Bentley Bentayga 2021: นิยามใหม่แห่ง SUV สุดหรู สู่ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ
ในโลกของยนตรกรรมสุดหรูที่การพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่ง Bentley ได้ประกาศศักดาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Bentley Bentayga 2021 รุ่นปรับโฉมใหม่ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของแบรนด์ในการสร้างสรรค์ SUV ระดับไฮเอนด์ ที่ผสมผสานความสปอร์ต สง่างาม และเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของ Bentayga รุ่นนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่การปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่และโดยสารให้ก้าวไปอีกขั้น
การออกแบบที่สืบทอด DNA แห่งความหรูหราและสปอร์ต
Bentley Bentayga 2021 ได้รับการถ่ายทอดภาษาการออกแบบใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการผสมผสานเอกลักษณ์จาก Bentley Continental GT รุ่นที่สาม และ All-new Flying Spur saloon การปรับเปลี่ยนที่โดดเด่นที่สุดคือบริเวณท้ายรถ ที่มาพร้อมไฟท้ายทรงวงรีดีไซน์ใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแก้วคริสตัลเจียระไน สะท้อนถึงความประณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด
ด้านหน้าของรถก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ให้ดูสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับ Continental GT โฉมล่าสุด ชุดไฟหน้าแบบ Intelligent LED matrix ได้รับการตกแต่งรายละเอียดภายในโคมให้สวยงามประณีตยิ่งขึ้นเช่นกัน กระจังหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมช่องระบายอากาศบริเวณกันชนหน้าที่ดูทรงพลัง ซึ่งทั้งหมดนี้เสริมสร้างบุคลิกที่แข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์ให้กับ Bentayga SUV
นอกจากนี้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญ ก็ถูกใส่ใจเช่นกัน อาทิ ที่ปัดน้ำฝนพร้อมฟังก์ชันปล่อยลมร้อน 22 รู ที่ได้รับการนำกลับมาใช้ในรุ่นนี้ เพื่อช่วยลดฝ้าและไล่หิมะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความหรูหราและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกสภาพอากาศ
ภายในห้องโดยสาร: ความสง่างามที่สัมผัสได้
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Bentayga 2021 คุณจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ยกระดับประสบการณ์การโดยสารให้เหนือกว่าเดิม การปรับปรุงช่องแอร์กลางใหม่ที่มาพร้อมระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 10.9 นิ้ว แบบ edge-to-edge ความละเอียดสูง เป็นจุดเด่นที่สะดุดตา ระบบนำทางใหม่พร้อมแผนที่ดาวเทียม การค้นหาข้อมูลออนไลน์ และการรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายและเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อ
พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ที่ยกมาจาก Continental GT และ Flying Spur ให้สัมผัสการควบคุมที่แม่นยำและสปอร์ต การออกแบบชายขอบประตูและเบาะนั่งใหม่ทั้งหมด ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความสบายสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ที่ได้รับพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้นถึง 100 มิลลิเมตร พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะหลัง ยิ่งตอกย้ำถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด
สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ยังมีแท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่คล้ายกับที่ใช้ใน Flying Spur โฉมใหม่ ซึ่งมาพร้อมพอร์ต USB-C รองรับการชาร์จไร้สาย และมีซิมในตัว เพิ่มความสะดวกในการใช้งานและเชื่อมต่อ
Bentley Bentayga 2021 เปิดโอกาสให้เจ้าของรถสามารถเลือกวัสดุตกแต่งภายในได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นอะลูมิเนียมเพชรสีดำขัดเงา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์แบรนด์ Bentley หรือวัสดุตกแต่งอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยสร้างเอกลักษณ์และความเป็นส่วนตัวให้กับ Bentley Bentayga ราคา ที่สะท้อนถึงความพรีเมียม
ขุมพลัง V8 อันทรงพลัง: ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
ภายใต้ความสง่างามของ Bentley Bentayga 2021 คือขุมพลังเบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร การทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นมาตรฐาน ทำให้ Bentley Bentayga 2021 สามารถเร่งอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การผสมผสานระหว่างพละกำลังอันมหาศาลและความนุ่มนวลในการขับขี่ คือสิ่งที่ทำให้ Bentley Bentayga เป็น SUV พรีเมียม ที่โดดเด่นเหนือใคร
Bentley Bentayga ในบริบทตลาดรถยนต์ไทย
สำหรับตลาดประเทศไทย การมาถึงของ Bentley Bentayga 2021 ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ รถ SUV หรู ซึ่งแม้จะต้องรอการประกาศราคาและกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่เชื่อมั่นได้เลยว่า Bentley Bentayga สเปค ใหม่นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์ที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
มองไกลกว่า Bentley Bentayga: โลกของรถเปิดประทุน
นอกเหนือจากความน่าตื่นเต้นของ Bentley Bentayga 2021 แล้ว การพูดคุยถึงยนตรกรรมสุดหรู ก็ไม่อาจมองข้ามเสน่ห์ของ รถเปิดประทุน หรือรถ Convertible ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของ รถสปอร์ตเปิดประทุน ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและน่าหลงใหล
เสน่ห์ของรถเปิดประทุน: อิสระแห่งการขับขี่
รถเปิดประทุน หรือรถ Convertible คือนิยามของอิสระและการขับขี่ที่เปิดรับทุกสัมผัส ด้วยหลังคาที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทำให้การเดินทาง โดยเฉพาะในวันที่อากาศดี ท่องเที่ยวริมทะเล หรือบนเส้นทางภูเขา กลายเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพ การขับรถเปิดประทุนไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นการเปิดรับบรรยากาศ สัมผัสสายลม และดื่มด่ำกับทิวทัศน์รอบข้างอย่างเต็มที่
รถเปิดประทุนในตลาดประเทศไทย: ความท้าทายและโอกาส
แม้ว่าโดยทั่วไปรถเปิดประทุนจะได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยมากกว่า แต่ในประเทศไทย ตลาด รถเปิดประทุนมือสอง และ รถเปิดประทุนป้ายแดง ก็ยังคงมีผู้ที่ชื่นชอบและแสวงหาอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ต้องการความโดดเด่นและประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร แม้จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้น หรือความท้าทายด้านมลภาวะ แต่การพัฒนาเทคโนโลยีของหลังคาเปิดประทุนให้ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ ก็ช่วยให้รถประเภทนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในประเทศไทยได้ดีขึ้น
เทคโนโลยีหลังคาเปิดประทุน: จากมือสู่ระบบไฟฟ้า
พัฒนาการที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของรถเปิดประทุน คือการเปลี่ยนจากระบบเปิด-ปิดด้วยมือแบบดั้งเดิม ไปสู่ระบบไฟฟ้าที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และสามารถทำได้แม้ในขณะรถวิ่ง นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกของวัสดุหลังคาที่หลากหลาย ตั้งแต่หลังคาผ้าใบแบบคลาสสิก ไปจนถึงหลังคาแข็งที่ให้ความรู้สึกเหมือนรถคูเป้
แนะนำรถเปิดประทุนน่าสนใจในงบประมาณที่เข้าถึงได้
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถเปิดประทุนราคาไม่เกิน 6 ล้านบาท มีหลายรุ่นที่น่าสนใจและพร้อมจะเติมเต็มความฝันของคุณให้เป็นจริง:
BMW Z4 Roadster M40i: ด้วยดีไซน์สปอร์ตสุดล้ำ กระจังหน้าทรงไตคู่ ไฟหน้า LED แนวตั้ง และช่องรับลมขนาดใหญ่บริเวณซุ้มล้อหน้า พร้อมหลังคาผ้าใบระบบไฟฟ้าที่เปิด-ปิดได้ใน 10 วินาที และสามารถทำได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ภายในมาพร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัล หน้าจอทัชสกรีน 10.25 นิ้ว และเบาะนั่ง M Sport สุดสปอร์ต สมรรถนะเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 340 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,999,000 บาท
Audi TT Roadster: รถเปิดประทุนพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro มาพร้อมชุดแต่ง S-Line ไฟหน้า-ไฟท้าย LED และฟังก์ชัน Cornering Light เส้นสายรอบคันเรียบหรู กระจังหน้าเอกลักษณ์ของ Audi หลังคาผ้าสีดำ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าใน 10 วินาที ภายในตกแต่งโทนสีดำ เบาะนั่งสปอร์ตหุ้มหนัง Alcantara จอแสดงผลมาตรวัด 12.3 นิ้ว เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 245 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด S-Tronic ราคาจำหน่าย 3,599,000 บาท
Mercedes Benz SL Roadster (รุ่น 300 AMG Dynamic): รถสปอร์ตเปิดประทุนที่เน้นการใช้วัสดุน้ำหนักเบาแต่ยังคงความแข็งแกร่ง ไฟหน้า-หลัง LED พร้อมไฟเดย์ไลท์ และหลังคา Vario เปิด-ปิดได้ขณะรถเคลื่อนที่ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. ภายในตกแต่งหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ วัสดุไม้และอะลูมิเนียม เครื่องยนต์ V6 biturbo 3.0 ลิตร 367 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที ราคาจำหน่าย 4,090,000 บาท
MAZDA MX-5: รถเปิดประทุนที่ออกแบบตามแนวคิด Jinba-Ittai เน้นความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ ขับขี่สนุก หลังคาเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า ไฟหน้า LED เส้นสายหรูหราเรียบง่าย ภายในตกแต่งสีดำ เบาะหนังพิเศษ ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง รองรับ Apple CarPlay เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 184 แรงม้า มีทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ราคาจำหน่าย 2,905,000 บาท
Mini Cooper Convertible 2021: รถเปิดประทุนขนาดเล็กกะทัดรัดตามสไตล์ Mini แต่มาพร้อมสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา ไฟหน้า LED ดีไซน์เอกลักษณ์ กระจังหน้าสีดำ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งสปอร์ต หน้าจอสัมผัส 8.8 นิ้ว หลังคาผ้าเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าขณะรถวิ่งความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ใน 18 วินาที เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ TwinPower Turbo 231 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที ราคาจำหน่าย 3,468,000 บาท
Porsche 718 Boxster T: รถสปอร์ตเปิดประทุนน้ำหนักเบา สมรรถนะไม่ธรรมดา กรอบกระจกมองข้างสีเทา ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ท่อไอเสียคู่ทรงสปอร์ต ลวดลายข้างรถตกแต่งชื่อรุ่น Boxster T หลังคาผ้า Soft Top ภายในตกแต่งเรียบง่ายโทนสีดำ พวงมาลัยและเบาะนั่งสปอร์ต เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร 300 แรงม้า อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที ราคาจำหน่าย 5,990,000 บาท
Lexus LC500 Convertible: รถซีดานสปอร์ตเปิดประทุนสุดเท่ หลังคาผ้าใบหนา 4 ชั้น มีฉนวนกันเสียง เปิด-ปิดใน 15 วินาที ไฟหน้า Ultra-compact LED Triple-projector กระจังหน้าลายตาข่ายขนาดใหญ่ ภายในหรูหราพรีเมียมด้วยวัสดุคุณภาพ เบาะหนังแท้ ระบบอินโฟเทนเมนต์สัมผัส เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร 470 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 4.7 วินาที (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสเปค) ราคาจำหน่าย 3,320,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
Rolls-Royce Ghost: ความสมบูรณ์แบบที่ไร้ที่ติ
เมื่อเราพูดถึงยนตรกรรมสุดหรู การกล่าวถึง Rolls-Royce Ghost ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ที่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความต้องการของลูกค้าที่มองหาความสง่างามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
Ghost: วิวัฒนาการแห่งความสำเร็จ
Rolls-Royce Ghost รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2552 ถือเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่ของแบรนด์ ที่ต้องการการแสดงออกที่ถ่อมตัวและเรียบง่ายมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์แบบด้านการออกแบบ วิศวกรรม และงานศิลป์ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Ghost ได้กลายเป็นยนตรกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 116 ปีของแบรนด์ การขยายการผลิตและการลงทุนในการเสริมสร้างขีดความสามารถ ทำให้ Rolls-Royce เป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างแท้จริง
วิศวกรรมแพลตฟอร์ม: พื้นฐานแห่งความเหนือชั้น
แพลตฟอร์มอลูมิเนียมสเปซเฟรมเฉพาะของ Rolls-Royce ที่ใช้กับ Phantom และ Cullinan ถูกนำมาใช้กับ Ghost ใหม่เช่นกัน แพลตฟอร์มนี้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขนาดได้ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านสุนทรียศาสตร์และจักรกลที่ซับซ้อนของ Ghost ได้อย่างอิสระ การจัดวางเครื่องยนต์ V12 สูบ 6.75 ลิตร ไว้หลังเพลาหน้า ช่วยให้ได้การกระจายน้ำหนักที่เหมาะสมแบบ 50/50
การปรับเปลี่ยนที่สำคัญกับโครงสร้างพื้นห้องโดยสารและการเพิ่มระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ และระบบช่วงล่าง Planar ที่ออกแบบใหม่ โดยไม่กระทบต่อจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเข้าโค้งอย่างน่าทึ่ง
โครงสร้างส่วนบนของ Ghost ใหม่ทำจากโลหะ 100% ตัวถังด้านนอกเป็นแผ่นโลหะชิ้นเดียวที่ไร้รอยต่อ ตั้งแต่เสา A จนถึงหลังคา การเชื่อมตัวถังทั้งหมดด้วยมือโดยช่างฝีมือ 4 คน ทำให้การเชื่อมต่อมีความต่อเนื่องสมบูรณ์แบบ บานประตูอลูมิเนียมที่เชื่อมด้วยเลเซอร์ ช่วยลดน้ำหนักและความแข็งตึง
เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ: พลังที่ไร้ขีดจำกัด
เครื่องยนต์เบนซิน V12 ทวินเทอร์โบ สูบ 6.75 ลิตร ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบพละกำลัง 563 แรงม้า (420kW) และแรงบิด 850Nm หรือ 627lb ft ส่งตรงไปยังระบบขับเคลื่อนทุกล้อและระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ แรงบิดสูงสุดสามารถทำได้ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1600 รอบ/นาที ทำให้การขับขี่ราบรื่นและทรงพลังในทุกช่วงความเร็ว
ระบบช่วงล่าง Planar: สัมผัสแห่งการล่องลอย
ระบบช่วงล่าง Planar คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Ghost มอบความรู้สึกเสมือน “บินอยู่บนพื้นดิน” ระบบนี้ได้รับการพัฒนามาอย่างยาวนาน ผสานเทคโนโลยีการสแกนสภาพเส้นทาง และซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานที่ซับซ้อน รวมถึง Upper Wishbone Damper ตัวแรกของโลกที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงและง่ายดายในการขับขี่
ระบบ Flagbearer ที่ใช้กล้องสเตอริโอคอยอ่านสภาพเส้นทางข้างหน้า และระบบ Satellite Aided Transmission ที่ใช้ข้อมูล GPS ช่วยคาดการณ์และตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนได้อย่างดีเยี่ยม แม้ในสภาวะที่โหดร้าย
การออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด: จากภายนอกจรดภายใน
ประตูไฟฟ้า: การเปิด-ปิดประตูไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบช่วยเหลือและเซ็นเซอร์ความปลอดภัย ทำให้การเข้า-ออกทำได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย
ระบบฟอกอากาศ MEPS: ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารแบบใหม่ ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งปนเปื้อน และสามารถเปลี่ยนโหมดการทำงานอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าอากาศภายในห้องโดยสารจะสะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ
เทคโนโลยีล้ำสมัย: ไฟหน้า LED และเลเซอร์ระยะไกลกว่า 600 เมตร, ระบบเสริมทัศนวิสัย, ระบบแจ้งเตือนผู้ขับ, กล้อง 4 ตัวพร้อมมุมมองพาโนรามา, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนก่อนชน, จอแสดงผลบนกระจกหน้า (Head-up Display) ความละเอียดสูง, Wi-Fi Hotspot, ระบบจอดด้วยตนเอง และระบบนำทางความบันเทิงล่าสุด ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Ghost เหนือกว่าใคร
ความเงียบสงบที่เป็นเอกลักษณ์: สูตรสำเร็จแห่งความสงบ
วิศวกรเสียงของ Rolls-Royce ได้สร้าง “สูตรสำเร็จแห่งความเงียบสงบ” (Formula for Serenity) สำหรับ Ghost ใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอลูมิเนียมสเปซเฟรมที่มีค่าความต้านทานคลื่นเสียงสูง วัสดุซับเสียงกว่า 100 กิโลกรัม ถูกนำมาใช้ในส่วนต่างๆ ของตัวรถ เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก
แม้จะสร้างความเงียบสนิท แต่ Rolls-Royce ก็เข้าใจดีว่าความเงียบเกินไปอาจทำให้รู้สึกอึดอัด จึงได้สร้าง “เสียงกระซิบ” (whisper) ซึ่งเป็นเสียงโทนต่ำที่สอดแทรกอย่างแนบเนียน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสบาย
ระบบเสียง Bespoke Audio: สุนทรียภาพแห่งเสียงเพลง
ระบบเสียง Bespoke Audio ของ Rolls-Royce ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การฟังเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ด้วยลำโพง 18 ช่องสัญญาณ กำลังขับ 1300W กรวยลำโพงแมกนีเซียมเซรามิกที่มีความแม่นยำสูง และลำโพง Exciter ที่ผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นผิวตัวรถอย่างลงตัว
การออกแบบภายนอก: ความงามที่เรียบง่าย ทรงพลัง
กระจังหน้าเรืองแสง: แสงไฟ LED 20 ดวง ซ่อนอยู่ตรงส่วนบนของกระจังหน้า ช่วยส่องสว่างรายละเอียด ให้ความรู้สึกสง่างามและทรงพลัง
Glasshouse: การออกแบบที่สมดุลระหว่างกระจกหน้า กระจกหลัง หน้าต่างรถ เสา และหลังคา สื่อถึงความตั้งใจที่จะสร้างสมดุลทั้งในฐานะยนตรกรรมสำหรับขับเองและให้พนักงานขับ
ไฟท้าย: รูปทรงแทบจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยด้วยการเอียงมาข้างหน้าเล็กน้อย ทำให้ดูโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
ภายใน: ความเรียบง่ายที่แฝงด้วยความหรูหรา
การตกแต่งภายในของ Ghost เน้นความเรียบง่าย สง่างาม และใช้วัสดุที่ดีที่สุด เช่น หนัง ไม้ และโลหะ หนังสัตว์ครึ่งแผ่นกว่า 20 ชิ้น ถูกคัดเลือกและควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นผิวหุ้มหนังทั้ง 338 จุด จะมีคุณภาพดีที่สุด
ชุดไม้สำหรับ Ghost เป็นแบบเปิดผิวไม้ เผยให้เห็นวัสดุอันงดงาม พร้อมสีเคลือบพิเศษ Obsidian Ayous และ Dark Amber ที่มอบเสน่ห์เย้ายวน
Bespoke Collective: นวัตกรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุด
แผงหน้าปัดเรืองแสง Illuminated Fascia: นวัตกรรมชิ้นแรกของโลก ที่มีชื่อยนตรกรรม Ghost แบบเรืองแสง ล้อมรอบด้วยดาวมากกว่า 850 ดวง เกิดจากการผสานเทคนิคการสลักจุดกว่า 90,000 จุด ลงบนพื้นผิวเส้นนำแสง LED 152 ดวง เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่ระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
บทสรุป: สัมผัสที่สุดแห่งยนตรกรรม
Bentley Bentayga 2021 และ Rolls-Royce Ghost ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เหนือกว่าในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา สมรรถนะ เทคโนโลยี หรือประสบการณ์การขับขี่ หากคุณกำลังมองหาที่สุดแห่งยนตรกรรมที่สะท้อนรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแท้จริง การพิจารณา Bentley Bentayga หรือ Rolls-Royce Ghost คือการลงทุนในนิยามใหม่ของความสำเร็จและความภาคภูมิใจ
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษเหล่านี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์ Bentley และ รถยนต์ Rolls-Royce ในประเทศไทย โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา เพื่อให้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราแนะนำยนตรกรรมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

