าก part2

Next Post
N0301033 เพ อนข ระแวง ตอน ระหว าง โดนด ดไปเอง อะไรทำลายม ตรภาพมากกว าก part2

N0301033 เพ อนข ระแวง ตอน ระหว าง โดนด ดไปเอง อะไรทำลายม ตรภาพมากกว าก part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0401037 เล กก นไม ง1นาท ได แฟนใหม แล part2
  • N0401044 งเกตหญ งเส อแดงให ในม อของเขาถ ออะไรอย part2
  • N0401039 กค าหน าด าน ดจะโกงเง นแม ดท ายเจอคนจร งเข าไป part2
  • N0401045 งคมน ไม เหล อคนด หร อว พวกเราไม เคยเห นค าคนด นแน part2
  • N0401050 ดเจอคร งแรกสาวสวยในโลกออกไลน พอเจอต วจร งเป นคนพ กาs part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.