โตโยต้า ยาริส ใหม่: นิยามใหม่ของอีโคคาร์ ที่มาพร้อมความเซอร์ไพรส์
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาตลอดทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์มานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ Sub-compact Hatchback ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและผู้บริโภคมีความคาดหวังที่หลากหลาย การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่มนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าเมื่อ Toyota ตัดสินใจส่ง Toyota Yaris รุ่นใหม่ลงสู่สนามในฐานะ ECO Car หลายเสียงในวงการต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด ด้วยความคาดหวังถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะถูกนำมาใช้
ย้อนกลับไปเมื่อราว 2 ปีก่อน ก่อนที่ Toyota Yaris รุ่นใหม่จะได้เห็นตัวเป็นๆ มีเสียงกระซิบเล่าลือกันในหมู่ผู้ที่คลุกคลีในอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า รถรุ่นใหม่คันนี้จะมีดีไซน์ที่ดู “เหลี่ยมๆ สปอร์ตๆ” จนหลายคนอดเปรียบเทียบกับรถยนต์ของค่ายคู่แข่งอย่าง Mitsubishi RVR/ASX ไม่ได้ ความคิดนั้นทำให้ผมอดกังวลไม่ได้ เพราะในอดีต การออกแบบรถยนต์ที่ดู “ดุดัน” หรือ “Mascunline” เกินไปในตลาด Eco Car มักไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มผู้บริโภคหลักของตลาดนี้คือ “คุณผู้หญิง” ที่มักจะชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมน น่ารักมากกว่า
ความกังวลนั้นเป็นจริงเมื่อภาพรถยนต์ต้นแบบถูกปล่อยออกมาจากงาน Auto Shanghai 2013 ดีไซน์ด้านหน้าดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์รุ่นพี่อย่าง Mitsubishi Lancer EX หรือแม้กระทั่ง Mitsubishi ASX อย่างชัดเจน ขณะที่ชุดไฟท้ายก็ดูแปลกตาจนบางคนอาจจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยนัก
“แบบนี้จะขายผู้หญิงได้อย่างไร?” คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผมทันที ท่ามกลางสภาวะตลาดรถยนต์ที่กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวหลังสิ้นสุดโครงการคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งทำให้รถค้างสต็อกจำนวนมาก และผู้ผลิตทุกรายต่างเร่งระบายสต็อกกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่ม B-Segment และ ECO Car ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จึงมีความเสี่ยงสูง หากกระแสตอบรับไม่เปรี้ยงปร้าง ยอดขายก็อาจจะหดหายไปตามตลาดโดยรวม Yaris เองก็ตกอยู่ในชะตากรรมนี้เช่นเดียวกับ Vios พี่น้องร่วมแพลตฟอร์ม แต่ในเมื่อ Toyota มีความจำเป็นต้องเปิดตัว Yaris ในเวลานั้น เป็นเหมือน “ไฟท์บังคับ” ที่ไม่อาจเลื่อนต่อไปได้อีก
แต่แล้ว สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น กระแสการพูดถึง Yaris ในโลก Social Media เริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ บนท้องถนนก็เริ่มปรากฏ Yaris คันใหม่ให้เห็นมากขึ้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่า “หน้าตาประหลาด” ของมัน ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคแล้วจริงหรือ?
วันนี้ ผมพร้อมที่จะตอบคำถามที่หลายคนคาใจ Yaris ECO Car 2025 คันนี้ มีดีพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดหรือไม่? อัตราเร่งเป็นอย่างไร? ประหยัดน้ำมันแค่ไหน? ช่วงล่างดีขึ้นจริงหรือ? พวงมาลัยคมขึ้นหรือไม่? และที่สำคัญที่สุด “Should you buy Yaris 2025?”
ย้อนรอยตำนาน Yaris: จากยุโรป สู่ตลาดโลก
กว่าจะมาเป็น Yaris ที่เราเห็นในปัจจุบัน ย้อนกลับไปในยุค 90s Toyota ได้พยายามบุกตลาดรถยนต์ Sub-compact Hatchback ในยุโรปอย่างจริงจัง หลังจากที่ Starlet ไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดได้อีกต่อไป Sotiris Kovos นักออกแบบมากฝีมือจาก Toyota European Office of Creation (EPOC) ได้รับมอบหมายให้พัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กแนวใหม่ เพื่อเอาใจชาวยุโรปโดยเฉพาะ
ในปี 1997 Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun ทั้ง 3 รุ่น คือ FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เพื่อส่งสัญญาณว่า รถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนี้ จะมีเส้นสายการออกแบบที่โดดเด่น และมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)
ปี 1998 Yaris ได้เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรปอย่างเป็นทางการในปี 1999 ชื่อ “Yaris” มาจากการผสมผสานระหว่างคำว่า “Ya” (Yes ในภาษาเยอรมัน) และ “Charis” (เทพีแห่งความงามในเทพนิยายกรีก) ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจที่จะสร้างรถยนต์ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและความงาม
Yaris ถูกเปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ VITZ ในปี 1999 ก่อนจะส่งต่อไปยังตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในชื่อ ECHO ส่วนเวอร์ชัน Sedan ก็ใช้ชื่อ Platz แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่ารุ่น Hatchback ที่ทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย
Yaris รุ่นแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม คว้ารางวัล “European Car of the Year” ประจำปี 2000 ไปครอง ซึ่งเป็นรางวัลที่รถยนต์ยุโรปมักจะครองตำแหน่งนี้มาโดยตลอด
รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นปี 2005 และมาถึงไทยในเดือนมกราคม 2006 เป็น Yaris รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย แม้จะทำยอดขายได้ดีในตลาดโลก แต่ในไทยช่วงแรกราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ยอดขายไม่เปรี้ยงปร้างนัก
รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นปี 2010 ทำตลาดในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายกลับไม่ร้อนแรงเท่ารุ่นก่อนหน้า
การเดินทางสู่ ECO Car และตัวถังใหม่ที่แตกต่าง
เมื่อ Toyota ต้องพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่เพื่อเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาลไทย ซึ่งมีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่าต้องเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยผลิตออกจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะผลิตในญี่ปุ่นและยุโรปมาปรับปรุงจึงเป็นไปไม่ได้
การนำ Aygo รถยนต์ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่ม PSA มาทำตลาดก็ดูจะเล็กเกินไปสำหรับตลาดไทย ขณะเดียวกันข้อตกลงกับ PSA ก็จำกัดการผลิตและขายเฉพาะในยุโรปเท่านั้น
ทางเลือกสุดท้าย คือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างจีน ซึ่งต้องการรถ Hatchback ขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ ECO Car
TakeShi Matsuda Chief Engineer ผู้พัฒนา Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า “ความตั้งใจของเขาตอนแรกคือทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็น Full Model Change สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดไทยกำหนดให้เป็น ECO Car จึงต้องหาทางออกให้กับข้อจำกัดต่างๆ”
Dear Qin: สัญญาณจากตลาดจีน
1 ปีก่อนการเปิดตัวจริง Toyota ได้สร้างรถยนต์ต้นแบบในชื่อ Toyota Dear Qin Hatchback (สีเขียว) และ Toyota Dear Qin Sedan (สีแดง) เพื่อเปิดตัวในงาน Beijing Automotive Show 2012 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวทางการออกแบบของ Vios และ Yaris รุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก โดย Dear Qin คันสีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนเป็นตลาดเป้าหมายหลัก
เปิดตัว Yaris-L ในจีน และ Yaris ใหม่ในไทย
Toyota เลือกเปิดตัว Yaris รุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ในงาน Auto Shanghai 2013 ณ ประเทศจีน และใช้ชื่อว่า Yaris-L โดยเริ่มวางจำหน่ายในจีนอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2013
ประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่ 2 ของโลกที่ Toyota ได้เผยโฉม Yaris ใหม่นี้ ในงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World
TakeShi Matsuda กล่าวว่า “ในตอนแรก เขาไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดให้ต้องทำตลาดในไทยฐานะ ECO Car ทำให้เกิดข้อจำกัดมากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นอย่างเต็มที่”
Matsuda-san เน้นย้ำว่า เขาให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายใน ให้มีความสบาย นั่งสบาย ไม่เบียดเสียด พร้อมทั้งยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร และการเกาะถนนให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
มิติใหม่ของ Yaris: ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น แต่เตี้ยลง
Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน จะพบว่า Yaris ใหม่ ยาวขึ้นกว่าเดิมถึง 315 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร เตี้ยลง 45 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มิลลิเมตร
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังที่ยาวถึง 663 มิลลิเมตร (ยาวกว่าเดิม 77 มิลลิเมตร) ทำให้ Yaris ECO Car รุ่นนี้กลายเป็นรถที่มีพื้นที่โดยสารโอ่โถงที่สุดในบรรดา ECO Car ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย
ดีไซน์ภายนอก: สปอร์ต เฉียบคม หรือหลุดโลก?
เส้นสายภายนอกของ Yaris ใหม่ มาในสไตล์ “เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน” กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ดูคล้ายกับ Mitsubishi ASX หรือ Lancer EX แต่เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินที่ดูคล้าย “หนวดปลาดุก” จนได้ฉายาว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!”
กระจังหน้ามีให้เลือกทั้งสีเงิน (รุ่น G, E) และสีดำ (รุ่น J, J ECO) มือจับประตูด้านข้างเป็นโครเมียมในรุ่น G และสีเดียวกับตัวถังในรุ่นอื่น ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ในรุ่น G และ Multi Reflector ในรุ่นอื่น
รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ เช่น ครีบรีดอากาศ หรือมือจับประตูทั้ง 4 บาน
ส่วนบั้นท้ายนั้น ดีไซน์ชุดไฟท้ายที่ดูแปลกตา ทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับ Peugeot 208 หรือแม้กระทั่ง “ก้อนเลือดกำเดาไหล” ซึ่งทำลายความลงตัวของงานออกแบบไปไม่น้อย
ทุกรุ่นมาพร้อมที่ปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกหลัง ทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชน และสปอยเลอร์เหนือกระจกหลัง
รุ่น G มาพร้อมล้ออัลลอย 15 นิ้ว ยาง 185/60 R15 ส่วนรุ่น E ใช้ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ ขณะที่รุ่น J ได้ล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมยาง 175/65 R14 และรุ่น J ECO เป็นล้อกระทะเหล็กสีดำไม่มีฝาครอบ พร้อมยางขนาดเดียวกัน
ระบบกุญแจ: ทันสมัย หรือย้อนยุค?
ระบบกุญแจของ Yaris ใหม่ มีความหลากหลายตามรุ่นย่อย รุ่น G มาพร้อมระบบ Keyless Entry และ Push Start พร้อมระบบกันขโมย Immobilizer และ TDS ขณะที่รุ่น E เป็นกุญแจรีโมทแบบไข ส่วนรุ่น J และ J ECO ใช้กุญแจแบบมาตรฐานที่ชวนให้นึกถึง Toyota Hilux Mighty-X รุ่นปี 1990
ภายในห้องโดยสาร: คุ้นเคย แต่ปรับปรุงเพื่อความสบาย
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร จะพบว่าแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางยกชุดมาจาก Vios ใหม่ทั้งหมด การตกแต่งใช้วัสดุพลาสติกสีเงิน Metallic ตัดกับสีดำ พร้อมลายเย็บหลอกๆ เพื่อเพิ่มความหรูหรา
เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบเดียวกับ Vios ใหม่ แต่เปลี่ยนลายผ้าตรงกลางเป็นสีส้มเพื่อเพิ่มความสปอร์ต การปรับเลื่อนเบาะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม และมีการออกแบบด้านหลังเบาะให้มีส่วนเว้าเพิ่มขึ้น 38 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างหัวเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า
สิ่งที่น่าประทับใจคือ เบาะรองนั่งที่ออกแบบมาได้พอดี แต่ยังคงมีข้อสังเกตว่าเบาะรองนั่งยังค่อนข้างสั้นไปเล็กน้อย หากเพิ่มความยาวอีกสัก 10 มิลลิเมตร จะช่วยให้การรองรับต้นขาขณะขับขี่ทางไกลสบายยิ่งขึ้น
ข้อที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง คือ เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด ที่ไม่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ ซึ่งเป็นข้อด้อยที่พบใน Vios เช่นกัน การไม่มีพนักวางแขนสำหรับคนขับในทุกรุ่นย่อยก็เป็นอีกจุดที่น่าเสียดาย
พื้นที่เหนือศีรษะมีความโปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นเดิมอย่างชัดเจน
พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง: กว้างขวาง โอ่อ่า คือจุดเด่น
จุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ คือพื้นที่เบาะหลังที่กว้างใหญ่และโอ่โถงที่สุด เบาะหลังรองรับสรีระได้ดี แต่พนักศีรษะตรงกลางอาจจะทิ่มตำต้นคอหากไม่ยกขึ้นใช้งาน
ข้อจำกัดเล็กน้อยคือ เบาะรองนั่งที่สั้นไปนิดหน่อย และไม่มีที่วางแขนแบบพับเก็บได้ รวมถึงช่องวางแก้วสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารสูง 171 เซนติเมตร ยังเหลือให้สอดนิ้วได้ 3 นิ้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่น่าเสียดายว่า Vios ไม่ได้มีให้
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุด คือพื้นที่วางขา ที่ใหญ่สะใจ ผู้โดยสารสามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย แม้ผู้ขับจะปรับเบาะให้อยู่ในตำแหน่งปกติก็ตาม Yaris ECO Car รุ่นนี้ จึงถือเป็นรถที่มีพื้นที่นั่งโดยสารที่ใหญ่โตที่สุดในบรรดา ECO Car ทุกคันในประเทศไทย จนถึงปี 2016!
ความปลอดภัย: ใส่ใจในรายละเอียด
เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด มีมาให้ครบทั้ง 5 ตำแหน่ง แต่การออกแบบเข็มขัดนิรภัยตรงกลางเบาะหลัง ที่ต้องยึดกับเสา C-Pillar และลากสายมาที่เพดานหลังคา อาจดูไม่ลงตัวนัก แต่ก็เป็นไปตามข้อจำกัดด้านต้นทุนและการออกแบบ
จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX มีมาให้ที่เบาะหลัง
รุ่น G และ E สามารถพับเบาะหลังแยก 60:40 ส่วนรุ่น J และ J ECO ต้องพับทั้งแผงลงมาพร้อมกัน
ห้องเก็บสัมภาระ: เพียงพอต่อการใช้งาน
ฝาประตูห้องเก็บสัมภาระด้านหลังใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อกับรีโมทกุญแจ
ห้องเก็บสัมภาระมีความยาว 734 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจาก Yaris รุ่นเดิม 140 มิลลิเมตร มีปริมาตรความจุ 326 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA ซึ่งเพียงพอต่อการบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง 3 ใบ พร้อมกระเป๋าใบเล็กอีก 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุมากที่สุดในบรรดา ECO Car Hatchback ในไทยขณะนั้น
ยางอะไหล่ขนาด 175/65 R14 พร้อมเครื่องมือและแม่แรงประจำรถจากโรงงาน
เครื่องยนต์และสมรรถนะ: ECO Car ที่แรงเกินคาด!
Yaris ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ 3NR-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,197 ซีซี พร้อมระบบ Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร (11.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์นี้ผ่านมาตรฐาน ECO Car โดยใช้น้ำมันเครื่อง 0W20
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด คือ Yaris ใหม่ มีให้เลือกเพียง เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i เท่านั้น โดยไร้เงาเกียร์ธรรมดาตามที่หลายคนคาดหวัง Toyota ให้เหตุผลว่า ความต้องการเกียร์ธรรมดาในตลาด ECO Car ไทยมีไม่ถึง 5%
เมื่อทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. Yaris 1.2 L CVT ทำเวลาได้ 12.4 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 9.2 วินาที ตัวเลขนี้ เท่ากันกับ Toyota Vios 1.5 ลิตร 4AT และ เร็วกว่าคู่แข่งในพิกัด ECO Car อย่างชัดเจน!
นี่คือความเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Toyota Yaris 2025 คันนี้ อัตราเร่งที่แรงเกินคาด นี้ เกิดจากหลายปัจจัย:
อุณหภูมิที่เย็น: การทดสอบในคืนที่อากาศเย็น (22-23 องศาเซลเซียส) ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota เลือกใช้อัตราทดเฟืองท้ายที่สูงถึง 5.833:1 ซึ่งช่วยให้ออกตัวได้จัดจ้าน
การปรับเซ็ตเกียร์ CVT: เกียร์ CVT ลูกนี้ถูกปรับปรุงมาอย่างดี ให้ตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างทันท่วงที
ความเร็วสูงสุด ทำได้ประมาณ 170 กม./ชม. ซึ่งต้องใช้แรงส่งจากเนินช่วยดัน
การขับขี่: สมดุลที่น่าประทับใจ
อัตราเร่ง: แม้จะเป็นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่ Yaris ใหม่ ให้การตอบสนองที่น่าประทับใจ การเหยียบคันเร่งมิดจะเรียกอัตราเร่งได้อย่างทันอกทันใจ เกียร์ CVT มีโหมด S และ B ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่
ช่วงล่าง: ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังแบบทอร์ชันบีม ถูกปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลและการทรงตัวที่ดีขึ้น Yaris ใหม่ มีช่วงล่างที่ ดีเทียบเท่า Suzuki Swift และในบางด้านยังดีกว่า เช่น อาการเด้งเมื่อบรรทุกคนเยอะ การเข้าโค้งทำได้อย่างมั่นใจและนิ่งกว่าที่คาดคิด
พวงมาลัย: พวงมาลัยไฟฟ้า EPS มีน้ำหนักที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง และนิ่งขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า Yaris รุ่นเดิม มีการออกแบบให้แกนพวงมาลัยเยื้องศูนย์เล็กน้อย เพื่อเพิ่มความรู้สึกหนืดมือและช่วยในการประคองรถที่ความเร็วสูง แม้จะยังคงบุคลิกความเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า แต่ก็มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่า Vios
ระบบเบรก: เบรกหน้าดิสก์ หลังดรัม พร้อม ABS, EBD, BA ทำงานได้ดี ให้ความรู้สึกหน่วงที่มั่นใจได้ การตอบสนองของแป้นเบรกค่อนข้างตื้น และมีระบบ Brake Override ช่วยป้องกันคันเร่งค้าง
ความประหยัดน้ำมัน: ECO Car ที่ใช้งานได้จริง
จากการทดสอบ Yaris 1.2 L CVT ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยได้ 16.64 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดี อยู่ในระดับเดียวกับ ECO Car รุ่นอื่นๆ ในตลาด และประหยัดกว่า Vios 1.5 ลิตร อย่างชัดเจน
สรุป: ECO Car ที่มาพร้อมความคุ้มค่า และความประหลาดใจ
Toyota Yaris 2025 คือรถยนต์ ECO Car ที่สร้างความประหลาดใจให้กับวงการยานยนต์ ด้วยการออกแบบที่แตกต่าง สมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง
จุดเด่น:
อัตราเร่งที่แรงเกินคาด: เทียบเท่า Vios 1.5 ลิตร และเหนือกว่าคู่แข่ง ECO Car อื่นๆ
ช่วงล่างที่ปรับปรุงดีขึ้น: เกาะถนน มั่นใจได้ เทียบเคียง Suzuki Swift
พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง: โดยเฉพาะเบาะหลัง นั่งสบาย
ความประหยัดน้ำมัน: ทำได้ดีตามมาตรฐาน ECO Car
ราคาที่คุ้มค่า: โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Vios ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน
ข้อสังเกตและสิ่งที่ควรปรับปรุง:
การออกแบบภายนอก: กระจังหน้าและไฟท้ายอาจจะไม่ถูกใจทุกคน
พวงมาลัย: ยังคงมีบุคลิกความเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า ขาดชีวิตชีวา
เข็มขัดนิรภัย: ไม่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้
รายละเอียดการตกแต่งภายใน: วัสดุบางชิ้นยังดูเรียบง่าย
ออปชั่นบางรายการ: อาจจะยังไม่คุ้มค่ากับราคาในบางรุ่นย่อย
Yaris ใหม่ ไม่ใช่แค่รถยนต์ ECO Car ทั่วไป แต่เป็นรถที่ Toyota ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อท้าชนคู่แข่งอย่าง Suzuki Swift และแสดงให้เห็นว่า ECO Car ก็สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและน่าประทับใจได้
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ ECO Car ที่ตอบโจทย์ทั้งความประหยัด ความสะดวกสบายในการใช้งานในเมือง และยังมอบความสนุกในการขับขี่ Toyota Yaris ECO Car 2025 คันนี้ คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
หากคุณกำลังตัดสินใจเลือกรถยนต์คันใหม่ในวันนี้ อย่าพลาดที่จะเข้ามาสัมผัสประสบการณ์จริงของ Toyota Yaris ECO Car 2025 ที่โชว์รูม Toyota ใกล้บ้านคุณ เพื่อค้นพบว่า รถยนต์คันนี้ จะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับความต้องการของคุณหรือไม่

