• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0301032_ เธอต องเล อกว าจะเช อใจอ กคร งหร อจบท กอย างลงตรงน_part2

admin79 by admin79
December 31, 2025
in Uncategorized
0
N0301032_ เธอต องเล อกว าจะเช อใจอ กคร งหร อจบท กอย างลงตรงน_part2

ฮุนได ไอ 10 ใหม่: ความคุ้มค่าที่เกินคาดในตลาดยุโรป

ในวงการยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แบรนด์จากเกาหลีใต้อย่างฮุนได (Hyundai) ได้สร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่องด้วยการพัฒนายานยนต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์นั่งซีดานขนาดกลางไปจนถึงรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮุนได ไอ 10 ใหม่ (Hyundai i10) ที่แม้จะไม่ได้ทำตลาดในประเทศไทย แต่ก็ได้รับความสนใจอย่างมากในระดับสากล ด้วยการปรับปรุงดีไซน์ให้มีความทันสมัยและขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

การพัฒนาที่ก้าวกระโดดของฮุนได ไอ 10

การเปิดตัว ฮุนได ไอ 10 ใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของฮุนไดในกลุ่มรถยนต์ซิตี้คาร์ โดยเวอร์ชันใหม่นี้มีแผนจะวางจำหน่ายในตลาดสหราชอาณาจักร ด้วยราคาเริ่มต้นที่น่าสนใจเพียง 8,345 ปอนด์ หรือประมาณ 417,250 บาท ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของฮุนไดในการนำเสนอรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าสูง

มิติตัวถังที่กว้างขวางและสมดุล

ฮุนได ไอ 10 ใหม่ ได้รับการปรับปรุงขนาดให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความกว้างขึ้น 65 มิลลิเมตร และความยาวอีก 80 มิลลิเมตร ขณะเดียวกันก็มีการปรับลดความสูงลง 50 มิลลิเมตร เพื่อให้ได้สัดส่วนที่สปอร์ตและปราดเปรียวยิ่งขึ้น รุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมล้อขนาด 14 นิ้ว ระบบเซ็นทรัลล็อค และกระจกไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งถือเป็นออปชันที่จำเป็นสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ภายในกว้างขวาง เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

แม้จะมีการปรับลดความสูงลงเล็กน้อย แต่การออกแบบภายในของ ฮุนได ไอ 10 ใหม่ ได้ถูกปรับปรุงเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่เก็บสัมภาระที่เพิ่มขึ้นถึง 10% คิดเป็นปริมาตร 252 ลิตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ที่มักมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่เก็บของ

ขุมพลังที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ฮุนได วางแผนนำเสนอ ฮุนได ไอ 10 ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ 2 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค:

เครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร: ให้กำลังสูงสุด 65 แรงม้า สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 14.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวและประหยัดน้ำมัน
เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร: ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 12.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 171 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้สมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้นสำหรับการขับขี่นอกเมืองหรือต้องการอัตราเร่งที่ฉับไว

รุ่นย่อยที่ครบครัน พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก

ฮุนได ไอ 10 ใหม่ จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน:

รุ่น S: เป็นรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมออปชันพื้นฐานที่จำเป็น
รุ่น SE: เพิ่มเติมด้วยระบบกุญแจรีโมท และระบบละลายน้ำแข็งที่กระจกมองข้าง
รุ่น Premium Edition: เป็นรุ่นท็อปสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยีและออปชันอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น การเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง, ไฟ Daytime LED, และระบบสัญญาณเบรกฉุกเฉิน

การส่งมอบ ฮุนได ไอ 10 ใหม่ ในตลาดสหราชอาณาจักรคาดว่าจะเริ่มในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ซิตี้คาร์ที่คุ้มค่าและเปี่ยมด้วยเทคโนโลยี

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ B-Segment: ความท้าทายที่น่าสนใจ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราสังเกตเห็นเทรนด์ที่ชัดเจนในตลาดรถยนต์ นั่นคือการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ประเภท SUV ในทุกขนาด ตั้งแต่ B-SUV ไปจนถึง Full Size SUV ทำให้ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มรถอเนกประสงค์นี้เป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้น รถยนต์กลุ่ม B-Segment หรือรถยนต์ซิตี้คาร์ ก็ยังคงเป็นขุมกำลังสำคัญที่ครองส่วนแบ่งการตลาดจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทย

ฮอนด้า ซิตี้: ตัวเต็งในกลุ่ม B-Segment ที่ครองใจผู้บริโภค

เมื่อพูดถึงรถยนต์ B-Segment ที่ทำยอดขายได้อย่างดีเยี่ยมในบ้านเรา ชื่อของ ฮอนด้า ซิตี้ (Honda City) คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในความคิด ยอดขายของฮอนด้า ซิตี้ ในปีก่อน ๆ นั้นทำได้ดีเกินคาด จนแม้แต่รถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวแบบ World Premiere อย่าง โตโยต้า วีออส (Toyota Vios) โฉมใหม่ ยังต้องมีอาการ “งง” อยู่บ้าง นี่อาจเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของฮอนด้า ในการบริหารสต็อกรถรุ่นเดิม เพื่อเตรียมพร้อมรับการมาของ 2014 ฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ล่าสุด ซึ่งนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี

คอนเซ็ปต์ “Be Your Best” ของฮอนด้า ซิตี้

คอนเซ็ปต์ “Be Your Best” ที่ฮอนด้าเลือกใช้ในการสื่อสารการตลาด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น และแน่นอนกับโฆษณาของฮอนด้าที่มักจะมาพร้อมเพลงอันไพเราะและเนื้อหาที่ถ่ายทอดได้อย่างกินใจ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคล้อยตามกับภาพลักษณ์ที่หรูหรา และความเหมาะสมที่จะเป็น “กัปตัน” เลือกใช้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้เขียนเองก็อยากจะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่กับรถที่ “กัปตัน” เลือกใช้ เพื่อนำมาถ่ายทอดเป็นรีวิวให้ผู้อ่านได้ทราบ หรืออาจจะไปทดลองขับด้วยตนเองที่โชว์รูมฮอนด้า

รูปลักษณ์ภายนอก: ความลงตัวที่คุ้นตา แต่แฝงด้วยความโดดเด่น

เมื่อมอง 2014 ฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่นี้ โดยรวมแล้ว หากมองผ่าน ๆ ในกระจกมองหลัง อาจดูไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก แต่เมื่อได้เข้ามาสัมผัสใกล้ ๆ และสังเกตจากด้านข้างและไฟท้าย จะพบจุดที่หลายคนชื่นชม (รวมถึงผู้เขียน) นั่นคือบริเวณไฟท้ายด้านหลัง ที่เชื่อมต่อกับเส้นสายโป่งหลัง ทำให้รถดูคมเข้มและมีมิติที่ชัดเจนขึ้น โดยไม่ได้ดูโป่งจนเกินงามแบบรถแต่งซิ่ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลวดลายใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวและแฝงความหรูหราในรุ่น SV และ SV+ โดยคันที่ทดสอบมาพร้อมยาง Bridgestone Turanza ขนาด 185/55/16

มิติตัวถัง: กว้างขวางขึ้น เพิ่มพื้นที่ใช้สอย

หากเทียบกับรุ่นเดิม 2014 ฮอนด้า ซิตี้ มีมิติที่ยาวขึ้น 45 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร ส่วนความสูงเพิ่มขึ้น 5 มิลลิเมตร โดยยังคงความกว้างไว้ที่ 1,695 มิลลิเมตร การปรับปรุงมิติเหล่านี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่ตอนหลัง และห้องเก็บสัมภาระที่มีความจุถึง 536 ลิตร

ภายในห้องโดยสาร: กว้างสบาย พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย

เมื่อเปิดประตูด้วยระบบ Keyless เข้ามาภายใน จะพบกับวัสดุหุ้มเบาะภายในที่เป็นผ้า ให้สัมผัสที่สบายตา การออกแบบภายในดูกว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่โดยสารตอนหลังที่นั่งสบายขึ้น ขยายความกว้างของพื้นที่หัวไหล่เพิ่ม 40 มิลลิเมตร และพื้นที่วางขาเพิ่มอีก 60 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม สำหรับเบาะตอนหน้า จากการทดลองขับ พบว่าจุดที่น่ารำคาญคือพนักพิงศีรษะ ซึ่งมีมุมที่อาจไม่รับกับศีรษะของผู้ขับขี่บางท่าน ทำให้รู้สึกไม่สบายเท่าที่ควร จนอาจต้องถอดออก

เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับแบบ 60:40 ได้ในรุ่น SV และ SV+ ซึ่งต้องดึงปุ่มพับเบาะจากห้องโดยสารตอนหลัง

ภายในมาพร้อมปุ่ม Push Start ทางด้านซ้ายของพวงมาลัย และปุ่ม ECON ทางด้านขวา ซึ่งอยู่ใกล้กับปุ่มปิดระบบ TCS (Traction Control) ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ทำความเย็นได้ฉ่ำใจ ตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนสูงของประเทศไทย พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน วัสดุ Polyurethane รูปแบบใหม่ของฮอนด้า สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง มาพร้อมสวิตช์ Multifunction, Cruise Control, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และแป้น Paddle Shift ขนาดเล็กที่ติดอยู่กับตัวพวงมาลัย

ศูนย์กลางห้องโดยสาร: หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว ขุมพลังแห่งความบันเทิงและข้อมูล

แผงคอนโซลหน้าถูกออกแบบให้ดูแบนราบ แต่โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของห้องโดยสาร ฮอนด้า ซิตี้ 2014 นี้ มันสามารถทำหน้าที่เป็น Wi-Fi Hotspot ได้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Siri Eyes Free ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนเพื่อใช้งานสมาร์ทโฟน และยังสามารถเชื่อมต่อกับกล้องมองภาพด้านหลังเมื่อเข้าเกียร์ R สำหรับระบบเครื่องเสียง ถ่ายทอดเสียงผ่านลำโพง 8 จุด รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth เป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีช่องเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB, AUX in ไปจนถึงสาย HDMI แต่จะไม่มี CD Slot และระบบนำทางมาให้ ทางฮอนด้าแนะนำให้ใช้ Honda Link Application เพื่อทดแทน และเพื่อเอาใจผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน ยังมีช่อง Power Outlet สำหรับผู้โดยสารด้านหลังอีก 2 ช่อง

ระบบการล็อกและปลดล็อกประตูอาจจะสร้างความสับสนเล็กน้อย คือหากล็อกด้วยกุญแจ ก็ต้องปลดล็อกด้วยกุญแจเช่นกัน แต่หากล็อกด้วยปุ่มที่มือจับประตู การปลดล็อกทำได้ง่ายเพียงแค่เอามือไปจับที่ประตู เซ็นเซอร์จะทำงานและปลดล็อกให้โดยอัตโนมัติ

ขุมพลัง: เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ปรับจูนใหม่ รองรับ E85

ขุมพลังของ 2014 ฮอนด้า ซิตี้ ยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อกเดิมกับโฉมเก่า นั่นคือเครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC i-VTEC ขนาด 1,497 ซีซี แต่มีการปรับจูนใหม่เพื่อให้รองรับการทำงานกับเกียร์ CVT ลูกใหม่ และรองรับน้ำมัน E85 ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที แม้กำลังสูงสุดจะลดลงไป 3 แรงม้า แต่กำลังกลับมาในช่วงรอบที่กว้างขึ้นถึง 600 รอบต่อนาที และแรงบิดเพิ่มขึ้น 1 นิวตัน-เมตร มาในช่วงรอบที่ไวกว่าเดิม 100 รอบต่อนาที

ฮอนด้าเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไว้ที่ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร (สำหรับน้ำมันเบนซิน) และมีค่าการปล่อย CO2 อยู่ที่ 133 กรัมต่อกิโลเมตร

โหมด ECON และ Eco Coaching: เกียร์ CVT EarthDream 7 สปีด

เมื่อขับขี่ในโหมด ECON กำลังเครื่องยนต์จะถูกปรับให้มีการตอบสนองที่ช้าลง เพื่อทำงานสอดคล้องกับระบบ Eco Coaching ซึ่งจะช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยแสดงผลผ่านแถบสีบนมาตรวัด

แต่เมื่อทดลองขับโดยเน้นสมรรถนะ พบว่ากำลังเครื่องยนต์ยังคงทำได้ดี ไม่ด้อยไปกว่ารถ B-Car ในพิกัดเดียวกัน และเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ความ “ดิบ” อาจลดลงจากการใช้เกียร์ CVT แต่ก็ให้การตอบสนองจากแป้นคันเร่งที่แม่นยำขึ้นเล็กน้อย แม้แรงม้าจะลดลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าสมรรถนะในการออกตัวหรือเร่งแซงดูด้อยลงไปแต่อย่างใด

สมรรถนะการขับขี่: ตัวเลขที่น่าประทับใจ

จากการวัดสมรรถนะผ่าน OBD Bluetooth ได้ตัวเลขดังนี้:

0-100 กม./ชม.: 12.054 วินาที (โหมด D) / 11.731 วินาที (โหมด S)
¼ mile: 19.257 วินาที (โหมด D) / 18.687 วินาที (โหมด S)
Top Speed: สามารถทำได้ราว 197 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคาดว่าหากมีถนนที่โล่งยาวกว่านี้ อาจทำได้ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โดยรวมแล้ว สมรรถนะของเครื่องยนต์นี้มีการปรับจูนมาได้น่าพอใจ ในช่วงรอบต้นถือว่าทำได้ตามคาด แต่ช่วงรอบปลายสามารถไหลไปได้เรื่อย ๆ เกินความคาดหมาย แม้แรงม้าจะลดลงเล็กน้อย แต่ด้วยการปรับจูนเครื่องยนต์ให้เข้ากับเกียร์ใหม่ ทำให้ภาพรวมลงตัวยิ่งขึ้น

อัตราสิ้นเปลือง: ประหยัดคุ้มค่าสำหรับการใช้งานจริง

จากมาตรวัดหน้าจอ การวิ่งเดินทางไกลเฉลี่ยที่ความเร็ว 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ค่าเฉลี่ย 17.3 กิโลเมตรต่อลิตร และหากวิ่งแช่ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบบรักษาคันเร่งให้เนียนที่สุด ตัวเลขออกมาสวยงามที่ 18.1 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการวิ่งใช้งานเฉลี่ยเกือบทั้งทริปที่ได้นำรถมาทดสอบ ได้ค่าเฉลี่ย 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร

ในทางปฏิบัติจริง คาดว่าอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ประมาณ 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเทียบกับน้ำมัน 1 ถัง พบว่าสามารถวิ่งได้เกิน 600 กิโลเมตรสบาย ๆ

(หมายเหตุ: การทดสอบทั้งหมดใช้น้ำมัน E10 แก๊สโซฮอล์ 91)

ระบบส่งกำลัง: เกียร์ CVT EarthDream 7 สปีด

จากการที่เคยใช้เกียร์ Torque Converter 5 AT ในโฉมเดิม 2014 ฮอนด้า ซิตี้ ได้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ CVT EarthDream ที่ซอยย่อยถึง 7 สปีดในโหมด S ด้านการทำงาน เกียร์ลูกใหม่นี้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์บล็อกเดิมที่ปรับจูนมาได้เข้ากันดีทีเดียว การขับขี่จากตำแหน่งเกียร์ D สามารถ Shift เปลี่ยนเกียร์ได้ทันทีจากแป้นที่พวงมาลัย ซึ่งจะมีอัตราทดเท่ากับในโหมด S แต่หากขับไปสักพัก เกียร์จะกลับสู่โหมด D เองอัตโนมัติ ดูเหมือนจะเหมาะสำหรับการใช้ Engine Brake ในการลดความเร็วแบบฉับพลันมากกว่า ซึ่งจะช่วยชะลอความเร็วได้ดีเยี่ยม

การเร่งแซง: กระแทกคันเร่งคือคำตอบ

หากต้องการเร่งแซง แนะนำให้กระแทกคันเร่งลงไปสุด จะดีกว่าการพยายามไล่เกียร์ด้วยตนเอง เพราะสำหรับเกียร์ CVT ลูกนี้ จากการทดลองเล่นสับเกียร์เอง โดยลากรอบไปที่ Redline เพื่อสับเกียร์ที่ 6,000 รอบต่อนาที จังหวะที่ได้แรงม้าสูงสุดออกมา พบว่าการตอบสนองของอัตราเร่งไม่ดีเท่ากับโหมดออโต้ หรือหากต้องการความกระฉับกระเฉงฉับไวขึ้น เพียงโยกคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง S และกระแทกคันเร่ง รถก็พร้อมทะยานแซงรถคันหน้าได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไป

ความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์:

80 กม./ชม. = 1,500 รอบต่อนาที
100 กม./ชม. = 1,900 รอบต่อนาที
120 กม./ชม. = 2,250 รอบต่อนาที

ระบบบังคับเลี้ยว: พวงมาลัย EPS ปรับ 4 ทิศทาง

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS แบบ 3 ก้าน Polyurethane ให้รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร ในช่วงสาวพวงมาลัย จะรู้สึกได้ถึงระบบมอเตอร์ช่วยผ่อนแรงที่กำลังทำงาน แต่ไม่เบาหวิวคล่องตัวจนไร้น้ำหนักเหมือน Jazz และ City โมเดลเก่า ในช่วงความเร็วต่ำ ผู้เขียนรู้สึกชอบมากกว่ารุ่นเดิม เพราะให้ฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ดีกว่า ไม่ไวจนเกินไปนัก แต่ที่ความเร็วสูง ยังพบว่าน้ำหนักพวงมาลัยยังค่อนข้างเบา และไม่มีความหนักแน่นในโค้งเท่ารุ่นเดิม คือการตอบสนองของพวงมาลัยดูดีแม่นยำกว่าเดิม และให้ความรู้สึกในการรับรู้ที่ดีกว่า แต่โมเดลเดิมจะมีความหนักแน่นที่ความเร็วสูงและการเข้าโค้งที่ดีกว่าเล็กน้อย

ระบบกันสะเทือน: นุ่มนวล แต่ยังคงความมั่นคง

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม เมื่อเทียบกับรุ่นโมเดลเก่า จะพบว่ามีความนุ่มขึ้นเล็กน้อย และการขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ดูไม่เลวร้ายนัก อาจมีอาการหวิว ๆ ให้เห็นในช่วงความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่ในการใช้งานที่ความเร็วเดินทางปกติ ระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าทำได้ดีพอตัว

อย่างไรก็ตาม หากขับขี่ในทางโค้ง หรือเลี้ยวกลับรถ โดยที่กดคันเร่งลงไปครึ่งหนึ่งของแป้นเท่านั้น รถจะส่ายและมีอาการ Slip ของหน้ายางให้เห็น ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยเกาะถนนนัก และที่ความเร็วสูงในการเข้าโค้ง ช่วงล่างยังดูอาจจะไม่ยึดเกาะถนนเท่าที่ควร ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากหน้ายาง หากเข้าโค้งที่ความเร็วสูงเกินกว่านี้ไป จะมีเสียงยางกรีดร้องดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้กระแทกคันเร่ง

ระบบเบรก: ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ

ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน และด้านหลังเป็นแบบดรัม แม้แต่ในรุ่น Top SV คันนี้ การปรับลดสเป็กดังกล่าวไม่ได้ทำให้สมรรถนะในการหยุดรถดูแย่ลงแต่อย่างใด ในเชิงความรู้สึกในการขับขี่ กลับรู้สึกว่าเบรกถูกเซ็ตมาดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ คือไม่พบอาการเบรกที่ทื่อ ๆ ด้าน ๆ ที่มักพบกับ Jazz และ City โมเดลเก่า และไม่ต้องลงน้ำหนักแป้นเยอะเพื่อรู้สึกถึงแรงเบรกที่เกิดขึ้นเพื่อหน่วงหยุดรถได้ ทำให้การเบรกสามารถทำได้อย่างนุ่มนวลกว่าตัวเก่า

ระบบความปลอดภัย: อัดแน่นมาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

ในด้านระบบความปลอดภัย ฮอนด้า ซิตี้ 2014 ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ให้ระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมาครบครันตั้งแต่รุ่นล่างสุด ทั้ง ABS, EBD, BA, TCS (ระบบป้องกันล้อลื่นไถล), VSA (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว), HSA (ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน), ESS (ระบบไฟฉุกเฉินติดอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน) สำหรับในรุ่น SV+ จะเพิ่ม Side Curtain Airbag มาให้อีกด้วย

สรุป: ฮอนด้า ซิตี้ 2014 – ความคุ้มค่าที่มาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์

2014 ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รถยนต์ B-Segment หรือ Sub-Compact ที่อัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมาให้ตั้งแต่รุ่นล่างสุด ในแบบที่หาได้ยากในค่ายอื่น เพียบพร้อมด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าคู่แข่ง สมรรถนะที่ดีขึ้นเล็กน้อย และประหยัดกว่าเดิมอีกหน่อย พร้อมด้วย “ของเล่น” ที่มาให้เพียบทั้งภายในและฟังก์ชันต่าง ๆ แม้ราคารุ่น Top จะดูแพงกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ฮอนด้าให้มานั้นมากกว่า การนั่งสบายกว่า และรูปลักษณ์ที่ดูดีขึ้น ให้ความหรูหราเกินกว่ารถ Sub-Compact ทั่วไป

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหารถยนต์ Sub-Compact ที่มีสมรรถนะกลาง ๆ การโดยสารที่ค่อนไปทางสบาย และเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี ทั้งการเชื่อมต่อและออปชันความปลอดภัย ฮอนด้า ซิตี้ รุ่น SV+ อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ เพื่อก้าวขึ้นเป็น “กัปตันมาวิน” แต่ก็ต้องกัดฟันกับราคาที่เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพราะหลายคนอาจมองว่าในราคานี้ สามารถเล่นรถระดับ C-Car ได้เลยทีเดียว ซึ่งผู้ซื้อคงต้องเลือกตัดสินใจกันเอาเอง

ทางที่ดีที่สุดคือการไปลองขับที่โชว์รูมฮอนด้าสักรอบ เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่ฮอนด้า ซิตี้ มอบให้ ว่าจะทำให้คุณติดใจหรือไม่ หรืออาจจะเพียงแค่หลงไปกับเสียงเพลงโฆษณา “Be Your Best”

Previous Post

N0301035_EP.2 จากการแต งงานเพ อความจำเป ความร กท ไม ทางย อนกล พวกเขาจะเป นอย างไรต_part2

Next Post

N0301045 (จบ) ลวงเป ลวงตาย ตอน เหย อไม องการล างแค เพราะหล กฐานจะทำหน าท แทนท กอย าง part2

Next Post
N0301045 (จบ) ลวงเป ลวงตาย ตอน เหย อไม องการล างแค เพราะหล กฐานจะทำหน าท แทนท กอย าง part2

N0301045 (จบ) ลวงเป ลวงตาย ตอน เหย อไม องการล างแค เพราะหล กฐานจะทำหน าท แทนท กอย าง part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0401037 เล กก นไม ง1นาท ได แฟนใหม แล part2
  • N0401044 งเกตหญ งเส อแดงให ในม อของเขาถ ออะไรอย part2
  • N0401039 กค าหน าด าน ดจะโกงเง นแม ดท ายเจอคนจร งเข าไป part2
  • N0401045 งคมน ไม เหล อคนด หร อว พวกเราไม เคยเห นค าคนด นแน part2
  • N0401050 ดเจอคร งแรกสาวสวยในโลกออกไลน พอเจอต วจร งเป นคนพ กาs part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.