ตลาดรถยนต์เยอรมนี: พลิกโฉมสู่ยุคใหม่ – ยอดขายรถยนต์นั่งและทิศทางพลังงานปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งของตลาดรถยนต์ทั่วโลก และวันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง ตลาดรถยนต์เยอรมนี ที่ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ระดับโลก แต่ยังเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรปอีกด้วย การวิเคราะห์ ยอดขายรถยนต์เยอรมนี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เผยให้เห็นแนวโน้มที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ล่าสุด พบว่า ตลาดรถยนต์เยอรมนี ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2025 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งรวมทั้งสิ้น 1,838,031 คัน เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และหากนับรวมรถยนต์ทุกประเภท ยอดจดทะเบียนรวมอยู่ที่ 2,146,615 คัน ขยายตัวขึ้น 3.2% ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของตลาด รถยนต์เยอรมนี แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ถาโถมเข้ามา
การเปลี่ยนแปลงของขุมพลัง: รถยนต์เบนซินยังคงครองตลาด ดีเซลเผชิญความท้าทาย และไฟฟ้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดรถยนต์เยอรมนี และเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างมาก คือ ประเภทของเครื่องยนต์ และข้อมูลในปี 2025 ยืนยันการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน:
เครื่องยนต์เบนซิน: ยังคงเป็นขุมพลังหลักในตลาด รถยนต์เยอรมนี โดยครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 63.1% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 16.3% ชี้ให้เห็นว่าเครื่องยนต์เบนซินยังคงได้รับความไว้วางใจในด้านสมรรถนะ ความคุ้มค่า และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
เครื่องยนต์ดีเซล: ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งตลาดลดลงถึง 20% เหลือเพียง 21.1% แรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากหันไปหาทางเลือกอื่น
รถยนต์ไฟฟ้า (EV): แม้จะมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 0.9% ในช่วงครึ่งปีแรก แต่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดและศักยภาพในการพัฒนาในอนาคต ทำให้ รถยนต์ไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตาอย่างยิ่ง หลายๆ ค่ายกำลังเร่งพัฒนารถยนต์ EV และคาดว่าส่วนแบ่งตลาดนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังและปีต่อๆ ไป
นี่คือภาพรวมที่แสดงให้เห็นว่า ยอดขายรถยนต์เยอรมนี กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน โดยผู้ผลิตและผู้บริโภคต่างต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์พลังงานที่หลากหลาย
35 อันดับแบรนด์รถยนต์ยอดนิยมในตลาดเยอรมนี (มกราคม – มิถุนายน 2025)
ภายใต้พลวัตของตลาดที่กล่าวมา เรามาดูกันว่าแบรนด์ใดบ้างที่สามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งใน ตลาดรถยนต์เยอรมนี โดยข้อมูลนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของ แบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในเยอรมนี รวมถึง แบรนด์รถยนต์หรูเยอรมนี ที่ครองใจผู้บริโภค
กลุ่มผู้นำตลาด:
Volkswagen: ยังคงครองบัลลังก์อันดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขาย 361,659 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 19.7% และมีการเติบโตถึง 8.6% ความแข็งแกร่งของ Volkswagen มาจากหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า และความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่สั่งสมมายาวนาน
Mercedes-Benz: แม้จะมียอดขายลดลง 2.7% อยู่ที่ 162,614 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 8.8%) แต่ Mercedes-Benz ยังคงเป็น แบรนด์รถยนต์พรีเมียม ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะในกลุ่ม รถยนต์หรูเยอรมนี ที่เน้นความสบาย สมรรถนะ และเทคโนโลยี
Audi: ตามมาติดๆ ด้วยยอดขาย 151,353 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 8.2%) และมียอดขายลดลง 2.0% Audi ยังคงรักษาฐานลูกค้าด้วยดีไซน์ที่สปอร์ต และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
Ford: แสดงการเติบโตที่น่าประทับใจด้วยยอดขาย 135,681 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 7.4%) และเพิ่มขึ้น 5.7% Ford ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่คุ้มค่า และมีสมรรถนะที่เชื่อถือได้
BMW: มียอดขาย 130,132 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 7.1%) และลดลง 1.0% BMW ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ รถยนต์สปอร์ตหรู ที่ตอบสนองผู้ขับขี่ที่รักในสมรรถนะและการขับขี่
กลุ่มที่น่าจับตา:
Opel: ยอดขาย 118,526 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 6.4%) ลดลง 7.1%
Skoda: เติบโตอย่างโดดเด่นด้วยยอดขาย 106,802 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 5.8%) เพิ่มขึ้น 8.1%
Renault: ยอดขาย 68,691 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 3.7%) ลดลง 2.8%
Seat: แสดงการเติบโตที่น่าสนใจ ด้วยยอดขาย 61,461 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 3.3%) เพิ่มขึ้นถึง 16.4%
Hyundai: ก้าวขึ้นมาติด Top 10 ด้วยยอดขาย 58,982 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 3.2%) และเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 10.9%
กลุ่มที่เติบโตและเผชิญความท้าทาย:
Fiat: ยอดขาย 46,493 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 2.5%) ลดลง 8.7%
Toyota: เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขาย 44,701 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 2.4%) เพิ่มขึ้น 6.5%
Dacia: สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเติบโตสูงสุดถึง 24.6% ด้วยยอดขาย 39,193 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 2.1%)
Peugeot: ยอดขาย 36,763 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 2.0%) มีทั้งการเพิ่มขึ้นและลดลง
Mazda: ยอดขาย 33,972 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.8%) ลดลง 0.9%
อันดับ 16 – 20:
Kia: ยอดขาย 33,770 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.8%) เพิ่มขึ้น 8.4%
Nissan: ยอดขาย 30,222 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.6%) ลดลง 16.9%
Citroen: ยอดขาย 28,819 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.6%) เพิ่มขึ้น 1.7%
MINI: ยอดขาย 25,465 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.4%) เพิ่มขึ้น 8.6%
Mitsubishi: ยอดขาย 25,293 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.4%) เพิ่มขึ้น 2.3%
อันดับ 21 – 34:
Smart: เติบโตโดดเด่น 17.5% ด้วยยอดขาย 20,500 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.1%)
Volvo: ยอดขาย 19,948 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.1%) ทรงตัว
Suzuki: ยอดขาย 18,862 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.0%) ลดลง 2.0%
Porsche: รถสปอร์ตเยอรมนี ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยยอดขาย 17,992 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 1.0%) เพิ่มขึ้น 8.9%
Honda: ยอดขาย 12,228 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.7%) เพิ่มขึ้น 9.8%
Land Rover: ยอดขาย 10,594 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.6%) ลดลง 18.0%
Jeep: เติบโตสูง 19.2% ด้วยยอดขาย 8,306 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.5%)
Jaguar: ยอดขาย 5,061 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.3%) ลดลง 7.3%
Subaru: ยอดขาย 3,714 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.2%) ลดลง 6.6%
Alfa Romeo: ยอดขาย 3,296 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.2%) เพิ่มขึ้น 5.5%
DS: เติบโตสูงสุด 28.7% ด้วยยอดขาย 2,208 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.1%)
Lexus: ยอดขาย 1,416 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.1%) ลดลง 13.0%
Ssangyong: ยอดขาย 1,348 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.1%) ลดลง 20.0%
Tesla: แม้จะลดลง 33.8% แต่ด้วยยอดขาย 1,254 คัน (ส่วนแบ่งตลาด 0.1%) Tesla ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้าเยอรมนี และทั่วโลก
แบรนด์อื่นๆ: มียอดขายรวม 11,712 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 0.6%
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย: ยกระดับมาตรฐานศูนย์เตรียมรถยนต์ใหม่ สู่ความเป็นเลิศด้านคุณภาพ
ข้ามฟากมาที่ประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียม ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงาน ด้วยการเปิดตัว “ศูนย์เตรียมรถยนต์ใหม่” (Vehicle Preparation Center – VPC) ขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร บนถนนบางนา-ตราด กม. 30 ความร่วมมือครั้งนี้กับบริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
ศูนย์ VPC แห่งใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ แต่คือศูนย์รวมเทคโนโลยีและกระบวนการที่เข้มข้นที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (Pre Delivery Inspection – PDI) สู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยสามารถรองรับรถยนต์ Mercedes-Benz ได้มากกว่า 20,000 คันต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถจากเดิมที่รองรับได้เพียง 12,000 คันต่อปี
คุณไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท Mercedes-Benz Thailand กล่าวถึงปรัชญาของบริษัทที่มุ่งมั่นมอบ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้า ซึ่งสะท้อนผ่านการนำเสนอรถยนต์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car ไปจนถึง SUV การขยายศักยภาพของ VPC นี้ เป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาดรถหรูของประเทศไทยที่เติบโตต่อเนื่องมากว่าทศวรรษ
ความร่วมมือระหว่าง Mercedes-Benz (ประเทศไทย) และ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ซึ่งดำเนินมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 และได้ต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี (พ.ศ. 2561-2570) เป็นการยืนยันถึงความไว้วางใจในคุณภาพและมาตรฐานการทำงาน การผนวกเทคโนโลยีล้ำสมัยจากเยอรมนีเข้ากับความเชี่ยวชาญของทีมช่างชาวไทย สร้างระบบปฏิบัติงานที่เป็นไปตามนโยบายระดับโลกของ Daimler AG เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันที่ส่งมอบให้ผู้แทนจำหน่ายจะสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ผ่านการส่งมอบรถยนต์ที่มีความเสียหายจากการผลิตเป็นศูนย์ (Zero Defect Customized Vehicles with Customer Delight)”
คุณวันชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด กล่าวเสริมว่า การย้ายศูนย์ VPC มายังพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นถึง 4 เท่า ทำให้มีความพร้อมในทุกมิติ ตั้งแต่พื้นที่จอดรถกว่า 2,000 คัน การตรวจสอบ PDI ที่ละเอียด การเตรียมความพร้อมรถยนต์ทั้งกลุ่ม CKD และ CBU ตลอดจนการดูแลรักษา (Maintenance) ก่อนส่งมอบ
เทคโนโลยีและกระบวนการ PDI ที่เป็นเลิศ:
ศูนย์ VPC แห่งใหม่นี้ ได้นำนวัตกรรมมาใช้เพื่อยกระดับกระบวนการ PDI อย่างครอบคลุม:
Conveyor System: ระบบสายพานลำเลียงอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายรถยนต์
Automatic Washing Conveyor System: อุโมงค์ล้างรถอัตโนมัติ ทำความสะอาดได้ทุกซอกมุมอย่างประณีต รวดเร็วกว่า 100 คันภายใน 2 ชั่วโมง
LED Light Tunnel: อุโมงค์ไฟ LED ขนาดใหญ่ ส่องสว่างทั่วถึง ช่วยให้การตรวจสอบสีรถยนต์มีความละเอียดและชัดเจนเป็นพิเศษ
German Equipment for Mechanic Checks: การใช้อุปกรณ์ตรวจเช็กระบบกลไกมาตรฐานเยอรมนี
Solar Cells: ติดตั้งบนหลังคาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ทดแทน 25% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด ลดมลภาวะและรักษาสิ่งแวดล้อม
Brake Tester: นำเข้าจากเยอรมนีเพื่อทดสอบและยืนยันค่ามาตรฐานสมรรถนะเบรก
Smart Repair Paint Booth & IR Drying: ห้องซ่อมสีทันสมัย ใช้เทคโนโลยี UV ในการทำให้สีแห้ง (ไม่ใช้ความร้อน) ลดการใช้พลังงาน และห้องพ่นสีหลักที่ใช้ระบบ IR (ไม่ใช้แก๊ส) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กระบวนการ PDI ที่สมบูรณ์แบบ:
ขั้นตอนเตรียมรถยนต์ก่อนการตรวจสอบคุณภาพ (Pre-PDI): การรับรถ, การจอด, การล้างทำความสะอาด, การติดตั้งอุปกรณ์เสริม
ขั้นตอนตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI): ครอบคลุมการตรวจสอบภายนอก, ภายใน, ช่วงล่าง, และระบบไฟฟ้า (Xentry Diagnosis Test)
ขั้นตอนหลังการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (Post-PDI): การทำความสะอาดครั้งสุดท้าย, การตรวจสอบรอบสุดท้ายโดยผู้เชี่ยวชาญ, และการดำเนินงานด้านเอกสาร
กระบวนการทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ในการส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด สร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว
ตลาด SUV ในประเทศไทย: Mazda ผงาดขึ้นเป็นผู้นำ Q2/2025
การแข่งขันใน ตลาด SUV ในประเทศไทย กำลังทวีความรุนแรงขึ้น แต่ Mazda กลับสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างน่าประทับใจในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2025 ด้วยยอดขายเกือบ 500 คัน
CX-30 คือดาวเด่นที่ทำยอดสูงสุด โดยมียอดขายถึง 346 คัน จากทั้งหมด 469 คันที่ Mazda ทำได้ในตลาด SUV (ไม่รวม PPV) ความสำเร็จนี้เกิดจากกลยุทธ์ที่หลากหลายของ Mazda ในการนำเสนอ รถยนต์ SUV ถึง 4 รุ่นในตลาด ได้แก่ CX-3, CX-30, CX-5 และ CX-8 ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน
คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า Mazda มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาด Crossover และ SUV อย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ และยกระดับการให้บริการหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
Volvo V40 T4 ปี 2017: การกลับมาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
ย้อนกลับไปในปี 2016, Volvo V40 T4 ปี 2017 ได้เปิดตัวพร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ (Minor Change) การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นคือการใช้เครื่องยนต์ Drive-E เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ควบคู่ไปกับการออกแบบไฟหน้าใหม่ในทรง “ค้อนของเทพเจ้าธอร์” (Thor Hammer) อันเป็นเอกลักษณ์
นางสาวแอเน็ต แอนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ในขณะนั้น ได้เน้นย้ำถึงความนิยมของ V40 ในฐานะรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูระดับพรีเมียมที่สามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี การปรับโฉมนี้ไม่เพียงแต่ทำให้รถดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราที่เป็นสัญลักษณ์ของ Volvo
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหม่และโลโก้ Volvo พร้อมไฟหน้าดีไซน์ Thor Hammer ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Volvo รุ่นใหม่ๆ ที่ต้องการปรับภาพลักษณ์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ตัวรถมีสีให้เลือกถึง 5 สี สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียด
นอกจากนี้ Volvo V40 T4 ปี 2017 ยังสอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนรถยนต์ปล่อยไอเสียต่ำ โดยมีค่า CO2 เฉลี่ยอยู่ที่ 142 กรัมต่อกิโลเมตร ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 150 กรัมต่อกิโลเมตร
ภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “ออกแบบมาเพื่อคุณ” (Designed Around You) เน้นโทนสีทันสมัย เบาะนั่งสปอร์ตบุหนังคุณภาพสูงสีดำชาโคล พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ และการตกแต่งด้วยขอบอะลูมิเนียม ให้ความรู้สึกหรูหราและประณีตตามสไตล์สวีเดน
นวัตกรรมที่สำคัญ เช่น Volvo Sensus Connect ที่ให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้ง่ายผ่านการสัมผัสหรือสั่งการด้วยเสียง รวมถึงการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ และหน้าจอ TFT ขนาด 8 นิ้ว ที่สามารถปรับเปลี่ยนธีมสีได้ถึง 3 รูปแบบ (Elegance, Eco, Performance)
ระบบกรองอากาศอัจฉริยะ CleanZone air purification system ยังช่วยมอบอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ภายในห้องโดยสาร
ด้านความปลอดภัย Volvo V40 T4 ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงด้วยเทคโนโลยี เช่น Park assist pilot ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และ City Safety ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายของ Volvo ในการลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุรถยนต์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2020
เครื่องยนต์ Drive-E Powertrain แบบเบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 190 แรงม้า ที่ 4,700 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ช่วง 1,300-4,000 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 16.4 กม./ลิตร
รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง: ทางเลือกใหม่สำหรับครอบครัวปี 2025
เมื่อพูดถึง รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ในปี 2025 ตลาดประเทศไทยได้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ ซึ่งตอบสนองความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาความคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน และพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอ
รถยนต์ไฟฟ้า คือหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยใช้พลังงานไฟฟ้า 100% จากแบตเตอรี่ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป และด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ รถ EV 7 ที่นั่ง สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลเทียบเท่าหรือมากกว่ารถยนต์ทั่วไป ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
รุ่นที่น่าสนใจในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง (ปี 2025):
Kia EV9: สุดยอด SUV ไฟฟ้า 6-7 ที่นั่ง ดีไซน์ดุดัน โฉบเฉี่ยว มาพร้อม 2 รุ่นย่อย EV9 Earth Long Range RWD และ EV9 GT-Line Long Range AWD ที่มอบพละกำลังสูงและระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 680 กม. (NEDC)
Mercedes-Benz EQS 450 SUV: SUV EV 7 ที่นั่ง สุดหรู ประกอบในไทย ฐานล้อกว้างขวาง ให้ความสบายระดับเลานจ์ส่วนตัว ขับเคลื่อนด้วยระบบ 4MATIC นุ่มนวลถึงขีดสุด
DENZA D9: รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง มาแรง ดีไซน์ภายในโอ่โถง เบาะหลัง “วีไอพี” เทคโนโลยีจัดเต็ม ราคาเข้าถึงง่าย
ZEEKR 009: รถแวนไฟฟ้า 7 ที่นั่ง โครงสร้างตัวถัง Die-casting แข็งแกร่งพิเศษ พร้อมระบบเครื่องเสียง YAMAHA Surround Stereo Luxury และจอ OLED ขนาดใหญ่
XPENG X9: รถ EV 7 ที่นั่ง ที่ผสานความหรูหราและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เบาะปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง จออินโฟเทนเมนต์ 21.4 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง
Volvo EX90: รถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียม 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย และดีไซน์ไฟหน้า Thor’s Hammer อันเป็นเอกลักษณ์
MG Maxus 9: รถ MPV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง สุด Luxury ดีไซน์ดุดัน ฟังก์ชันครบครัน ราคาคุ้มค่า
MG Maxus 7: รถ MPV 7 ที่นั่ง ที่เหมือน Maxus 9 รุ่นย่อส่วน ยังคงคอนเซปต์ 7 ที่นั่ง ฟังก์ชันเร้าใจ ราคาเข้าถึงง่าย
BYD M6: MPV ไฟฟ้า ดีไซน์สวยงามลงตัวภายในครอบครัว ใช้แบตเตอรี่ LFP Blade Battery
Volkswagen ID.Buzz: รถตู้ไฟฟ้า 5 หรือ 7 ที่นั่ง ดีไซน์คลาสสิกผสมผสานความทันสมัย ชาร์จเร็ว วิ่งได้ระยะทางไกล
ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ในปี 2025 กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของครอบครัวยุคใหม่
บทสรุป:
การวิเคราะห์ ตลาดรถยนต์เยอรมนี และภาพรวมยานยนต์ในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงพลวัตที่น่าตื่นเต้น การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เข้ามา disrupt ตลาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้บริโภค นี่คือโอกาสทองในการเลือกสรรรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งด้านสมรรถนะ ความคุ้มค่า ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรม
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ใช่ หรือต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ราคาขายรถยนต์เยอรมนี ล่าสุด หรือเปรียบเทียบ รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ราคา ที่ดีที่สุด การศึกษาข้อมูลเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่ดี อย่ารอช้าที่จะสำรวจตัวเลือกที่มีอยู่ และพิจารณาการลงทุนในยานยนต์แห่งอนาคต เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า.

