ก้าวสู่ยุคใหม่: ทิศทางอนาคตรถยนต์ในประเทศไทย – กลยุทธ์แบรนด์และเทรนด์ปี 2018-2019
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่เสมอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2017-2018 นั้น เป็นการก้าวกระโดดที่น่าตื่นเต้นและท้าทายอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เพียงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ต่างๆ เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และทิศทางเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามา ดิฉันจึงขอสรุปภาพรวมและแนวโน้มสำคัญที่ผู้บริโภคและผู้สนใจในอุตสาหกรรมยานยนต์ควรจับตา
Kia: การกลับมาอย่างแข็งแกร่งและการวางตำแหน่งแบรนด์ใหม่
หลังจากที่ทาง Yontrakit Kia Motors ได้รับโอกาสในการทำตลาดรถยนต์หลากหลายแบรนด์ จนกระทั่งเริ่มว่างเว้นจากการทำตลาด Audi ที่หมดสัญญาสิทธิ์ไป ทำให้บริษัทแม่ในเครือ Hyundai-Kia สามารถกลับมาทุ่มเทให้กับแบรนด์ Kia ในประเทศไทยได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Kia สามารถยืนหยัดในตลาดได้ด้วย New Grand Carnival รถ MPV 11 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ใกล้เคียงรถยนต์นั่งมากที่สุดในกลุ่มรถตู้ โดยมี Kia Soul รุ่น Minorchange ทำตลาดควบคู่กันไป
ความกล้าหาญที่น่าจับตาคือการนำเข้า Kia Stinger รถยนต์ Sport Saloon 5 ประตู ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเข้ามาทำตลาด แม้ราคาจะสูงถึง 2.99 ล้านบาท อันเนื่องมาจากภาษีนำเข้าและสรรพสามิต แต่ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Kia ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่เหนือกว่าแค่รถยนต์ครอบครัว และยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะและความสปอร์ต
อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองคือ Kia Stonic รถยนต์ Sub-Compact Crossover SUV ที่เพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศ และมีแนวโน้มสูงที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย ด้วยตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน Turbocharged 1.0 ลิตร ไปจนถึงเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร จาก Kia C’eed เวอร์ชันยุโรป คาดว่า Kia Stonic ราคา จะเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันกับคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับ Kia และ Yontrakit คือการตั้งราคาจำหน่ายสำหรับรุ่นที่ต้องนำเข้า โดยเฉพาะ Kia Sportage Compact SUV ที่เคยหายไปจากตลาดเพราะข้อจำกัดด้านราคาที่สูงกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ ปัญหาภาษีนำเข้ายังคงเป็นอุปสรรคหลักในการนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาแข่งขันในตลาดที่มีผู้ผลิตรายใหญ่ตั้งฐานการผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นความท้าทายที่ทั้งบริษัทแม่และตัวแทนจำหน่ายต้องหาทางออก เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกับเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ทันสมัยของ Kia อย่างแท้จริง
Land Rover: ก้าวสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าและความล้ำสมัย
ภายใต้ร่มเงาของ Tata Motors และการบริหารจัดการของ JLR ควบคู่กับ Jaguar การทำตลาดของ Inchcape ในประเทศไทย ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัว Discovery ใหม่ และ Range Rover Velar ที่ทำเวลาในการเปิดตัวตามตลาดโลกได้สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทย
Land Rover ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัว Range Rover Sport Plug-in Hybrid และ Range Rover Minorchange ที่มาพร้อมกับรุ่น Plug-in Hybrid นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาที่ผสานสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเข้ากับเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 404 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. และสามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที ถือเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะและความยั่งยืนได้อย่างลงตัว
ในปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง All New Defender จะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ได้รับการจับตามองทั่วโลก หลังจากที่รุ่นก่อนหน้าประสบความสำเร็จมายาวนานถึง 68 ปี การกลับมาของ Defender ในเวอร์ชันใหม่ จะเป็นการผสมผสานความดิบ ความแข็งแกร่ง แบบ Off-road ดั้งเดิม เข้ากับเทคโนโลยีการออกแบบสมัยใหม่ เพื่อตอบสนองทั้งแฟนพันธุ์แท้และดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ การพัฒนาบนพื้นฐานโครงสร้างวิศวกรรมของ Discovery แต่มีการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนจำนวนมาก เพื่อคงเอกลักษณ์ความทนทานและสมรรถนะการลุยอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
Lamborghini: URUS คือปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ SUV
ปี 2018 ถือเป็นปีที่ Lamborghini สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกด้วยการเปิดตัว URUS สุดยอด SUV ที่ผสานสมรรถนะของซูเปอร์คาร์เข้ากับความอเนกประสงค์ของรถยนต์อเนกประสงค์ การใช้พื้นฐาน MLB Evo Platform ร่วมกับ Audi Q7, Bentley Bentayga และ Volkswagen Touareg ทำให้ URUS มีน้ำหนักตัวที่เบา ทว่ามาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V8 Bi-Turbo 3,996 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 659 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 305 กม./ชม. ทำให้ URUS ก้าวขึ้นเป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในโลก ไปเรียบร้อย
ด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Bentley Bentayga อย่างชัดเจน Lamborghini URUS ราคา คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงราว 25 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด จะได้สัมผัสคันจริงในงาน Bangkok International Motor Show ปลายเดือนมีนาคม 2018 เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดรถยนต์ SUV พรีเมียมในไทยกำลังเติบโต และพร้อมรองรับรถยนต์ที่มีสมรรถนะระดับสุดยอด
Mazda: ยุคแห่ง SKYACTIV และก้าวสู่รถยนต์แห่งอนาคต
หลังจากที่ Mazda ได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จด้วยเทคโนโลยี SKYACTIV มาตั้งแต่ปี 2013 และกวาดใจกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นจำนวนมาก ปี 2018 จึงเป็นปีที่ Mazda จะขอพักเบรกจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่หวือหวา เพื่อหันมาปรับปรุงคุณภาพบริการหลังการขาย และแก้ไขปัญหาของลูกค้าเครื่องยนต์ Diesel Skyactiv-D ใน Mazda 2 ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2019 ภาพรวมตลาดจะคึกคักขึ้นทันที กับการมาถึงของ CX-8 SUV 7 ที่นั่ง ที่นำ CX-5 มาขยายความยาวเพื่อเพิ่มพื้นที่เบาะนั่งแถวที่ 3 โดยจะมาพร้อมขุมพลัง SKYACTIV-D Diesel 2.2 ลิตร 190 แรงม้า ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่เน้นความสบายและสมรรถนะ
ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น คือ All New Mazda 3 / Axela ที่จะมาพร้อมกับดีไซน์ที่ถอดแบบมาจาก Mazda KAI Concept และที่สำคัญที่สุด คือการนำเทคโนโลยี SKYACTIV-X (SPCCI: Spark Controlled Compression Ignition) มาใช้เป็นครั้งแรกในโลก โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ผสมผสานหลักการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเข้าด้วยกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดน้ำมันอย่างน่าทึ่ง คาดว่าจะเผยโฉมในปี 2019 และเข้าไทยปลายปีเดียวกัน
ส่วนอนาคตของ All New BT-50 Pro จะเป็นการกลับมาจับมือกับ Isuzu อีกครั้ง โดยจะใช้โครงสร้างวิศวกรรม เครื่องยนต์ และตัวถังร่วมกับ Isuzu D-Max รุ่นต่อไป เพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่ Mazda จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและเซ็ตช่วงล่างของ BT-50 ใหม่เอง เพื่อคงเอกลักษณ์ความสปอร์ตตามสไตล์ Mazda คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวช่วงปลายปี 2020 หรือต้นปี 2021
Mercedes-Benz: การพลิกโฉมสู่ยุครถยนต์ที่เชื่อมต่อและขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
ปี 2017 ถือเป็นปีแห่งการเปิดตัวรถยนต์ที่บ่อยครั้งที่สุดของ Mercedes-Benz (Thailand) โดยมีทั้ง E220d CKD, C350e, E350e, E300 Coupe, GLA Facelift, AMG GLA 45 Facelift, E300 Cabriolet, S350d Facelift, Maybach S560 Facelift, AMG GT-C และ AMG GT-R การตัดสินใจลดทางเลือกเครื่องยนต์สันดาปปกติใน C-Class และ E-Class รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบขับเคลื่อน Hybrid ทำให้ Mercedes-Benz ต้องทบทวนนโยบายและเตรียมนำเสนอทางเลือกเครื่องยนต์สันดาปกลับเข้ามาอีกครั้ง
สำหรับปี 2018 จะประเดิมด้วย The New CLS เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งเป็นรถยนต์ Coupe 4 ประตูรุ่นแรกที่ปรับดีไซน์ไฟหน้าตามแบบ Vision EQA มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ และเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ พร้อมระบบ EQ Boost Assist Hybrid ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 48V คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Bangkok International Motor Show โดยมี CLS350d 4MATIC เป็นรุ่นหลักที่น่าจะตอบโจทย์ด้านราคาและความคุ้มค่า
อีกรุ่นที่น่าจับตามองคือ G-Class ที่จะได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยยังคงดีไซน์ภายนอกอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ปรับปรุงห้องโดยสารให้ทันสมัยขึ้น พร้อมหน้าจอ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว และระบบ COMAND เวอร์ชันล่าสุด คาดว่า G-Class ใหม่ จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2018
นอกจากนี้ C-Class Facelift ที่จะกลับมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลอีกครั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และ S560e Plug-in Hybrid จะเข้ามาเสริมทัพ S-Class รุ่นหรู ขณะที่ A-Class Generation ที่ 4 hatchbak 5 ประตู จะถูกนำเข้ามาทำตลาดในไทยในรูปแบบตัวถัง Sedan 4 ประตูเท่านั้น โดยมีดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่าง A-Class ปัจจุบัน และ Concept EQA พร้อมห้องโดยสารที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.3 นิ้ว และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง คาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2018
MG: การเติบโตอย่างก้าวกระโดดและการลงทุนเพื่ออนาคต
ปี 2018 เป็นปีแห่งการเติบโตที่น่าจับตาสำหรับ MG โดยเฉพาะการเปิดตัว MG ZS ที่เน้นจุดขายด้วยระบบ Infotainment และการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย i-Smart ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงจนมียอดจองกว่า 3,000 คัน แม้ว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จะยังไม่ตอบโจทย์ด้านสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองเท่าที่ควร แต่การออกแบบที่สวยงามและช่วงล่างที่เซ็ตมาดี ก็ยังคงเป็นจุดแข็ง
ไฮไลท์สำคัญคือการประกาศเปิด โรงงานแห่งใหม่ ด้วยงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาสำหรับตลาด ASEAN และการส่งออกทั่วโลก รองรับกำลังผลิต 100,000 คัน/ปี ซึ่งจะใช้ผลิตทั้งรถยนต์ Smart Car, รถยนต์ไฟฟ้า EV และรถยนต์ Autonomous Drive ในอนาคต
สำหรับปี 2018 นี้ MG 3 Minorchange ที่จะมาพร้อมกับการปรับดีไซน์ภายนอกและแผงแดชบอร์ดใหม่ พร้อมเปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Torque Converter แทน AMT และ MG GV (Maxus G10) ที่วางตำแหน่งทางการตลาดเป็นรถตู้ Minivan 11 ที่นั่ง คู่แข่งโดยตรงของ Hyundai H-1 และ Kia Carnival โดยจะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร แต่ยังต้องรอลุ้นว่าจะสามารถเคลียร์ปัญหาด้านภาษีเพื่อเปิดตัวได้ทันปี 2018 หรือไม่
ที่น่าสนใจที่สุดคือแผนการเปิดตลาด รถกระบะ MG Maxus T60 ในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก โดยจะผลิตที่โรงงานแห่งใหม่นี้ และส่งออกไปยังทั่วโลก คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร และมีระบบ i-Smart ติดตั้งมาด้วย แต่จะเลื่อนการเปิดตัวไปถึงปี 2019 เพื่อรอการพัฒนาเครื่องยนต์และเครือข่ายผู้จำหน่ายให้สมบูรณ์ก่อน
Mitsubishi Motors: การปรับตัวตามพันธมิตรใหม่และการเปิดตัวรถยนต์ที่ตอบโจทย์ตลาด
การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรของ Mitsubishi Motors (Thailand) ในปี 2017 มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเตรียมรับมือการเข้ามาของพันธมิตรใหม่จากกลุ่ม Renault-Nissan Alliance แม้ Mitsubishi Eclipse Cross ที่เปิดตัวในต่างประเทศ จะไม่ถูกนำเข้ามาทำตลาดในไทย แต่ Mitsubishi Xpander Sub-Compact Minivan 7 ที่นั่ง สไตล์ Crossover ได้สร้างความฮือฮาในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ขนาดตัวถังใหญ่ และพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง แม้สมรรถนะอาจไม่ใช่จุดเด่น แต่การเซ็ตช่วงล่างแบบ Mitsubishi ก็เป็นที่ยอมรับ คาดว่า Xpander จะมาถึงมือผู้บริโภคชาวไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2018
สำหรับ Triton และ Pajero Sport คาดว่าจะมีการปรับโฉม Minorchange ในปี 2018 นี้ เพื่อเพิ่มอุปกรณ์และความสดใหม่ ในขณะที่ Mirage และ Attrage จะได้รับการเปลี่ยนโฉม Full Model Change ในปี 2019 โดยมีความเป็นไปได้ที่จะได้ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร Turbocharger รุ่นใหม่
Nissan: การเปลี่ยนแปลงผู้นำและการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การบริหารของ Mr. Antoine Barthes ประธาน Nissan คนใหม่ ตลาด Nissan ในประเทศไทย เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ทั้งการจัดการปัญหาคอร์รัปชัน การปรับนโยบายผู้จำหน่าย และการเปิดโอกาสให้พนักงานระดับล่างได้เข้าถึงผู้บริหาร
แม้การเปิดตัว Nissan Note ด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร บล็อกเดิม จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ Nissan ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2018 จะมี Navara 4×4 & SWB, GT-R!! (สุดยอดยนตกรรมสปอร์ตที่หลายคนรอคอย), X-Trail Minorchange, LEAF (รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่น่าจับตา), Note E-Power Hybrid (ระบบขับเคลื่อนใหม่ที่น่าสนใจ) และ TERRA PPV (SUV บนพื้นฐาน Navara)
ส่วนในปี 2019 ตลาดจะร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง กับการมาถึงของ KICKS, MARCH และ ALMERA รุ่นใหม่ ที่อาจมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.0 Turbo หรือ E-Power และ TEANA Minorchange ที่จะปรับดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้น
Porsche: การพัฒนาสู่ขีดสุดของสมรรถนะและความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า
สำหรับ Porsche ปี 2018 จะเป็นปีแห่งการเปิดตัวเวอร์ชันสูงสุดของฝาแฝด Cayman GT4 และ Boxster Spyder ที่คาดว่าจะมาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ 4.0 ลิตร ซึ่งจะให้สมรรถนะที่เหนือชั้นยิ่งกว่าเดิม
Macan Minorchange จะได้รับการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกเล็กน้อย และอาจได้เครื่องยนต์ 2.9 ลิตร Bi-turbo บล็อกใหม่จาก Panamera และ Cayenne มาประจำการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ปี 2019 จะเป็นปีแห่งการเปิดตัว Porsche 911 (992) บอดี้ใหม่ ที่จะใช้แพลตฟอร์ม MSB ใหม่ พร้อมขนาดที่สั้นลงแต่กว้างขึ้น และ Mission-E ซาลูนพลังไฟฟ้าเวอร์ชันขายจริง ที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยระยะทางวิ่ง 400 กม. ด้วยการชาร์จเพียง 15 นาที
Rolls-Royce: ความหรูหราขั้นสุดและการเริ่มต้นยุครถยนต์ไฟฟ้า
หลังจากเปิดตัว Phantom VIII ใหม่ ไปเมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม “Architecture of Luxury” อันทันสมัย ปี 2018 จะเป็นการเผยโฉม Cullinan SUV อันหรูหรา ที่จะมาเขย่าบัลลังก์ SUV ที่ดีที่สุดในโลก
Cullinan จะใช้เครื่องยนต์ V12 6.75 ลิตร เช่นเดียวกับ Phantom และคาดว่าจะมีเวอร์ชัน Plug-in Hybrid ตามมาในอนาคต คาดว่าจะเปิดตัวที่ Geneva Motor Show เดือนมีนาคม 2018 และเข้าไทยในปี 2019 ด้วยราคาที่คาดว่าจะทะลุ 30 ล้านบาท
Suzuki: การปรับตัวเพื่อแข่งขันในตลาด ECO Car
ปี 2017 เป็นปีที่ Suzuki ต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาฐานลูกค้า แต่ในปี 2018 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Swift และ Ertiga Full Model Change
Swift ใหม่ จะมาพร้อมโครงสร้างแพลตฟอร์ม “HEARTECH” ที่มีน้ำหนักเบาลง แต่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครัน และเครื่องยนต์ DualJet 1.2 ลิตร คาดว่าจะเปิดตัวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2018
Ertiga ใหม่ จะมาพร้อมแพลตฟอร์ม HEARTECH เช่นกัน และมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซิน 1.4 ลิตร และดีเซล 1.5 ลิตร คาดว่าจะเปิดตัวในอินโดนีเซียช่วงมีนาคม 2018 และเข้าไทยช่วงปลายปี 2018
ส่วน Ciaz Minorchange อาจมีการปรับดีไซน์ภายนอกเล็กน้อย แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม และมีแนวโน้มที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2018 หรือต้นปี 2019
Toyota / Lexus: การรุกตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่และการปรับกลยุทธ์
ปี 2017 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Toyota ด้วยการเปิดตัว Yaris ATIV และ Yaris Hatchback Minorchange ที่ช่วยสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี และการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Hybrid
สำหรับปี 2018 จะเริ่มต้นด้วย C-HR Compact Crossover ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม TNGA-C ซึ่งจะมาแข่งขันกับ Honda HR-V, Mazda CX-3 และ Nissan Juke โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซิน 1.8 ลิตร และ 1.8 Hybrid คาดว่าจะเปิดตัวปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2018
ตามมาด้วย All New Camry ที่จะเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด บนแพลตฟอร์ม TNGA-D โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น และระบบ Toyota Safety Sense P คาดว่าจะเปิดตัวช่วงไตรมาส 3 ปี 2018
นอกจากนี้ Toyota อาจนำ Rush จากอินโดนีเซีย เข้ามาทำตลาดแทน Avanza เพื่อแข่งขันกับ Honda BR-V และ Mitsubishi Xpander และ HiACE / Commuter รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ จะถูกปรับเปลี่ยนดีไซน์หัวเก๋งให้ยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อความปลอดภัย และใช้เครื่องยนต์ Diesel ตระกูล GD คาดว่าจะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังปี 2018
Corolla ALTIS รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ ก็จะตามมาในปี 2019 บนแพลตฟอร์ม TNGA-C เช่นเดียวกับ C-HR ส่วน Vios รุ่นต่อไป อาจจะพัฒนาต่อยอดจาก Daihatsu DN-F Sedan เพื่อเจาะตลาด ASEAN
สำหรับ Lexus UX Premium Sub-Compact Crossover จะเข้ามาทำตลาดแทน CT200h และ Lexus LS Generation ที่ 5 ได้เปิดตัวไปแล้ว
Volvo: ก้าวสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าและการปฏิวัติอุตสาหกรรม
การประกาศว่ารถยนต์ Volvo ทุกรุ่นที่เปิดตัวหลังปี 2019 จะเป็น Hybrid หรือไฟฟ้าล้วน ถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญและท้าทายมาตรฐานมลพิษ Euro 6 ที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับปี 2018 XC40 Compact SUV รุ่นน้องเล็กสุดของค่าย จะมาเติมเต็มไลน์อัพ Premium Sub-Compact SUV โดยสร้างบนแพลตฟอร์ม CMA ใหม่ พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูง คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Bangkok International Motor Show
ส่วน S40 / V40 Premium Compact Sedan/Wagon รุ่นใหม่ จะถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMA เช่นเดียวกับ XC40 และมีแนวโน้มที่จะใช้ขุมพลังเดียวกัน คาดว่าจะเปิดตัวในยุโรป มีนาคม 2018 และเข้าไทยต้นปี 2019
สรุปและแนวโน้มในอนาคต:
จากภาพรวมที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าตลาดรถยนต์ไทยกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี, ความยั่งยืน และการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Plug-in Hybrid จะมีบทบาทมากขึ้นอย่างแน่นอน การแข่งขันในกลุ่ม SUV และ Crossover จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่แบรนด์ต่างๆ พยายามสร้างจุดยืนและภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
สำหรับผู้บริโภค นี่คือโอกาสที่ดีที่จะได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่หลากหลาย ในขณะที่ผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความคาดหวังของผู้บริโภคที่สูงขึ้น
การศึกษาข้อมูลและติดตามความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างใกล้ชิด จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่ตรงกับความต้องการ และเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
